ตอนที่ 727: หลินไป่
ท่าทีของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปด้วย เขาจ้องตาถลึงและพูดอย่างเย็นชาทันที “หืม แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำยังกล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโสเยี่ยงนี้ เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะใช้ความสามารถอะไรในการที่จะทำให้ข้าไม่สามารถเอาลูกสัตว์นั้นไปได้” ชายหนุ่มพุ่งออกจากสัตว์อสูรที่เขาขี่และบินตรงมาทางเจี้ยนเฉิน ด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า มือของเขาพุ่งออกมาตรงไปที่เสือขาวซึ่งอยู่บนหัวของเจี้ยนเฉิน
สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา การกระทำของชายหนุ่มนี้ทำให้เจี้ยนเฉินโกรธ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ได้ตอบโต้เขา เขาในตอนนี้เป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้พลังของเขาในที่สาธารณะได้ ไม่อย่างนั้น ความลับของเขานั้นจะถูกเปิดเผย
เสือขาวจ้องอย่างเย็นชาไปที่ชายหนุ่มที่กำลังจะคว้ามันเอาไว้ด้วยสายตาที่สดใส สายตาที่ล้อเลียนและเหยียดหยามปรากฏขึ้นในแววตาที่ดูฉลาดเฉลียวคู่นั้น เมื่อชายหนุ่มเข้ามาใกล้เกือบจะถึงนั้น มันก็อ้าปากเล็ก ๆ ของมันขึ้นมาและกัดไปที่นิ้วข้างหนึ่งของชายหนุ่มนั้น
ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกสัตว์ที่ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไรนั้นจะมีความรวดเร็วจนเขาไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่นิ้วของเขาถูกกัดโดยลูกเสือนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรง มันทำให้ท่าทางของชายหนุ่มเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะร้องออกมาเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้
“อ๊ากก ! ” ชายหนุ่มร้องอย่างน่าสังเวชด้วยความเจ็บปวด เขาถอยออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนที่เขาพุ่งเข้ามาและอยู่ห่างออกไปมากกว่าสิบเมตรในแค่พริบตาเดียว เขาจ้องไปที่ลูกเสือที่ดูเหมือนไร้พิษสงบนหัวของเจี้ยนเฉิน และยืนสั่นด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มมีเลือดออกที่มือข้างขวาของเขา นิ้วของเขาหักจากการที่ถูกกัด ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน
ภาพที่เหลือเชื่อได้สร้างความสนใจให้กับคนที่ยืนดูอยู่ พวกเขาค่อนข้างประหลาดใจและจ้องไปที่ลูกเสือ ไม่มีใครคิดว่าเสือที่ดูไร้พิษสงนั้นจะสามารถกัดจนทำให้นิ้วของคนหักได้ไวขนาดนี้ โดยเฉพาะนิ้วของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งมันยิ่งทำให้น่าเหลือเชื่อขึ้นไปอีก
“นั่น นั่นมันสัตว์อสูรอะไรกันแน่ ? ” ชายหนุ่มข่มความเจ็บปวดที่มือของเขาเอาไว้แล้วร้องออกมาในขณะที่เขาจ้องไปที่เสือนั้นด้วยความตกตะลึง ความเยือกเย็นที่เขาเคยมีนั้นไม่มีอีกแล้วเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าลูกเสือนั้นทำนิ้วของเขาหักได้อย่างไรจากการกัดเพียงแค่ครั้งเดียว ทั้งหมดที่เขารู้สึกคือความเจ็บปวดทันทีที่เขาแตะลูกเสือ
“ใครจะคิดหล่ะว่าลูกเสือที่น่ารักนั้นจะมีพลังโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ เหนือความคาดหมายจริง ๆ ” หญิงสาวที่มีคราสัญลักษณ์เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงสีเขียวที่อยู่บนสัตว์อสูร จ้องไปที่เสือขาวด้วยความสนใจที่มากกว่าเดิม ความอยากได้เสือขาวของนางนั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มที่นิ้วหักจ้องไปที่เสือชาวด้วยดวงตาแวววับก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉินและพูดด้วยเสียงทุ้ม ” ลูกเสือของเจ้าทำนิ้วของข้าหัก เจ้าต้องชดใช้ให้ข้า เล่ยหมินเกา ทิ้งลูกเสือของเจ้าไว้ที่นี่ซะ ข้าจะนำมันไปที่ตระกูลเล่ย ถ้าเจ้าทำอย่างนั้น ข้าจะยกโทษให้เจ้าที่เจ้าไม่เคารพตระกูลเล่ยของข้า”
เจี้ยนเฉินอุ้มเสือตัวน้อยขึ้นมาอย่างอ่อนโยนและลูบไปที่หัวของมันเบา ๆ ในขณะที่เขาถือมันอยู่ เขาจ้องมองอย่างเกรี้ยวกราดไปที่ชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะหันหนีและเดินจากไปโดยมพูดอะไร ด้วยตัวตนของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะเสียมันไปในการโต้แย้งกับชายหนุ่มผู้นี้ ถ้าไม่ต้องทำแบบนี้ล่ะก็ เขาก็คงสามารถใช้ความแข็งแกร่งของเขาในฐานะนักสู้ในการสอนบนเรียนให้กับชายที่เย่อหยิ่งผู้นี้ไปนานแล้ว
การที่ได้เห็นว่าเขาถูกเมินโดยเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำ ทำให้เล่ยหมินเกาโกรธจัด เขาชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉิน “หยุดมันไว้ ! ถ้าข้า เล่ยหมินเกา ไม่ได้รับความยุติธรรมในวันนี้ พวกเจ้าจะไปไหนไม่ได้ นิ้วของข้าจะหักฟรี ๆ ไม่ได้ ! “
ชายตัวใหญ่มากกว่าโหล่ที่ขี่สัตว์อสูรอยู่ข้างหลังเล่ยหมินเกาและหญิงสาวนั้นควบสัตว์อสูรมาและล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ แม้ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะมีสถานะที่น่าความเคารพในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ตระกูลเล่ยก็มีความแข็งแกร่งเช่นกันในเมืองแห่งเทพเจ้า เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำที่ยังไม่ถูกทดสอบก็ดูไม่มีค่าอะไรต่อตระกูลเล่ย
“จัดการมัน เราจะตัดสินมันที่ตระกูลเล่ยทีหลัง” เล่ยหมินเกาสั่ง
“ขอรับ ! ” ชายสิบกว่าคนตอบรับพร้อมกันก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง เสียงที่ทรงพลังก็กึกก้องสะท้อนไปทั่ว
“เจ้ากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง! ตระกูลเล่ยกล้าที่จะไม่เคารพเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง บางทีตระกูลเล่ยของเจ้าต้องการที่จะท้าทายเกียรติของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอย่างนั้นหรือ ! ? “
เสียงนั้นหยุดชายหลายคนจากการกระทำที่บุ่มบ่าม แต่ละคนจ้องไปที่ต้นกำเนิดของเสียงนั้น
แม้แต่ท่าทางของเล่ยหมินเกาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มันมีความกลัวมากลึกอยู่ในตาของเขา สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นเป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่ของเมืองแห่งเทพเจ้าและมีความสัมพันธ์กับสามตระกูลใหญ่ที่ควบคุมจักรวรรดิอยู่ การคงอยู่ของพวกเขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ชายวัยกลางคนในชุดขาวยาวทำให้ผู้คนแหวกออกเป็นสองข้าง เขาเดินเชิดหัวและยืดอกอย่างภูมิใจและด้านหลังของเขาเป็นชายวัยกลางคนสองคนที่ดูเย็นชา การมีอยู่ของพวกเขานั้นช่างเยือกเย็นและพวกเขาเป็นเซียนระดับปฐพี
เล่ยหมินเกาจ้องไปที่ชายวัยกลางคน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาจ้องไปที่ตราสัญลักษณ์สีฟ้าที่อยู่บนอกของชายนั้น ม่านตาของเขาก็หรี่เล็กลง
หญิงสาวที่อยู่สัตว์อสูรก็สังเกตเห็นตราสีฟ้าบนอกของชายนั้นเช่นกัน ท่าทางของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยและร้องออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงที่มีแต่นางเท่านั้นที่จะได้ยิน “เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 ไม่ใช่หรือ ? ถ้าข้ามีเวลามากกว่านี้ ข้าก็คงไปถึงระดับนั้นเหมือนกัน”
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 มองไปรอบ ๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดตรงกลุ่มชายที่กำลังล้อมรอบเจี้ยนเฉินอยู่ เขาส่งเสียงแล้วตะโกนออกมาอย่างดัง “เจ้ากล้าที่จะต่อต้านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอย่างนั้นหรือ ? เจ้าอยากจะโดนลงโทษจากสมาคมใช่หรือไม่ ? รีบไสหัวไปไกล ๆ จากข้าเลย ! “
เสียงที่ดังของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 นั้นขัดขวางกลุ่มชายจากตระกูลเล่ยออกไป พวกเขากระจายตัวออกห่างจากเจี้ยนเฉินโดยไม่มีเสียงใด ๆ
เล่ยหมินเกายืนอยู่ที่ข้างหนึ่งและไม่ต้องการที่จะพูดอะไรออกมา สายตาของเขาลึก ๆ นั้นกลัวเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 มาก แม้ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 จะเปราะบาง แต่สถานะของเขาที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าเขาที่เป็นนายน้อยสามของตระกูลเล่ยมาก
เล่ยหมินเกากำหมัดแน่นและจ้องด้วยสายตาโหดร้ายไปที่เจี้ยนเฉิน เขาจะไม่ปล่อยเจี้ยนเฉินไปง่าย ๆ แน่จากการที่ไปทำให้นิ้วของเขาหัก
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 เดินมาถึงที่ข้างหน้าของเจี้ยนเฉินภายใต้การคุ้มครองของเซียนระดับปฐพี 2 คน เขาเปลี่ยนมายิ้มและพูด “ดูจากการแต่งกายของเจ้า เจ้าต้องใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแน่ ทำไมเจ้าไม่ไปเพื่อรับการทดสอบที่สมาคมล่ะ ? “
เจี้ยนเฉินป้องมือให้กับชายวัยกลางคนนั้น “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าไว้ ข้ากำลังเดินทางไปที่สมาคมเพื่อรับการทดสอบ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น”
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 ดูเป็นมิตรมาก แม้เจี้ยนเฉินจะดูเหมือนเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำในสายตาของเขา เขาก็ไม่ได้ดูถูกเจี้ยนเฉิน เขายิ้ม “ข้า หลินไป่ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ เจ้าเรียกข้าว่าท่านน้าหลินไป่ก็ได้ ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังแค่ไหน ตราบใดที่เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เจ้าจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะได้รับการคุ้มครองจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในเมืองแห่งเทพเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวที่จะถูกรังแกจากตระกูลต่าง ๆ ถ้าพวกนั้นสร้างปัญหาให้เจ้า เจ้าก็ไปรายงานที่สมาคมได้”
“ขอบคุณท่านน้าหลินไป่สำหรับคำแนะนำ” เจี้ยนเฉินประสานมือ
“น้องข้า สมาคมอยู่ไม่ไกลจากนี้และข้าก็มีเวลาเหลือ ทำไมไม่ให้ข้าพาเจ้าไปเพื่อรับการทดสอบล่ะ ? ” หลินไป่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากนั้นไม่นาน เจี้ยนเฉินก็จากไปพร้อมกับหลินไป่และเสือขาวที่อยู่ในมือของเขา ที่เหลืออยู่คือเล่ยหมินเกาที่ยืนท่าทางอึมครึมขณะที่เขามองเจี้ยนเฉินหายไปไกล ๆ ตอนนี้เจี้ยนเฉินอยู่กับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 เขาคงไม่กล้าที่จะไปหยุดเจี้ยนเฉิน ต่อให้เขามีความกล้ามากแค่ไหนก็ตาม
“ส่งคน 2 คนไปสะกดรอยตามเจ้าเด็กนั้นไป แล้วรายงานมาได้ทุกเมื่อ” หลังจากที่สั่งกลุ่มของยามที่อยู่ด้านหลังเขา เขาก็รีบจากไปบนสัตว์อสูรของเขา นิ้วที่หักของเขาต้องการการรักษาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจจะเป็นปัญหาในการใช้เวลารักษา โชคดีที่การบาดเจ็บครั้งนี้ของเขานั้นค่อนข้างเล็กน้อยและไม่ยากนักที่จะรักษา
เจี้ยนเฉินและหลินไป่เดินไปที่สาขาที่ใกล้ที่สุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและพวกเขาก็เดินคุยกันไปตามทาง หลินไป่พูดคุยไม่หยุดกับเจี้ยนเฉินและบอกเกี่ยวกับกฎของเมืองแห่งเทพเจ้าพร้อมกับปัญหาที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงพบเจอ มันทำให้เจี้ยนเฉินเข้าใจเมืองแห่งเทพเจ้ามากขึ้น
พวกเขาทั้งสองเดินไปรอบ ๆ ถนนอีกครึ่งชั่วยามก่อนที่จะมาถึงสาขาของสมาคมในที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นแค่สาขา แต่มันก็ค่อนข้างใหญ่โตทั้งทั้งที่มันเป็นแค่สาขาเล็ก ๆ ขนาดของมันไม่ได้เล็กไปกว่าคฤหาสน์เจียงหยางเลย ที่ทางเข้าหลักของสมาคมมีเซียนระดับปฐพีสองสามคนที่ยืนเหมือนรูปปั้นกำลังรักษาการที่นี่อยู่
Related