ตอนที่ 1037: พบกับหยางหลิงอีกครั้ง (2)
ประธานและผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งคู่ลอบถอนใจ ในขณะที่พวกเขามองไปยังผู้ที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่สุดยอดที่สุดของสมาคม อารมณ์ของพวกเขาสับสนมาก
เมื่อก่อน พวกเขาทั้งสองปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินในฐานะที่เป็นอนาคตของสมาคมผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง พวกเขายังยกให้เขาเป็นผู้สืบทอดของท่านประธานด้วย ท่านประธานยังเคยใช้ลูกศิษย์ของเขา หยุนเทียน ในการทดสอบเจี้ยนเฉิน เพื่อหวังจะให้เจี้ยนเฉินเติบโตเร็วขึ้นและสามารถรับผิดชอบตำแหน่งได้ เขาหวังว่าเจี้ยนเฉินจะอยู่ในตำแหน่งที่จะพัฒนาสมาคมได้
โชคไม่ดีที่สวรรค์เล่นตลกเรื่องใหญ่กับพวกเขา หยางยู่เทียนที่ได้เขามาที่สมาคมในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเมื่อหลายปีก่อนนั้นเป็นนักสู้ด้วยเช่นกัน และเป็นคนที่เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎอีกด้วย
เมื่อครั้งโบราณกาล ไม่เคยมีนักสู้ที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในคนเดียวกันมาก่อน ดังนั้น คำพูดที่ว่าไม่มีใครที่สามารถเป็นได้ทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในเวลาเดียวกันจึงได้เกิดขึ้นมา ไม่มีใครทำลายความจริงนั้นได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานตั้งแต่มีคำพูดนั้นมา อย่างไรก็ตาม การมีตัวตนขึ้นมาของหยางยู่เทียนในฐานะที่เป็นนักสู้ได้ทำลายความจริงที่มีมาเนิ่นนานลงและมีผลกระทบต่อสมาคมอย่างรุนแรง มันสั่นสะเทือนไปถึงแก่นของสมาคม
นอกเหนือไปจากนั้น ตัวตนอื่นของเจี้ยนเฉินยังทำให้สมาชิกระดับสูงของสมาคมตกใจอย่างมาก เขาเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางอีกด้วย
ตระกูลผู้พิทักษ์เป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของทวีปเทียนหยวน พวกเขามีอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและมีประวัติศาสตร์มานานกว่าเมืองทหารรับจ้างเสียอีก แม้แต่จักรวรรดิใหญ่ทั้งสามยังไม่มีอะไรใกล้เคียงที่จะเทียบกับพวกเขาได้ พวกเขาเป็นผู้คุมกฎที่ไม่สามารถถกเถียงได้ของทวีป และสมาคมผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็อ่อนแอเหมือนเด็กเมื่อเทียบกับพวกเขา พวกเขาสามารถบดขยี้สมาคมได้ตั้งแต่ทีแรกถ้าพวกเขาสู้กันจริง ๆ
ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยอารมณ์ที่สับสน พวกเขาเงียบอยู่นานมาก ในขณะที่ ความรักใคร่และความไม่พอใจผสมอยู่ในดวงตาของพวกเขา
สำหรับพวกเขาแล้ว เจี้ยนเฉินเป็นคนที่มีค่าให้พวกเขารักใคร่และไม่พอใจ พวกเขารักในพรสวรรค์ของเขาเช่นเดียวกันกับเรื่องที่เขาสามารถนำอนาคตที่สดใสมาให้กับสมาคมได้ ในขณะที่พวกเขาเกลียดตัวตนที่สองของเจี้ยนเฉิน นอกเหนือไปจากนั้น เขายังวัตถุเซียนไปหลายปีแล้วและยังข่มขู่สมาคมอีก
พวกเขารู้ว่าหยางยู่เทียนที่เป็นอัจฉริยะที่สุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของสมาคมและมีศักยภาพมากที่จะสำเร็วเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 ได้อาจจะไม่หวนกลับมาอีกครั้ง
“เฮ้อ” หลังจากผ่านมานาน ผู้อาวุโสสูงสุดก็ถอนหายใจยาวมองไปบนท้องฟ้าแล้วพูด “เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาที่ทวีปเทียนหยวน ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้พบเจ้าอีกครั้งหลังจากผ่านมาหลายปี ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก”
“เจี้ยนเฉิน มาเยี่ยมที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเมื่อเจ้ามีเวลานะ มีเรื่องที่ข้าต้องการหารือกับเจ้า” ท่านประธานพูดขึ้นมาเช่นกัน
เจี้ยนเฉินรู้ว่าท่านประธานต้องการที่จะพูดถึงเรื่องวัตถุเซียน ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ เขาตอบตกลงว่า “ท่านประธาน ข้าจะไปที่สมาคมหลังจากที่ข้าจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้ว”
ท่านประธานเริ่มยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจในขณะที่เขาพยักหน้าหลายครั้ง
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อเคลื่อนที่ และเขาก็กลายเป็นภาพติดตา แต่ละก้าวที่ธรรมดาของเขา เขาสามารถเคลื่อนไปได้หลายกิโลเมตร แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ได้เข้าใจมันโดยตั้งใจ แต่เขาก็ใช้มันได้อย่างชำนาญมากขึ้นมากขึ้นหลังจากที่ใช้ทักษะการเคลื่อนที่ในการต่อสู้นี้ไปหลายครั้ง ความเข้าใจในมันของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากที่ก้าวไปสิบกว่าก้าว เจี้ยนเฉินก็เดินทางออกไปมากกว่าร้อยกิโลเมตร เขากลับไปที่เมืองแห่งเทพเจ้า ม่านพลังที่อยู่รอบเมืองได้หายไปแล้วและกลับไปอยู่ในสภาวะเดิม
รุยจิน เฮยยู่ หงเหลียน และผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิตตามหลังเจี้ยนเฉินไป ด้านหลังพวกเขามีซาร์ วีมอสและเซียนผู้คุมกฎของตระกูลทั้งแปด เช่นเดียวกับจอมยุทธหลายคนที่ตามมาดู
เจี้ยนเฉินร่อนอยู่เหนือเมืองแห่งเทพเจ้าและเขาบินไปที่อาคารของตระกูลซาร์ ไป่เจี้ยนอยู่ในเขตที่กว้างใหญ่ และยืนอยู่ที่เดิมเหมือนก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาตื่นตระหนก
ซาร์ วีมอสได้พันธนาการไป่เจี้ยนเอาไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งทำให้เขาขยับไม่ได้ แม้ว่า ซาร์ ไคยุนจะแย่งเอาตัวเขาเอามาหลังจากนั้น แต่นางก็ไม่ได้ถอนพันธนาการออก ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้แม้ว่าเขาอยากจะหนี
“ไป่เจี้ยน ข้าอยากรู้ว่าใครจะช่วยเจ้ากันตอนนี้” เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่ไป่เจี้ยน จิตสังหารที่ทรงพลังเปล่งรัศมีออกมาจากเจี้ยนเฉินอย่างไม่หยุดยั้ง มันทำให้อุณหภูมิรอบ ๆ ดิ่งลง
ท่าทางของไป่เจี้ยนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาผวามากและความกลัวก็เต็มไปทั่วใบหน้าของเขา
“อย่าฆ่าข้าเจี้ยนเฉิน อย่าฆ่าข้า ข้าเป็นสหายรักกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ถ้าเจ้าฆ่าข้า หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จะไม่ยกโทษให้เจ้า นางจะเกลียดเจ้าไปชั่วชีวิต” ไป่เจี้ยนพูดด้วยเสียงสั่นเทา เขาหน้าซีดเมื่อเขารู้ว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาแห่งความตาย
“ไป่เจี้ยน ถ้าไม่ใช่เพราะจอมยุทธจากตระกูลเจียงหยางมาทันเวลาในตอนที่เกิดเรื่องที่เมืองอัคนี สหายรักของข้าทั้งหมดก็คงตายด้วยน้ำมือของเจ้า และข้ายังได้ยินมาอีกว่าเจ้าสนใจในตัวคู่หมั้นของข้า โหยวเยว่ ใช่หรือไม่ ? ” สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชากว่าเดิมในขณะที่จิตสังหารเดือดดาลอยู่ในหัวใจของเขา
“ไม่ใช่ มันไม่จริงเจี้ยนเฉิน มันไม่จริง ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด…” ไป่เจี้ยนหน้าซีดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างตาลีตาเหลือกและต้องการที่จะอธิบาย
เจี้ยนเฉินไม่เชื่อแม้แต่น้อย เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “อย่ากังวลไปไป่เจี้ยน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าง่าย ๆ หรอก…” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็เตะอย่างแรงไปที่ปราณของไป่เจี้ยน และพลังบรรพกาลก็เข้าไปในนั้น พลังบรรพกาลทำลายอาวุธเซียนของเขาในขณะที่ปราณของเขาก็พังทลาย พลังที่รุนแรงทำให้อวัยวะของเขาแหลกเละ
ไป่เจี้ยนร้องโหยหวนออกมาอย่างเวทนามาก เมื่ออาวุธเซียนของเขาถูกทำลาย เขาก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ว่าเขาจะไม่ตาย ตราบใดที่วิญญาณของเขายังอยู่ในฐานะที่เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงอย่างมาก
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ยื่นนิ้วออกไป พลังบรรพกาลพุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของไป่เจี้ยนในรูปแบบของปราณกระบี่ที่แหลมคม มันทำให้วิญญาณของเขาบาดเจ็บอย่างหนักและทำให้เขาหนีไปในรูปวิญญาณไม่ได้
ไป่เจี้ยนซีดเซียวเพราะวิญญาณที่บาดเจ็บของเขา เขากำลังจะตาย และเขายังไม่มีแม้แต่กำลังที่จะเคลื่อนไหวด้วยความเจ็บปวด เขาทุกข์ทรมานมากและเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นมาทั่วหน้าผากของเขา
“เจี้ยนเฉิน เจ้าจะไม่ตายดีแน่” ไป่เจี้ยนสาปแช่งออกมา แต่เสียงของเขาก็อ่อนแอมาก เขารู้ว่าเขาจบแล้วในตอนนี้ เมื่อเจียนทำลายอาวุธเซียนของเขาและวิญญาณของเขาก็ได้รับบาดเจ็บด้วย
เจี้ยนเฉินไม่สนใจคำสาปแช่งของไป่เจี้ยน เขาไม่จำเป็นต้องโกรธกับคนที่กำลังจะตาย จากนั้น เขาดูดไป่เจี้ยนเข้าไปในวัตถุเซียนและออกไปจากเขตของตระกูลซาร์
เจี้ยนเฉินอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ชั้นบนสุด หลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ แล้ว เจี้ยนเฉินก็เข้าในสถานการณ์ปัจจุบันของสมาคมมากขึ้น
แน่นอนว่าความโกลาหลได้เกิดขึ้นกับสมาชิกระดับสูงของสมาคมในการที่สูญเสียวัตถุเซียนไป และเกือบจะทำให้สมาคมล่มสลาย ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ปลอดภัยทั้งหมดเป็นเพราะความช่วยเหลือจากตระกูลใหญ่ทั้งสามของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้สมาคมรอดจากหายนะมาได้ สมาคมผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไม่ใช่กำลังที่อ่อนแอ ตราบที่พวกเขายังอยู่ในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังเป็นกำลังของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลใหญ่ไม่ต้องการที่จะเห็นสมาคมล่มสลาย เพราะจอมยุทธของสมาคมคงจะไปร่วมกับองค์กรอื่น ๆ หรืออีกสองจักรวรรดิ นี่เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับศัตรูของพวกเขา
สมาคมและตระกูลทั้งแปดเก็บเงียบเรื่องที่พวกเขาเสียวัตถุเซียนไปเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องกระจายออกไปมากกว่านี้ จากนั้น พวกเขาก็ประกาศบางอย่างออกมาเพื่ปิดบังความจริงเอาไว้
เจี้ยนเฉินยังได้รู้มาจากประธานและผู้อาวุโสสูงสุดว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ติดสิบอันดับเมื่อครั้งที่ผ่านมา ไม่มีใครสำเร็จระดับ 7 ได้นอกเหนือไปจากเขา นี่รวมถึงคารา ลี่เว่ยคนที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่ยิ่งใหญ่ด้วย ไม่มีใครหลอมรวมกับพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงได้สำเร็จ
“เจี้ยนเฉิน สมาคมของพวกเราอาจจะเสียวัตถุเซียนไป แต่ตราบใดที่แหล่งพลังงานดั้งเดิมที่อยู่ในการครอบครองของพวกเรายังไม่หมดไป สมาคมของพวกเราก็ยังอยู่ต่อไปได้ ตามที่เจ้าได้ขอมาเมื่อหลายปีก่อน พวกเราได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการตามหาสิ่งของที่สามารถเก็บพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมาได้ พวกเรารวบรวมมาได้บ้าง และพวกมันทั้งหมดก็อยู่ในแหวนมิตินี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยเราเก็บพลังงานดั้งเดิมเข้าไปในครั้งหน้าที่ผนึกของวัตถุเซียนคลายออก” ท่านประธานอ้อนวอน เขารู้ว่าการมีอยู่ของสมาคมในตอนนี้นั้นขึ้นอยู่กับเจี้ยนเฉิน ถ้าสมาคมเสียแหล่งพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง สมาคมก็คงไม่มีอำนาจที่จะรวบรวมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้นสูงของทวีปได้
เจี้ยนเฉินรับแหวนมิติมา “ท่านประธาน อย่ากังวลไปเลย ข้าจะเก็บพลังงานดั้งเดิมให้เพียงพอในครั้งหน้าที่ผนึกคลายออก”
“ข้าก็โล่งใจถ้าเป็นแบบนั้น” ประธานและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งคู่โล่งใจ ใจที่เต้นแรงของพวกเขาสงบลง และพวกเขาก็ผ่อนคลายมากกว่าเดิม
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ความทรงจำก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา ภาพที่เขาอยู่ในเมืองแห่งเทพเจ้าตอนที่เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ได้ลอยเข้ามามาในหัวของเขาอีกครั้ง ในตอนนี้เอง เขาก็นึกถึงองครักษ์ของเขาในตอนนั้น หยางหลิง คนคนนั้นยอมตายได้เพื่อที่จะปกป้องเจี้ยนเฉิน และยังมีคนที่พูดมากอย่าง กวานหยูไค่ ที่ตามติดเขาเพื่อที่จะเอาทักษะธาตุแสงให้ได้
ความภักดีของหยางหลิงเคยทำให้เจี้ยนเฉินซาบซึ้งใจอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นแค่องครักษ์ แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนอื่นระหว่างที่อยู่กับเขา เขาปฏิบัติกับหยางหลิงเหมือนสหาย แม้ว่าหยางหลิงจะเป็นเพียงเซียนสวรรค์
“ท่านประธาน ข้าขอพบกับองครักษ์ของข้าในตอนนั้น หยางหลิง ได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
มันเป็นไปไม่ได้ที่ประธานจะไม่ตอบสนองความต้องการเล็กน้อยของเจี้ยนเฉิน เขาส่งคนเพื่อไปติดต่อกับหยางหลิงทันที จากนั้นเขาจึงยิ้มแล้วพูด “มีคนสองคนที่ติดสิบอันดับในครั้งก่อนที่สามารถหลอมรวมกับพลังงานดั้งเดิมได้เล็กน้อย หนึ่งในนั้นคือลูกสาวที่ถูกเลือกของตระกูลคารา คารา ลี่เว่ย และอีกคนก็คือ กวานหยูไค่ที่เจ้าเคยรู้จัก พรสวรรค์ของกวานหยูไค่นั้นค่อนข้างน่าประทับใจเช่นกัน และเขามีศักยภาพที่จะได้เป็นระดับ 7 ดังนั้นข้าจัดให้หยางหลิงไปปกป้องเขา”