ตอนที่ 1028: บรรพชนจักรพรรดิ
เจี้ยนเฉินสงบลงและเอาแหวนมิติมาจากชายชราทั้งสองคนก่อนที่จะไปรวมตัวกับรุยจินและคนอื่น ๆ ที่อยู่กลางอากาศ เขาพูด “ผู้อาวุโสรุยจิน ข้าต้องการที่จะไปที่จักรวรรดิเฟยลี่ต่อจากนี้ กรุณาเปิดประตูมิติให้ข้าด้วย”
รุยจินไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเจี้ยนเฉินและตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “ข้าเคยไปที่อาณาเขตของจักรวรรดิใหญ่ทั้งสามพอดี ข้าเลยรู้ตำแหน่งที่แน่นอน” หลังจากนั้น รุยจินก็ยื่นนิ้วออกมาและเหวี่ยงมันไปอย่างปกติ มิติฉีกออกและกลายเป็นประตูมิติอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินจ้องตาไม่กระพริบไปที่ท่าทางที่ดูธรรมดาของรุยจิน ตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความสนใจในขณะที่เขากำลังคิด เขารู้แล้วว่าเขาไม่สามารถรุดหน้าได้ง่ายเหมือนก่อนหน้านี้เมื่อเขาถึงระดับความเข้าใจบางส่วนและแต่ละขั้นต้องอาศัยความเข้าใจในกฎของธรรมชาติ ดังนั้น เขาจึงตั้งใจดูว่ารุยจินฉีกมิติออกอย่างไร
“ไม่เพียงแต่การกระทำของผู้อาวุโสรุยจินในการเปิดมิติออกจะต้องอาศัยความเข้าใจในกฎของมิติเท่านั้น มันยังต้องมีการควบคุมพลังงาน มิตินั้นเป็นกฎในขณะที่พลังงานนั้นมีหนทางของมันเอง ดูเหมือนข้าจะได้เริ่มสัมผัสกับกฎแล้วในตอนที่ข้าได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ เว้นเสียแต่ว่ามันแค่งูงูปลาปลาเท่านั้น” เจี้ยนเฉินพึมพำในใจ
“เมื่อข้าจัดการกับเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ข้าจะไปที่เมืองทหารรับจ้างทันที และให้เสี่ยวหลิงดึงเอาความลึกลับของธรรมชาติมาให้ข้าได้ทำความเข้าใจ ข้าจะฝึกหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของข้า”
เจี้ยนเฉินและคนอื่น รวมถึงผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ก้าวผ่านประตูมิติและหายไปทันทีเหนืออากาศที่อาณาจักรหลงฉีทันทีที่ประตูมิติเกิดขึ้น โหยวเยว่ได้ถูกส่งเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนแล้วตอนที่เขาสู้กับเซียนราชาก่อนหน้านี้
จักรวรรดิเฟยลี่เป็นหนึ่งในสามจักรวรรดิใหญ่ของทวีป มันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีสองในเจ็ดเมืองหลวงของทวีปตั้งอยู่ เมืองวิญญาณสวรรค์และเมืองอัสนี เมืองวิญญาณสวรรค์เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ ซึ่งเป็นที่ที่พระราชวังตั้งอยู่
เพราะว่าเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิเฟยลี่ ความมั่งคั่งของเมืองวิญญาณสวรรค์จึงมีให้เห็นได้อย่างชัดเจน องค์กรนับไม่ถ้วนที่ประกอบไปด้วยตระกูลเล็กใหญ่เต็มอยู่ทุกที่ภายในกำแพงเมือง จอมยุทธมารวมกันมากมายเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้าอย่างเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นอยู่หนึ่งอย่าง มีคนหลากหลายมากอยู่ในกำแพงเมืองหลวง แต่มันก็ถูกปกครองอย่างดี ดังนั้นจึงมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นน้อยมาก
กลุ่มของเจี้ยนเฉินปรากฏขึ้นที่ท้องฟ้าเหนือเมืองจากการที่ผ่านประตูมิติมา พวกเขามองลงไปที่พื้นดินด้านล่างพวกเขาและสังเกตุคร่าว ๆ พวกเขาพบที่ซึ่งพระราชวังตั้งอยู่ พวกเขาจึงบินไปทางนั้นทันที
ในตอนนี้ ฟางหยันและทาจิที่เพิ่งกลับมาจากอาณาจักรหลงฉีนั่งหน้าซีดอยู่ในขณะที่พวกเขาทำสมาธิอยู่ในโถงที่โอ่อ่าในพระราชวัง ตรงหน้าพวกเขามีชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีทองที่หรูหรากำลังนั่งอยู่ สีหน้าของเขามืดมนในขณะที่เขาจ้องอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่ฟางหยันและทาจิ
ชายคนนี้หล่อมาก และพลังแห่งการมีอยู่ของผู้คุมกฎก็เปล่งรัศมีออกมาจากเขา เขาเต็มไปด้วยความความมีเกรียติ
เขาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิเฟยลี่เช่นกัน และเขาแข็งแกร่งกว่าฟางหยันและทาจิ เขาอยู่ในขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 7 และเขาเป็นจักรพรรดิที่สละราชสมบัติมาเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นราชนิกุล
“นิกายดาบโลหิตยโสโอหังเกินไปแล้วที่มาทำให้ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของจักรวรรดิเฟยลี่ของข้าบาดเจ็บ กล้าดียังไง ! แล้วข้ายังรู้สึกได้ว่าพลังแห่งการมีอยู่ของผู้พิทักษ์จักรพรรดิหลัวโตวได้หายไปแล้ว เขาต้องเป็นอันตรายแน่ หืม นิกายดาบโลหิตทำเกินไปแล้ว พวกมันคิดว่าจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจักรวรรดิพวกเราได้เพราะว่าพวกมันมีฮุสตันคอยสนับสนุนอย่างนั้นหรือ ? ” ชายวัยกลางคนคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ
จักรวรรดิเฟยลี่เป็นหนึ่งในสามจักรวรรดิใหญ่ของทวีป และท่ามกลางตระกูลโบราณนั้นก็มีไม่มากนักที่สามารถเป็นศัตรูกับพวกเขาได้ ดังนั้น พวกเขาจึงถือเอาศักดิ์ศรีเป็นเรื่องที่สำคัญเหนืออื่นใด นิกายดาบโลหิตทำให้ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ 2 คนได้รับบาดเจ็บและยังฆ่าไปอีกหนึ่งด้วย มันไม่ใช่อะไรที่จักรวรรดิเฟยลี่จะทนรับได้
เซียนราชาเป็นกำลังหลักของจักรวรรดิ ดังนั้นการตายของหลัวโตวจึงเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวง แม้ว่าจะนับรวมทั้งจักรวรรดิ พวกเขาก็สามารถนับจำนวนของเซียนราชาได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว ดังนั้นเซียนราชาจึงเป็นอะไรที่พวกเขาไม่สามารถหามาได้แม้ว่าพวกเขาจะต้องการ
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีในขณะที่ตาของเขาเป็นประกายเย็นชา เขาคำรามออกมา “ฮุสตันกล้าที่จะมายั่วจักรวรรดิเฟยลี่ของข้าแบบนี้ก่อนที่เขาจะสิ้นอายุขัย ดูเหมือนเขาต้องการที่จะทำเรื่องใหญ่ก่อนที่เขาจะตาย ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราจะโจมตีไปก่อนและทำลายนิกายของเขาซะ”
“การจัดการกับนิกายดาบโลหิตด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิของพวกเราคงไม่ใช่ปัญหา แต่เราจะจัดการกับฮุสตันอย่างไร ? และนอกเหนือจากฮุสตัน ยังมีผู้นำที่เป็นหัวหน้านิกายคนใหม่อีก เขาทรงพลังมากในตอนที่เขาใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและเขาสามารถสู้กับท่านได้” ทาจิพูดเสียงทุ้ม
“ข้าจะไปทำให้หัวหน้านิกายคนใหม่วุ่นเอง พวกเราให้บรรพชนจักรพรรดิไปจัดการกับฮุสตันได้ แม้ว่าบรรพชนจักรพรรดิจะด้อยกว่าฮุสตันหน่อยก็เถอะ อีกทั้งซาร์ไคยุนจากตระกูลซาร์และเฮาหวู่จากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังติดหนี้ข้าอยู่อีกด้วย ข้าจะไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ทันทีเพื่อไปตามหาพวกเขา พวกเขาจะได้มาช่วยบรรพชนจักรพรรดิได้ ข้าคิดว่าสามคนนี้น่าจะพอแล้วที่จะรับมือกับฮุสตัน” ชายชราพูด อย่างไรก็ตาม ตาของเขาก็แข็งทื่อทันทีเมื่อเขาพูดจบ และเขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทาจิและฟางหยันก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน พวกเขามองไปไกลและท่าทางของพวกเขาก็น่ากลัว “นั่นเป็นหัวหน้านิกายใหม่ของนิกายดาบโลหิต เขามาที่จักรวรรดิเฟยลี่ของพวกเราจริง ๆ “
หลังจากนั้น ตาของชายวัยกลางคนก็เป็นประกายแหลมคมและเขาก็แค่นเสียงออกมา “เยี่ยมเลย หัวหน้านิกายคนใหม่ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าต้องการอะไรในวันนี้” หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็ออกไปด้านนอก
“เจ้าไปไม่ได้ ! ” ในตอนนี้ เสียงชายชราดังขึ้นมาในโถง มันเต็มไปด้วยเกียรติที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเป็นที่สุด
ชายวัยกลางคนหยุดและหันไป เขาเห็นชายชราที่เหมือนปราชญ์ปรากฎอยู่ที่บัลลังก์สูงภายในโถง
ท่าทางของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกลายเป็นความเคารพแทน เขาโค้งให้ชายชราพร้อมกับทาจิและฟางหยัน “ข้าขอคารวะท่านบรรพชนจักรพรรดิ ! “
ชายชราเป็นบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิเฟยลี่ เขามีอายุมากกว่าห้าพันปีแล้วและเขาเป็นสมาชิกที่อายุมากที่สุดของราชนิกุล
บรรพชนจักรพรรดิเป็นราชนิกูลของจักรวรรดิที่ไม่เกี่ยวกับจักรพรรดิที่ก่อตั้งที่นี่ขึ้นมา แต่เขาก็เป็นจักรพรรดิที่อายุมากและทรงพลังที่สุดที่ผ่านมา มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แค่เขา
“พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่อย่าไปไหน อย่ายุ่งกับเรื่องภายนอก” บรรพชนจักรพรรดิสั่งอย่างเฉยเมย อย่างไรก็ตาม เขาก็มองออกไปข้างนอก สายตาที่ลึกซึ้งของเขาดูเหมือนจะมองทะลุสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่างและเห็นไปถึงกลุ่มของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินและคนอื่นบินมาที่พระราชวังของจักรวรรดิและหยุดอยู่ที่หลังคาของโถง
“ใครมาที่นี่กัน ! ? ทำไมพวกเจ้าไม่มาที่ทางเข้า ! ? พวกเจ้าไม่รู้กฎของจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ ! ? “
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตเปล่งรัศมีพลังหยินชั่วร้ายออกมา ดังนั้นมันจึงยากที่พวกเขาจะปิดบังตัวเอง ทันทีที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึง เสียงร้องก็ดังขึ้นในพระราชวัง เซียนผู้คุมกฎหลายคนเริ่มเปล่งรัศมีพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลออกมา ในขณะที่พวกเขาบินอย่างมุ่งร้ายไปยังที่ที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินอยู่และล้อมพวกเขาเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน ยามรักษาการณ์ทั้งหมดในพระราชวังก็เคลื่อนไหว ทุกคนพุ่งออกมาเหมือนคลื่น พวกเขารวมกันเหมือนน้ำทะเลในไม่ช้าและล้อมที่ที่เจี้ยนเฉินและคนอื่นยืนอยู่
เซียนผู้คุมกฎมองผ่านไปที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตและคำรามออกมา “พวกเจ้ามาจากนิกายดาบโลหิตงั้นหรือ ? “
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินคำถามเลยแม้แต่น้อย เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่เซียนผู้คุมกฎอย่างเย็นชาด้วยหน้าที่ไร้อารมณ์และพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไป่เจี้ยนอยู่ที่ไหน ? ! มารับความตายของเจ้าให้ไว ! ? ” แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะพูดเบา แต่มันก็สะท้อนไปทั่วทั้งพระราชวัง
ทันใดนั้นเอง เซียนผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนก็เริ่มเปล่งรัศมีพลังแห่งการมีอยู่จากที่ต่าง ๆ ในพระราชวังออกมา พวกเขาเข้ามาที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว และมาร่วมล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ ทั้งหมดมีท่าทีมุ่งร้าย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดออกไปนั้นเป็นการแสดงว่า เขามาที่จักรวรรดิเฟยลี่เพื่อมาสร้างปัญหา พวกเขาคือศัตรู
“เจ้าเป็นใครกันที่มาสร้างปัญหาที่พระราชวัง ? เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่นานเกินไปจนอยากจะตายแล้วอย่างนั้นหรือ ? “
“เจ้าหนู เจ้าเป็นคนแรกที่มาสร้างเรื่องที่พระราชวังในหลายปีที่ผ่านมานี้ ถ้าเจ้ายังมีสติอยู่ ยอมจำนนซะและอ้อนวอนขออภัยจากจักรพรรดิ เขาอาจจะไว้ชีวิตเจ้า”
..
เซียนผู้คุมกฎรอบ ๆ เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา แม้ว่าพวกเขารู้ว่ากลุ่มของเจี้ยนเฉินไม่ง่ายที่จะจัดการนัก แต่พวกเขาก็อยู่ในพระราชวังของจักรวรรดิ มันเป็นอาณาเขตของพวกเขา และพวกเขายังมีผู้พิทักษ์จักรพรรดิอยู่ด้านในอีก
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินหมองลงเล็กน้อย “ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะมาเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ข้ามาเพื่อต้องการที่จะฆ่าไป่เจี้ยนเพียงอย่างเดียว พวกเจ้าจะส่งมอบตัวเขาหรือไม่ ? “
“เจ้ากล้าที่จะดูถูกศักดิ์ศรีของจักรวรรดิเรางั้นหรือ ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าได้ก่อเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ พวกเรามาจับพวกสร้างปัญหานี้และส่งพวกมันไปให้จักรพรรดิตัดสินกันเถอะ” เซียนผู้คุมกฎตะโกนออกมา เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 และดูเหมือนจะมีเกียรติที่สุดในกลุ่ม เซียนผู้คุมกฎคนอื่นเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่เขาพูด
“หยุด ! ” ในตอนนี้ เสียงชราก็ดังระเบิดออกมาจากส่วนลึกของพระราชวัง แต่ไม่ปรากฏเจ้าของเสียง มันเต็มไปด้วยเกียรติที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเป็นที่สุด
เซียนผู้คุมกฎที่รวมกับอยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินหยุดทันที พวกเขาคำนับอย่างเคารพไปที่ส่วนลึกในพระราชวัง พวกเขาไม่รู้ชัดว่าใครเป็นคนพูด แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าต้องเป็นอย่างน้อยผู้พิทักษ์จักรพรรดิแน่
“น้องชาย จักรวรรดิเฟยลี่ของข้าไม่มีเจตนาร้ายกับเจ้า ข้าขอถามไหมว่าทำไมพวกเจ้าถึงมาสร้างปัญหา ? ” เสียงชราดังออกมาอีกครั้ง เขาคือบรรพชนจักรพรรดิ
“องค์ชายของจักรวรรดิของเจ้า ไป่เจี้ยน ได้รวบรวมทหารรับจ้างหลายล้านคนจากกลุ่มทหารรับจ้างหลายกลุ่มเพื่อเข้าไปยึดเมืองของข้า นี่ไม่ใช่เจตนาร้ายงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินตอบกลับเสียงทุ้ม เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
“ถ้างั้นน้องชายก็มาเพราะเรื่องนี้เอง จากวันนี้เป็นต้นไป ไป่เจี้ยนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเฟยลี่อีกต่อไปแล้ว ความเป็นหรือความตายของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับจักรวรรดิอีกแล้ว ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถเราจะล้างความบาดหมางกันได้ เจ้าจะว่าอย่างไร ? ” น้ำเสียงของบรรพชนจักรพรรดิสุภาพมากโดยไม่มีความเป็นปรปักษ์เลย เหมือนกับว่าเขาพยายามที่จะเจรจา