เทพกระบี่มรณะ – 511
ตอน 511 – เซียนผู้คุมกฎของอาณาจักรฉินหวง
เจี้ยนเฉินใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อฟื้นฟูร่างกายตลอดทั้งวัน จนในที่สุดมันก็เกินกว่าที่จิตวิญญาณของเขาจะรับได้ ในเวลานี้บาดแผลที่เล็กๆของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ มันไม่ใช่การฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ แต่การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ยากลําบากเกินไปนัก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงของเขา ด้วยใบหน้าของเขาที่ผินมองท้องฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ตามที่เขาเริ่มฟื้นฟูจิตวิญญาณที่เขาได้ใช้ไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องการกู้คืนพลังงานของเขา หลังจากที่เขาได้เปลี่ยนไปเป็นเซียนสวรรค์
ด้วยอีกวันหนึ่งที่ผันผ่าน หลังจากที่เขาให้ความสนใจอยู่กับการฟื้นคืนพลัง พลังวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็ฟื้นกลับคืนมามากแล้ว ดังนั้น เขาจึงใช้พลังเซียนธาตุแสงสมานบาดแผลของเขา
มันดําเนินต่อไปในรูปแบบเช่นนี้อีก 5 วัน เจี้ยนเฉินเองก็หายอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา เขาออกจากห้องโถงในวังของเขา
ทันทีที่เจี้ยนเฉินเดินออกจากห้องโถง บุคคลทั้ง 12 คนที่มาจากราชอาณาจักรฉินหวง ได้มารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่พวกเขาได้เฝ้ายามจากทั่วทุกมุม ในขณะที่การตรวจสอบภายนอกเพื่อเฝ้าระวังมัน ดังนั้น ยามเมื่อเจี้ยนเฉินเดินออกจากห้องนอนของเขา จึงทําให้เขาถูกพบเห็นได้ง่าย
เซียนสวรรค์ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงทันที ยามเมื่อเห็นเจี้ยนเฉินที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอย่างไร้ปัญหา เซียวเทียนหลุดปากออกมาทันทีว่า “ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ บาดแผลของท่านหายเป็นปกติดีแล้ว? “
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ถูกต้องแล้ว ข้าหายขาดแล้ว ด้วยอํานาจของยาจิตวิญญาณธาตุแสงและวิธี การลับบางประการ มันจึงทําให้อัตราการฟื้นตัวของข้าเป็นไปอย่างรวดเร็วนัก”
เจี้ยนเฉินกล่าวถึง “วิธีการลับ” แทนพลังเซียนธาตุแสง สําหรับพลังเซียนธาตุแสงนั้น มันมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้นที่จะใช้มันได้ และมีเพียงเซียนสวรรค์หรือผู้ที่แข็งแกร่งมากเท่านั้นที่จะสัมผัสมันได้ เจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาเพียงไม่นานนักที่จะใช้มัน ดังนั้นทั้งสิบสองคนจึงไม่อาจที่จะสัมผัสมันได้
“ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ฉิงเส้าฟานได้ย้อนกลับไปยังอาณาจักรฉินหวง ตามคําสั่งของบรรพชนทั้งสี่ ตอนนี้เพียงแค่เราจะต้องอยู่ที่นี่หลายวัน หลังจากที่แน่ใจว่าพวกเขาจะมาทันที เราควรหารือเกี่ยวกับวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับนิกายพยัคฆ์มังกร” ฉินหรูหมิงกล่าวออกมา
“นั่นนับว่าดี เราจะพักที่นี่ 2 วัน แน่นอนว่า ข้าจะไม่ยอมปล่อยนิกายพยัคฆ์มังกรลอยนวลไปอย่างแน่นอน นิกายของมันจะต้องจบสิ้นลง” เจี้ยนเฉินกล่าวออกด้วยประกายแสงที่เป็นอันตรายในดวงตาของเขา
“นั่นเป็นอย่างที่คาดไว้ พรสวรรค์ของท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นโดดเด่นเหนือผู้ใดทั้งหมด และอาจจะถือว่าเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนหยวน ด้วยการต่อสู้ที่แข็งแกร่งซึ่งแม้กระทั่งเซียนสวรรค์ก็ไม่อาจที่จะปะทะได้โดยตรง มันอาจจะกล่าวได้ว่าท่านมีความสามารถเทียบเท่าเซียนผู้คุมกฎ ในอนาคตเมื่อผู้พิทักษ์จักรพรรดิตัดผ่านระดับเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว กับเซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรที่เลวทรามต่ําช้า แม้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรจะก่อตั้งตัวเองมาหลายปี ข้าสงสัยว่าพวกมันจะสามารถจัดการกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิได้อย่างไรกัน” เทียนถั่วที่ได้พูดคุยด้วยท่าทีที่จริงจัง หลังการเดินทางกับเจี้ยนเฉิน เซียนสวรรค์ทั้งห้าที่ไปกับเจี้ยนเฉินที่อาณาจักรเกอซุน เขาย่อมมีความเข้าใจถึงความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินมีอยู่
ไม่ว่าผู้ใดก็สงสัยว่าเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 5 และเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 ได้พ่ายแพ้ให้กับเจี้ยนเฉิน มีเพียงเซียนผู้คุมกฎในทวีปเทียนหยวนเท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุในสิ่งเดียวกัน นอกจากนี้ที่ด้านหน้าของประตูภูเขาของนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นได้ถูกทําลายอย่างง่ายดาย ด้วยความแข็งแกร่งของท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ในบรรดาเซียนสวรรค์ไม่มีบุคคลใดที่จะสามารถทําเรื่องเดียวกันได้
ภายในวันเดียวกันกับที่เจี้ยนเฉินหายดี ฉิงเส้าฟานได้มาถึงอาณาจักรต้าโจว หลังจากที่เขายืนยันตัวตนว่าเขาเป็นคนของอาณาจักรฉินหวง กษัตริย์ของอาณาจักรต้าโจวได้ต้อนรับเขาอย่างดีและใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้ม
แม้ว่าอาณาจักรต้าโจวนั้นจะห่างไกลอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่ข่าวนั้นแพร่ออกไปดั่งไฟไหม้ป่า แม้กระทั่งอาณาจักรต้าโจวที่ห่างไกลก็ยังได้ทราบและเข้าใจว่า อาณาจักรอินทรีสวรรค์ – อาณาจักรที่ไม่ได้อ่อนแอกว่า อาณาจักรต้าโจว – ก็ได้พ่ายแพ้และถูกทําลาย โดยทหาร 500,000 คนและบุคคลมากกว่าหนึ่งโหลจากอาณาจักรฉินหวง ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นกลัวต่อหนึ่งในแปดมหาอํานาจ
เมื่อพวกเขาทราบว่าฉิงเส้าฟานเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงและอยากใช้ประตูมิติเพื่อกลับไปยังอาณาจักรฉินหวง กษัตริย์ของอาณาจักรต้าเหยานั้นไม่สงสัยกับตัวตนของเขา เขาไม่จําเป็นหลักฐานที่เพื่อยืนยันคํากล่าวของฉิงเส้าฟาน เขากล่าวก่อนที่จะอนุญาตให้ผ่านประตูมิติของพวกเขาเพื่ออาณาจักรฉินหวงโดยไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากกลับไปอาณาจักรฉินหวง ฉิงเส้าฟานก็เดินทางด้วยความเร็วดั่งพายุและสายฟ้ากลับไปตําหนักสวรรค์ฉัน
มีตําหนักสวรรค์ฉันทั้งหมด 5 แห่ง แต่ละแห่งเป็นที่พํานักของผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ทั้ง 5 ตําหนักถูกยึดครองโดยผู้ที่ทรงพลังมากที่สุดในพระราชวัง และแม้แต่พระราชวังของจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงก็เปรียบกันไม่ได้
ฉิงเส้าฟานมาถึงหน้าตําหนักสวรรค์ฉิน และถูกหยุดโดยยามผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ที่ด้านหน้าทันที
“โปรดหยุดที่นี่ ท่านที่ปรึกษาจักรพรรดิ หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจที่จะย่างกรายเข้าไปได้” ทหารยามกล่าวกับที่ปรึกษาจักรพรรดิเช่นฉิงเส้าฟานอย่างสุภาพ
ฉิงเสี่ยวฟานผงกศีรษะของเขา “เช่นนั้น ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว ที่ปรึกษาจักรพรรดิ ฉิงเส้าฟาน มีเรื่องสําคัญมากมารายงาน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเกียรติของอาณาจักรฉินหวงเราและผู้พิทักษ์จักรพรรดิเจี้ยนเฉิน”
ได้ยินว่า มันเป็นเรื่องสําคัญ ยามก็กล่าวขึ้นอย่างขึงขัง “โปรดรอที่นี่ ที่ปรึกษาจักรพรรดิ ข้าน้อยจะแจ้งรีบท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิทันที! ” ด้วยเหตุนั้นยามรีบวิ่งเข้าไปในพระราชวัง
อย่างรวดเร็ว ยามวิ่งกลับออกมาจากตําหนักสวรรค์ฉันและพูดกับฉิงเส้าฟาน “ท่านปรึกษาจักรพรรดิได้โปรดเข้ามา!”
ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน สูดลมหายใจลึกๆ และจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาเองก่อน จะย่างก้าวเข้าไปในตําหนักสวรรค์ชิ้น
“ตามความประสงค์ของผู้พิทักษ์จักรพรรดิ โปรดตามข้ารับใช้ผู้นี้มา ท่านฉิงเส้าฟาน” ทันทีที่ฉิงเส้าฟานเข้าไปในห้องโถง ตําหนักนางกํานัลเพื่อให้เขาตามนางไป
ไม่นานหลังจาก ทั้งสองมาหยุดนอกห้องพัก ประตูห้องปิดอยู่และนางกํานัลก็ไม่ได้เปิด เพียงยืนอยู่ภายนอกของพวกเขา “รายงานท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ฉิงเส้าฟานที่ปรึกษาจักรพรรดิของเราได้มาแล้ว”
“เจ้าออกไปได้” เสียงอ่อนโยนดังออกมาจากภายในห้อง จากเสียงนั้นก็พอจะกล่าวได้ว่าเป็นชายวัยกลางคน
“เพคะ ข้ารับใช้จะออกไปเดี๋ยวนี้” นางกํานัลโค้งคํานับ ก่อนประตูและจากไปด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา
“ฉิงเส้าฟานขอคารวะแก่ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ” หลังจากที่นางกํานัลจากไป ฉิงเส้าฟานก็คารวะที่ประตูซึ่งมีเซียนผู้คุมกฏอยู่ภายในนั้น
“ฉิงเส้าฟาน เจ้ามีเรื่องใดรายงาน ! ” ชายคนนั้นยังคงพูดค่อนข้างอ่อนโยน ให้ด้วยท่าที่อ่อนโยน อบอุ่น และเป็นมิตร เมื่อเทียบกับเซียนผู้คุมกฎของนิกายของมังกรพยัคฆ์ มันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
” ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เรื่องมันเป็น…”
หลังจากฉิงเส้าฟานเปิดปากพูดในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น เขาตั้งใจเน้นเรื่องของนิกายพยัคฆ์มังกร การอาละวาดและวิธีการของพวกเขาที่ไม่เห็นแก่หน้าของอาณาจักรฉินหวงในสายตาของพวกเขาทั้งหมด มันก็ยากที่จะซ่อนความโกรธในดวงตาของเขา และสุดท้ายฉิงเส้าฟานพูดถึงวิธีที่เซียนผู้คุมกฎกล่าวอ ย่างชัดเจนและรับรู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิขอ งอาณาจักรฉินหวงแต่ยังทําร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม้แต่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิในห้องยังรู้สึกไม่พอใจอย่างชัดเจน หลังจากฟังเรื่องราวจากปากของฉิงเส้าฟาน “นิกายพยัคฆ์มังกรรู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงของเราและยังกล้าโจมตีเขา นี่เป็นเพียงการต่อต้านอาณาจักรฉินหวงของเรา ฉิงเส้าฟาน เจ้าดําเนินการอย่างเหมาะสม อาณาจักรฉินหวงของเราต้องปกป้องเกียรติที่สืบทอดกันยาวนานนับพันปีที่อาณาจักรของเราได้สร้างขี้นมา เราจะไม่ยินยอมให้ใครมาท้าทายหรือมาเป็นศัตรูกับอาณาจักรฉินหวงของเรา เจ้าไปก่อน ข้าจะไปพูดคุยกับอีก 3 คน