ตอนที่ 1007: ไล่ล่าสังหาร (1)
“หงเหลียน เจ้าควรจะหลอมรวมสมบัติทั้งสองของตระกูลเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทวีปเทียนหยวนกับทวีปสัตว์เทวะไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ ในช่วงนี้ผู้คุมกฎของทวีปสัตว์เทวะได้กลายเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉินเพราะว่าเขาต้องการพยัคฆ์ปีกเทวะ เจี้ยนเฉินอาจจะเจออันตรายได้ทุกเมื่อ ดังนั้น พวกเราจะห่างจากเขานานไม่ได้ แม้ว่าเฮยยู่จะอยู่กับเขา แต่ก็มีแค่เขาคนเดียวอยู่ดี ถ้าเขาต้องเจอกับเซียนจักรพรรดิ 2 คน เขาคงไม่สามารถช่วยเจี้ยนเฉินได้” รุยจินพูด
หงเหลียนพยักหน้าเบา ๆ นางเข้าใจแล้วว่าเจี้ยนเฉินสำคัญเพียงในตอนนี้ นางพบว่ามันค่อนข้างยากที่จะยอมรับว่านางต้องมาปกป้องผู้เยาว์ แต่เพื่อที่จะรวบรวมคนของตระกูลนาง นางก็ไม่ลังเลที่จะยอมแลก
หงเหลียนมองไปที่ลูกปัดที่อยู่บนเกราะขนนกอย่างเงียบเงียบแล้วถาม “รุยจิน ลูกปัดนี้คืออะไร ? มันดูไม่เหมือนเป็นสมบัติของตระกูลข้าเลย”
“มันเป็นของขวัญจากพยัคฆ์ปีกเทวะ มันเป็นสมบัติที่มหัศจรรย์มากที่สามารถปกป้องวิญญาณของพวกเราได้ มันทำให้วิญญาณต่อต้านสิ่งแปลกปลอมได้ มันง่ายมากที่จะหลอมรวมลูกปัด ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือ หยดเลือดบริสุทธิ์ 1 หยด จากนั้นก็หลอมรวมส่วนหนึ่งของวิญญาณของเจ้าลงไปในมัน” รุยจินอธิบาย
หงเหลียนไม่ได้พูดอะไรอีก นางยกสมบัติทั้งสองและลูกปัดขึ้นที่ได้จากพยัคฆ์ปีกเทวะขึ้นมาและนางก็กระโดดเข้าไปในหลุมของภูเขาไฟ นางมุดลงไปในลาวาที่กำลังปั่นป่วน
รัมกุยเนสเลือกภูเขาลูกที่สวยงามในส่วนลึกของภูเขาเพื่อที่จะทำหลุมศพให้กับสามีของนาง หลุมศพดูธรรมดามากด้วยการประดับของป้ายหลุมศพขนาดสูง 3 เมตรและเนินดิน
นางไม่ได้ฝังสามีของนางไว้ที่หลุมนี้ กลับกัน นางได้ฝังสิ่งของสองสามสิ่งที่สามีของนางพกติดตัวไว้เป็นประจำลงไป เช่นเดียวกับของใช้ต่าง ๆ ที่สามีของนางใช้ตอนที่เขาอยู่ที่ตระกูลกิลลิกัน
รัมกุยเนสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝังสิ่งของเหล่านั้นเพราะว่าสามีของนางได้ตายไปหลายปีแล้ว นางหาศพของเขาไม่เจอไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ตาม
“สามีข้า พวกเราแก้แค้นให้กับท่านแล้ว ท่านพักให้สงบในปรโลกเถอะ…” รัมกุยเนสสะอื้นอย่างเจ็บปวดตรงหน้าป้ายหลุมศพในขณะที่น้ำตาไหลลงมาที่ใบหน้าของนางอย่างหยุดไม่ได้
โฮ้ก ! เสือขาวก็คำรามออกมาเช่นเดียวกัน นอกเหนือไปจากนั้น เสียงนั่นยังเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เหมือนว่ามันกำลังพยายามที่พูดบางอย่างด้วยภาษาของมันเอง
เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และเฮยยู่ยืนอยู่เงียบ ๆ ข้าง ๆ รัมกุยเนส ในขณะที่พวกเขาดูทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เจี้ยนเฉินและโหยวเยว่ทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ในขณะที่เฮยยู่ยังเฉยเมย
ด้านหลังพวกเขามีราชาเปิงยืนอยู่พร้อมกับกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลกิลลิกัน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่รัมกุยเนสและพยัคฆ์ปีกเทวะด้วยสายตาที่หลากหลายอารมณ์
ราชาเปิงบอกผู้อาวุโสทุกคนเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาหลังจากการตายของราชาเสือ ซึ่งทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความจริงทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ รัมกุยเนสไม่ได้ร่วมมือกับมนุษย์และทรยศตระกูล แต่เป็นราชาเสือที่ใส่ร้ายนางเพราะเขาตั้งใจที่จะฆ่าพยัคฆ์ปีกเทวะ
แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งหมดจะเป็นสัตว์อสูร แต่พวกเขาก็มีคนที่ฉลาดมากมายในหมู่พวกเขา หลายคนเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเรื่องทวีปสัตว์เทวะได้ทันทีหลังจากที่พวกเขาได้รู้ความจริงจากราชาเปิง พวกเขาเดาว่าต้องมีบางคนที่ทรงพลังจากทวีปสัตว์เทวะที่วางแผนให้ราชาเสือทำร้ายพยัคฆ์ปีกเทวะอยู่แน่ ไม่เช่นนั้นราชาเปิงก็คงไม่กลัวแบบนี้
รัมกุยเนสเช็ดน้ำตาและลูบไปที่หัวของเสือขาวอย่างอ่อนโยน นางพูด “ลูกข้า พวกเราไปกันเถอะ เทือกเขาครอสไม่ใช่ที่ซึ่งพวกเราทั้งสองจะสามารถอยู่ได้” นางหันไปที่เจี้ยนเฉินในขณะที่นางพูดและโค้งอย่างสุภาพไปที่เขา “ท่านผู้มีพระคุณ ขอบคุณที่ทำให้พวกเราแก้เค้นได้สำเร็จ จากนี้เป็นต้นไป ข้ารัมกุยเนสจะทำงานให้ท่านผู้มีพระคุณตลอดไป”
เจี้ยนเฉินรีบช่วยให้รัมกุยเนสลุกขึ้นมาแล้วพูด “ได้โปรดอย่าทำแบบนั้นเลย ข้าเป็นสหายสนิทกับเสี่ยวไป๋ มันเป็นเรื่องที่ข้าควรจะทำอยู่แล้วในการช่วยสหาย และข้าก็ยังเป็นศัตรูกับราชาเสืออีก ดังนั้นข้าก็เลยช่วยท่านในการแก้แดค้นในครั้งนี้ ได้โปรอย่างเรียกข้าว่าผู้มมีพระคุณเลย เรียนข้าว่าเจี้ยนเฉินก็พอ”
“ท่านผู้มีพระคุณ ข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ? ข้าเผชิญกับความตายที่ใกล้เข้ามาในตอนนั้น และถ้าท่านผู้มีพระคุณไม่ได้เอาลูกของข้าไปในตอนนั้น เขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ อีกทั้งท่านยังช่วยชีวิตข้า ความมีน้ำใจของท่านต่อพวกเราทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่จนข้าไม่สามารถทดแทนได้ทั้งชีวิต” รัมกุยเนสพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
การกระทำของรัมกุยเนสทำให้เจี้ยนเฉินปวดใจ หลังจากที่ลังเลเล็กน้อยเขาก็พูดออกมา “ผู้อาวุโส พวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้กันเลย ไปจากที่นี่กันเถอะ”
ครั้งนี้ รัมกุยเนสไม่ได้พูดอะไร นางเดินไปที่ชายแดนของเทือกเขาครอสพร้อมกับเจี้ยนเฉินและเสือขาว
ราชาเปิงไม่สามารถเงียบเฉยอยู่ได้ ในขณะที่เขามองดูกลุ่มของเจี้ยนเฉินค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ เขาพูด “รัมกุยเนส ลูกของเจ้าเป็นสัตว์เทวะ พยัคฆ์ปีกเทวะ ข้าหวังว่าสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่จะอยู่ที่นี่และคอยปกป้องตระกูลกิลลิกันได้และจะช่วยนำสัตว์อสูรทั้งหมดในเทือกเขาครอสนี้ ทุกคนในตระกูลกิลลิกันยินดีที่จะติดตามสัตว์เทวะผู้ยิ่งใหญ่” ราชาเปิงคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ในขณะที่เขาพูดจบ
“พวกเราอยากที่จะติดตามสัตว์เทวะผู้ยิ่งใหญ่ ! “
ผู้อาวุโสทั้งหมดคุกเข่าลงหนึ่งข้าง และพวกเขาทั้งหมดก็พูดตามที่ราชาเปิงพูด ไม่มีใครไม่เห็นด้วย
“พวกเราจะไม่อยู่ที่นี่ ตระกูลกิลลิกันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลมานานมากแล้ว” รัมกุยเนสพูดโดยไม่หันกลับไปมอง ตระกูลกิลลิกันได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับทางนาง และทำให้นางสิ้นหวัง
ราชาเปิงลังเลทันทีหลังจากนั้น เขาลอบถอนใจในขณะที่สีหน้าเขาแสดงความเสียดายออกมา เขารู้ว่ารัมกุยเนสไม่ยอมปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายปีแล้วเพราะว่าเขา ราชาเปิง ไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งตอนที่ราชาเสือไล่ล่าทั้งสองคน นอกเหนือไปจากนั้น เขายังไม่อยู่ข้างนางและบอกว่านางบริสุทธิ์ตอนที่ราชาเสือใส่ร้ายนาง
ทันใดนั้นเอง สายตาที่เฉยเมยของเฮยยู่ก็เป็นประกาย ดวงตาของเขาแหลมคมทันทีในขณะที่เขามองไปที่มิติสูงขึ้นไปในอากาศ
มิติเริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง และประตูมิติก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนสามคนออกมาจากประตูมิติพร้อม ๆ กัน สองคนในนั้นร่างกำยำ ในขณะที่อีกคนหนึ่งดูชั่วร้าย
พวกเขาเป็นสัตว์อสูรระดับ 9 สองคนของทวีปสัตว์เทวะและมารราคะ
หน้าของไคเซอร์และแลงคีรอสมืดมนในขณะที่จิตสังหารเป็นประกายอยู่ในดวงตาของพวกเขา ทันทีที่พวกเขาปรากฏขึ้นมา จิตสังหารที่เย็นชาของพวกเขาก็ทำให้อุณหภูมิรอบ ๆ ลดลงจนหนาวไปถึงกระดูก