เทพกระบี่มรณะ – 505
ตอนที่ 505: การบาดเจ็บของฉินหวู่เทียน
ท่าทางของทั้งเจ็ดเป็นไปตามที่เจี้ยนเฉินคาดเอาไว้ นี่ถือเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ช่วยอาณาจักรฉินหวง มีแต่เพียงพวกโง่เขลาเท่านั้นที่จะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้
“จากนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งเจ็ดจะเป็นคนของอาณาจักรฉินหวง ข้าจะทิ้งธุระให้พวกเจ้าทั้งเจ็ดจัดการ ถ้านิกายพยัคฆ์มังกรสร้างปัญหาแล้วล่ะก็ พวกเขาจะถือว่าเป็นศัตรูของอาณาจักรฉินหวง อาณาจักรฉินหวงนั้นจะไม่นิ่งเฉยเป็นอันขาด” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“ขอรับ ! ” ทั้งเจ็ดตอบรับกลับมา
“พวกเจ้าทั้งเจ็ดไปได้แล้ว ข้าจะแบ่งอาณาจักรนี้ออกเป็น 7 ส่วนเท่า ๆ กันเพื่อพวกเจ้าทุกคน เมื่อเจ้ากลับไปเตรียมตัวสะสางพื้นที่นั้น ๆ ซะ ข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องบอกว่าพวกเจ้าควรทำสิ่งใดบ้างนะ” เจี้ยนเฉินยิ้ม
“พวกเรารู้หน้าที่ส่วนนั้นดี โปรดไว้วางใจเถิดผู้พิทักษ์จักรพรรดิ พวกเราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” ทั้งเจ็ดโค้งคำนับ
หลังจากที่พวกนั้นจากไป เจี้ยนเฉินก็ได้หันกลับมามองฉินหวู่หมิง “ท่านแม่ทัพฉินหวู่หมิง นี่จะสร้างปัญหาให้แก่อาณาจักรฉินหวงในภายหน้าหรือไม่ ? “
ฉินหวู่หมิงยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ท่านดูเบาอาณาจักรฉินหวงของพวกเราเกินไป แม้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรจะแข็งแกร่งแต่เซียนผู้คุมกฎที่อยู่ในนิกายนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ที่สำคัญคนที่เหลือนั้นไม่อยู่ในสายตาของอาณาจักรฉินหวงเสียด้วยซ้ำ และด้วยความกว้างใหญ่ของดินแดนของเราอีกทั้งพันธมิตรที่เรามี นั่นหมายความว่าพวกเรานั้นมีเซียนสวรรค์อยู่จำนวนมากอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ และสำหรับเซียนผู้คุมกฎเอง เขาคงไม่อยากจะสร้างปัญหาเว้นเสียแต่ว่าเขาอยากจะปะทะกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิทั้งสี่ และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วข้าคิดว่าเซียนผู้คุมกฎเองคงไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับอาณาจักรฉินหวงของเรา”
คำพูดของฉินหวู่หมิงนั้นทำให้เจี้ยนเฉินรับรู้ถึงความจริงแต่ละข้อ ในตอนแรกเขาได้กังวลว่าอาณาจักรฉินหวงนั้นคงจะไม่สะดวกกับการจัดสรรนี่ แต่เมื่อดูแล้วมันกลับกลายเป็นว่าเขาคิดมากเกินไป….
หลังจากได้ผลสรุปอันน่าพอใจ เจี้ยนเฉินก็รู้สึกสบายขึ้น เขายืนอยู่บนหน้าบัลลังก์พร้อมกับพูดขึ้น “ทุกคน แยกย้ายกันเถิด แต่อย่าเพิ่งกลับที่บ้านท่าน อยู่ที่นี่เสียสักสองสามวัน จนกว่าขุมพลังที่เหลือของอาณาจักรอินทรีสวรรค์จะถูกปกคลุมด้วยความกลัวจากน้ำมือของทั้ง 7 คนนั่น”
หลังจากที่ทุกคนจากไป การล่มสลายของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเกิดขึ้นในพระราชวังของกษัตริย์และสิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่นานข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วทุกมุมของอาณาจักร สัตว์อสูรที่มีความสามารถในการส่งข่าวสารได้ถูกนำมาใช้ไปทั่ว มันบินเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้าเพื่อนำข่าวสารนี้ไปเผยแพร่ ภายในแค่ 1 วัน ข่าวนี้ก็เป็นที่รู้กันทั่วทั้งอาณาจักร
หลังจากข่าวสารนั้นได้แพร่กระจายออกไป ราษฎรของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นก็ได้แสดงอาการที่แตกต่างกันออกไปต่อขุมพลังนี้ ราษฎรเหล่านั้นอยู่ในอาการตกตะลึงเพียงชั่วครู่และปรับอารมณ์ตนเองกลับไปใช้ชีวิตตามปกติที่มีมา ตราบใดที่พวกเขายังสามารถอาศัยอยู่ในทวีปเทียนหยุนได้ ไม่ว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นจะมีอยู่หรือไม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขา มีหลากหลายกลุ่มที่มีความภักดีต่ออาณาจักรอินทรีสวรรค์ซึ่งกลุ่มพวกนั้นก็รู้สึกไม่พอใจกับข่าวสารนี้ พวกเขาได้พูดออกมาว่าอาณาจักรจะยังคงอยู่ถ้ายังมีราษฎร ไม่ใช่ว่าเมื่อกษัตริย์ตายไปแล้วจะทำให้อาณาจักรนั้นล่มสลาย พวกเขายังไม่ยอมรับในสิ่งที่อาณาจักรฉินหวงได้ทำลงไป แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น พวกนั้นไม่สามารถทำอะไรได้
และสำหรับขุมพลังอื่น ๆ พวกเขาได้สั่งรวมพลสมาชิกทั้งหมดเพื่อเตรียมตัวสำหรับขยายอาณาเขตและการก่อสงคราม พวกเขารู้ดีว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นถูกแบ่งเป็นเขต นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้มันมา เมืองที่แข็งแกร่งกว่าบางเมืองนั้นได้แต่งตั้งตนเองเป็นเมืองแม่ของเมืองที่อ่อนแอกว่ารอบ ๆ เพื่อหวังว่าจะได้สร้างอาณาจักรใหม่
หลังจากข่าวการล่มสลายกระจายออกไป ความสมดุลที่มีอยู่ของอาณาจักรก็พังทลายลง ทั่วทั้งอาณาจักรตึงเครียด แม้ว่าตอนนี้บรรยากาศจะเงียบสงบ แต่พวกเขารู้ดีกว่านี่เป็นความเงียบก่อนการเกิดพายุเท่านั้นเอง
มันใช้เวลาไม่นานที่ข่าวนี้จะทำให้หลายฝ่ายเตรียมกำลังตนเองเพื่อเปิดสงคราม แต่ข้อมูลอีกส่วนนั้นบอกทุกคนว่าพวกเขานั้นมีสิทธิในดินแดนตนเอง ซึ่งข้อมูลส่วนนั้นก็เป็นการดับเชื้อไฟของการก่อสงครามครั้งนี้
ตระกูลบูคาชาน่า, ตระกูลไฮ่โหลว, กลุ่มทหารรับจ้างจันทราโลหิต , นิกายโลกา, ภูเขาแห่งโชคลาภ, สำนัก ธรณีเพลิง, และนิกายลึกลับทวิได้เข้ากุมอำนาจพื้นที่ส่วนที่เหลือของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรฉินหวงด้วย
ด้วยการที่เซียนทั้ง 7 คนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นมีฝ่ายของตน ตอนนี้จึงพูดได้เต็มปากว่าทั้ง 7 ขุมพลังนั้นเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้
เมื่อขุมพลังทั้งเจ็ดเข้ามาสู่โครงสร้างนี้ ตระกูลอื่น ๆ จะไม่เข้าไปยุ่มย่าม นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเซียนสวรรค์แม้แต่คนเดียวที่แข็งแกร่งพอกับที่อาณาจักรฉินหวงนั้นมี นั่นหมายความว่าขุมพลังทั้งเจ็ดของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นไม่เปิดโอกาสให้ตระกูลใด ๆ ฉกฉวยโอกาสนี้ไปได้
ข้อมูลส่วนนั้นทำให้คว มกังวลที่พวกเขามีก่อนหน้านี้หายไป ทุกคนรู้ดีว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นล่มสลายลงไปแล้ว และอาณาจักรฉินหวงนั้นได้เข้ามายึดครองที่แห่งนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องตรวจสอบนั่นคืออาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นสามารถบ่มเพาะเซียนสวรรค์ขึ้นมาต่อกรกับเซียนสวรรค์ทั้งเจ็ดที่อยู่ภายใต้อาณาจักรฉินหวงได้หรือไม่ แต่ตราบใดที่อาณาจักรฉินหวงหนุนหลังพวกเขาอยู่ ไม่มีทางที่ขุมพลังทั้งเจ็ดนี้จะสูญเสียตำแหน่งตนเองไปได้เลย
เมื่อเซียนทั้งเจ็ดได้กลับไปยังตระกูลฝ่ายของตนเอง พวกเขารีบจัดการตามหน้าที่ที่ตนเองได้รับทันที
และด้วยการหนุนหลังของอาณาจักรฉินหวง ทำให้การปราบกบฏในส่วนต่าง ๆ นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ตระกูลเล็ก ๆ และนิกายทั้งหลายได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรของขุมพลังทั้งเจ็ด และยังมีบางส่วนที่เข้าเป็นกองกำลังของขุมพลังพวกเขาด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ขุมพลังทั้งเจ็ดได้เข้าควบคุมอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน
ในขุมพลังทั้งเจ็ดนั้น กลุ่มที่โดดเด่นที่สุดนั่นคือกลุ่มทหารรับจ้างจันทราโลหิต พวกเขาใช้เซียนสวรรค์อยู่แนวหน้ารับมือปัญหาในขณะที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับเซียนปฐพีนั้นถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นต่อไปในอาณาจักรแห่งนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถือว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นระดับล่างสุดของขุมพลังนี้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ยึดครองเมืองเล็ก ๆ ที่ดูทีท่าจะมีการพัฒนาเป็นที่มั่นก่อนการเกิดสงครามได้เท่านั้น
แต่ตอนนี้เนื่องจากคำสั่งของเจี้ยนเฉินแล้ว ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างจันทราโลหิตกลายเป็นผู้มีอำนาจในเขตนั้น พื้นที่ที่พวกเขาได้เข้าดูแลนั้นมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า ซึ่งนั่นสร้างความตื่นเต้นให้กับหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างแห่งนี้ไม่น้อย
เป็นเวลากว่า 4 วันที่เกิดการแบ่งแยกอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ในพระราชวังของอาณาจักรแห่งนี้มีช่างฝีมือหลายสิบคนได้เข้ามาแบ่งห้องสมบัติออกเป็นชิ้น ๆ ในตอนนี้ห้องนี้มันไม่มีชั้นสามอีกต่อไปเนื่องจากวัสดุที่ใช้ประกอบชั้นนี้ถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ และนำไปเก็บไว้ในแหวนมิติของกองทัพเทพดาบตะวันออก
เจี้ยนเฉินได้ให้ขุมพลังทั้งเจ็ดรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากที่อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นล่มสลายไป ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้ธุระที่เขาต้องเข้าจัดการนั้นน้อยลง สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือเฝ้าตรวจตราทหารที่ดูแลพระราชวังแห่งนี้ ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ได้ใช้เวลาเพื่อพักผ่อน สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือรอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลงแล้วจึงนำกองทัพกลับไปยังอาณาจักรเกอซุน
และในตอนนี้เจี้ยนเฉินและองค์หญิงโหยวเยว่ได้เล่นหมากล้อมกันในอุทธยาน ตั้งแต่ที่โหยวเยว่ได้ช่วยเจี้ยนเฉินแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์แล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นไปมากกว่าเดิม ซึ่งมันแตกต่างจากแต่ก่อนอย่างมาก
และในตอนนั้นเองเซียวเทียนก็เดินเข้ามาหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร่งรีบพร้อมแสดงอาการตึงเครียด เขาได้พูดขึ้น “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ มีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น หลังจากถูกส่งไปอาณาจักรอาทิตย์อัสดงเพื่อจับกุมองค์ชายรอง ฉินหวู่เทียนเขาได้กลับมาแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้เมินเฉยต่อกระดานหมากล้อมพร้อมกับมองไปที่เซียวเทียน “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น ! “
“ฉินหวู่เทียนถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บสาหัส ทหารชั้นนำกว่าร้อยนายก็ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน” เซียวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสยดสยอง ใบหน้าของเขามืดหม่น นี่ถือเป็นการโจมตีอาณาจักรฉินหวงเช่นเดียวกัน
เขาคิดสักพัก ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้ลุกขึ้นมาก่อนที่จะถามออกมา “ฉินหวู่เทียนอยู่ที่ไหน ! “
“ในห้องโถงขอรับ ! “
เจี้ยนเฉินล่ำลาองค์หญิงและรีบออกจากอุทธยานนั้นเพื่อเข้าไปยังห้องโถงทันที
ทันทีที่เจี้ยนเฉินมาถึงห้องโถง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากอาณาจักรฉินหวงได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี้ แต่ละคนมีใบหน้าที่มืดหม่นอีกทั้งยังมีความโกรธเกรี้ยวที่เจือปนอยู่ ตรงที่นั่งที่หนึ่งมีใบหน้าอันซีดขาวของฉินหวู่เทียนนั่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและเกราะของเขาก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ ตรงบริเวณอกของเขามีฝ่ามือประทับอยู่ซึ่งแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน