ตอนที่ 757: มิติภายในวัตถุเซียน
การจากไปของหยุนเทียนไม่ได้ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกอะไรเลย เจี้ยนเฉินจ้องมองช่องว่างที่ประตูอย่างเงียบ ๆและพึมพำกับตัวเอง ศิษย์พี่หยุนเทียน ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่ล้ำเส้นนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าติดหนึ่งในสิบเป็นแน่ ในการแข่งขันที่จะมาถึงนี้ เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าใจในทักษะธาตุแสงดีขึ้น แต่เขายังได้เรียนรู้สุดยอดทักษะธาตุแสงทั้งสามมาอีกด้วย แค่กระบี่แห่งการพิพากษาเพียงอย่างเดียว เซียนสวรรค์ก็ยังยากที่จะหนีแล้ว กะอีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เปราะบางคงจะยาก
ในตอนนี้เอง ในเขตที่พักผ่อนที่จัดไว้สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้นสูงนั้น กวานหยูไค่ในชุดขาวกำลังยืนอยู่ที่หน้าเตียงแล้วจ้องอย่างว่างเปล่าไปที่กลุ่มคนที่กำลังเดินเข้าออกปราสาท
เหลือเวลาอีกแค่ 2-3 วันก็จะถึงการแข่งขันแล้ว ข้าได้ติดต่อเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 สองสามคนเพื่อร่วมมือกันอย่างลับ ๆ แต่ความสามารถในการใช้ทักษะธาตุแสงของพวกเขายังอยู่ในขั้นแย่แม้ว่าพวกเขาจะเป็นถึงระดับ 6 แม้แต่พวกนั้น 4-5 คนก็ยังไม่ทัดเทียมข้า เฮ้อ ข้าจะติดหนึ่งในสิบได้อย่างไรกับคนกลุ่มนี้ กวานหยูไค่พึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาจ้องออกไปด้านนอก
แม้ว่าคนของตระกูลทั้งแปดจะเชิญให้ข้าไปเข้าร่วมและทำงานกับพวกเขา แต่จุดมุ่งหมายของข้าคือการติดหนึ่งในสิบ ถ้าข้าร่วมมือกับพวกนั้นจริง ๆ แม้ข้าจะได้อยู่ในนั้น แต่ข้าคงไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไร ถ้าข้าทดสอบด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าข้าจะมั่นใจมากขนาดไหน แต่ข้าคงได้แต่วิ่งหนีหางจุกตูดถ้าต้องเจอกับพวกกลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งพวกนั้นน่าจะติดหนึ่งในสิบเป็นแน่
ถ้าข้ามีความแข็งแกร่งเหมือนหยางยู่เทียนละก็ เขาที่สามารถสังหารเซียนสวรรค์สามสิบกว่าคนได้ด้วยทักษะธาตุแสงของเขาบนเรือนั่นและไม่ได้มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย เขาไม่เปิดช่องให้พวกนักฆ่านั่นเข้าใกล้ตัวเขาได้เลย ถ้ามีคนที่มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนั้นเข้ามาแข่งขันด้วยล่ะก็ คนผู้นั้นคงไม่ตกอยู่ในอันตรายใดใดเลย อีกทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวลือที่ว่า หยางยู่เทียนนั้นมีเกราะป้องกันที่ทรงพลังมากที่แม้แต่เซียนผู้คุมกฎยังยากที่จะทำอันตรายแก่เขาด้วย มันไม่เหมือนกับไปติดปีกให้กับพยัคฆ์ที่ดุร้ายอยู่แล้วอีกหรือ ? มันยิ่งทำให้เขาทรงพลังขึ้น เอาตรง ๆ แล้ว ถ้าข้าต้องการที่จะติดหนึ่งในสิบอย่างง่าย ๆ ข้าต้องเกาะติดหยางยู่เทียนเท่านั้น
น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าไม่ได้ทิ้งสัญญาณการติดต่ออะไรไว้ที่จี้สื่อสารของข้าเช่นกัน ถ้าข้าต้องการที่จะตามหาเขามันคงจะเป็นการค่อนข้างยาก เมื่อตอนที่การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น ข้าจะต้องตามหาเขาตอนนั้น ถ้าข้าเจอเขาแล้วข้าต้องเกาะติดเขาให้ได้ ไม่ว่าข้าจะต้องพูดขอร้องมากแค่ไหนก็ตาม
ในคฤหาสน์ที่หรูหราภายในเมือง ยามรักษาการหลายร้อยคนในชุดเกราะสีดำสนิทยืนตรงเป็นแถวอยู่ทั่วสถานที่นั้นเหมือนกับรูปปั้น พวกเขาทั้งหมดปล่อยพลังที่ทรงพลังออกมาและพวกเขาทั้งหมดคือเซียนปฐพี
ชุดเกราะสีดำสนิทที่พวกเขาสวมใส่อยู่นั้นทำมาจากแร่ทังสเตนที่มีค่ามาก พลังการป้องกันของมันนั้นสูงมาก และราคาที่จะให้สร้างเกราะแต่ละตัวนั้นสูงมาก
ภายในเขตนั้น มีเซียนสวรรค์จำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในที่ที่กว้างขวางนั้น การตรวจตรารักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์นั้นแน่นหนาเหมือนกำแพงเหล็ก
คนพวกนี้คือคนของตระกูลคารา หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิและเป็นตระกูลที่ครอบงำเมืองหลวงอยู่ ในตอนนี้ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 สองสามคนกำลังถูกคุ้มกันเพื่อที่จะไปเข้าร่วมการแข่งขัน
ในเขตของตระกูลคารา มีชายชราผิวสีเลือดฝาดนั่งอยู่ที่กลางห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามและกำลังจ้องไปที่เด็กสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งซึ่งกำลังแต่งหน้าทำผมอยู่
เด็กสาวนั้นใส่ชุดสีชมพู ในขณะที่เสื้อที่พอดีตัวนั้นเผยให้เห็นสัดสวนที่มีเสน่ห์ของนาง จากในกระจกนั้น เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงนั้นรูปร่างหน้าตาและความสวยงามที่น่าหลงไหลซึ่งสามารถทำให้ชายทั้งโลกถึงกับบ้าคลั่งได้ ความงดงามของนางช่างสูงส่ง น่าสักการะ เหมือนดั่งนางฟ้าที่มาจากภพอื่น
นางดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 20 ปี ในขณะที่สายตาที่เป็นประกายสดใสดีเลิศของนางเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด และสิ่งที่สำคัญกว่านั้น มันเหมือนจะมีความเย้ายวนใจแปลก ๆ ในตัวนาง ซึ่งเหมือนกับว่ามันจะสามารถหลอกล่อผู้คนได้โดยที่ไม่รู้ตัวและทำให้คนพวกนั้นลุ่มหลงต่อหน้านาง
“คุณหนูใหญ่ มีอัจฉริยะมาปรากฏตัวที่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเมื่อเร็ว ๆ นี้ คนผู้นี้ชื่อหยางยู่เทียน ถ้าท่านพบกับเขา ท่านต้องระมัดระวังให้ดีเพราะว่าเขาแข็งแกร่งมาก ถ้าท่านพบเขาในวัตถุเซียนล่ะก็ อย่าพยายามเป็นศัตรูกับเขา ไม่อย่างนั้น เขาคงจะเป็นศัตรูที่ยากจะจัดการเป็นแน่” ชายชราที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตรพูดออกมา
หญิงสาวคนนี้เป็นลูกสาวสุดที่รักของหัวหน้าตระกูลคนก่อนของตระกูลคารา คารา ลี่เว่ย นางเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีพรสวรรค์ และมีความสามารถในทักษะธาตุแสงอีกด้วย นางสำเร็จระดับ 6 เมื่อหลายทศวรรษก่อน และเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในสิบคนที่ดีที่สุดของเซียนประกายแสง
แม้ว่าคารา ลี่เว่ยจะดูเหมือนอายุ 20 ปี แต่อายุของนางก็มากกว่านี้มาก
สายตาของนางเป็นประกายด้วยความสนใจ “ท่านผู้อาวุโสลู่ หยางยู่เทียนคนนี้คือใครกัน เขาแข็งแกร่งขนาดที่ท่านบอกเชียวหรือ ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อของคนผู้นี้มาก่อน ? “
“เขาทรงพลังมาก และน่ากลัวมากกว่าที่ท่านจิตนาการได้ ! ” ในทันทีที่พวกเขาเริ่มพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับหยางยู่เทียน สายตาของผู้อาวุโสลู่ก็ฉายแววความประหลาดในอย่างรุนแรงออกมา เขาพูด “หยางยู่เทียนนี้มีอายุเพียง 24 ปีและสำเร็จเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับที่ 6 นอกเหนือจากนี้ ความสามารถด้านทักษะธาตุแสงของเขานั้นอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ ในเวลาแค่ 4 เดือนที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสง เขาก็จับพื้นฐานของทักษะธาตุแสงได้และร่ายมันได้อย่างชำนาญ พลังของทักษะที่เขาร่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 คนอื่น ๆ ร่ายมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของคารา ลี่เว่ยก็แสดงความประหลาดใจออกมา นางพูด “เขาสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุเพียง 24 ปี และเข้าใจทักษะธาตุแสงทั้งหมด หยางยู่เทียนนี้ช่างมีพรสวรรค์เสียจริง”
“ไม่เพียงแค่นั้นนะ ! ” ผู้อาวุโสลู่พูดต่อ “นอกเหนือจากนี้แล้ว หยางยู่เทียนยังได้เรียนรู้สุดยอดทักษะธาตุแสงทั้งสามอีกด้วย ข้าได้ยินมาเมื่อสองสามวันก่อนว่า หยางยู่เทียนได้ต่อสู้กับเซียนสวรรค์สามสิบกว่าคนด้วยตัวของเขาเพียงคนเดียวบนเรือ โล่พลังเซียนธาตุแสงของเขานั้นป้องกันการโจมตีจากเซียนสวรรค์หลายหลายคนที่โจมตีเข้ามาพร้อมกันได้ ในขณะที่ระเบิดธาตุแสงของเขานั้นทำให้พวกนั้นจำนวนมากล่าถอยไป อีกทั้งด้วยกระบี่พลังเซียนธาตุแสงของเขา เขาได้ฆ่าเซียนสวรรค์ไป ก่อนที่เขาจะร่ายกระบี่แห่งการพิพากษาและสังหารพวกนั้นต่อไปหลายคน”
คารา ลี่เว่ยที่กำลังหวีผมอย่างช้า ๆ ก็หยุดทันที ท่าทีของนางเริ่มเคร่งครึม “ท่านผู้อาวุโสลู่ จากที่ท่านพูดมา หยางยู่เทียนนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เหนือกว่าข้าหลายขั้น เขาได้ต่อสู้เซียนสวรรค์สามสิบกว่าคนด้วยตัวของเขาเอง ก่อนที่จะฆ่าพวกนั้นไปหลายคน”
ท่าทีของผู้อาวุโสลู่ก็เริ่มตึงเครียดเช่นกัน “หลังจากนั้น บางสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็เกิดขึ้น เซียนสวรรค์ที่เหลืออยู่ยี่สิบกว่าคนที่เหลือนั้นถูกสังหารหมู่ด้วยวิชาต้องห้ามที่ถูกร่ายโดยหยางยู่เทียน ซึ่งทำให้พวกนั้นทั้งหมดสลายไป เหลือแค่กองฝุ่นทิ้งไว้เบื้องหลัง”
“อะไรนะ ! ? เทพจุติ ! ?” คารา ลี่เว่ยตกใจอย่างมาก ซึ่งทำให้นางหน้าซีด “หยางยู่เทียนร่ายได้แม้แต่เทพจุติ บางทีเขาอาจจะถึงระดับ 7 แล้วก็เป็นได้”
ผู้อาวุโสลู่ส่ายหน้า “ไม่ เขาไม่ใช่ระดับ 7 เป็นแค่ระดับ 6 เท่านั้น และยังมีข่าวลือเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า หยางยู่เทียนนั้นได้ครอบครองสมบัติป้องกันตัวที่สามารถรับการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้อย่างไร้รอยขีดข่วน”
“นี่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ระดับต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยหรือ?” คารา ลี่เว่ยพูดเสียงอ่อน ท่าทีของนางเคร่งเครียดมาก
ผู้อาวุโสลู่พยักหน้า “ใช่แล้ว คุณหนู ถ้าท่านพบกับหยางยู่เทียนและเขามีวัตถุเซียนหล่ะก็ ท่านต้องระวังและไม่ไปเป็นศัตรูกับเขา อีกทั้ง จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา หยางยู่เทียนนั้นได้มีเรื่องกับตระกูลซาร์ นี่เป็นโอกาสที่เราจะลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้องได้”
สายตาของคารา ลี่เว่ยเป็นประกายในขณะที่นางพึมพำกับตัวเอง “หยางยู่เทียน เจ้าเป็นคนแบบไหนกันนะถึงได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ? ข้าต้องการที่จะพบคนผู้นี้จริง ๆ “
ในตอนนี้เอง ยามก็ตะโกนออกมาจากข้างนอก “รายงานคุณหนู ลูกศิษย์ของท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง หยุนเทียน ต้องการที่จะพบท่าน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ตาของคาราก็เบิกขึ้นเล็กน้อย “ให้เขาเข้ามาได้ ! “
..
ในเวลาเดียวกัน ในที่ต่าง ๆ ของเมืองแห่งเทพเจ้า ตระกูลใหญ่ที่มาจากทั่วจักรวรรดิได้เตือนผู้เข้าแข่งขันเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของตนเองไม่ให้ไปยุ่งกับหยางยู่เทียน แม้ว่พวกเขาจะต้องเสียสิทธิ์ก็ตาม นี้เป็นเพราะว่าหยางยู่เทียนในตอนนี้นั้นไม่ใช่คนที่จะถูกตระกูลชั้นสองที่ไม่มีคนหนุนหลังที่มีอำนาจไปยั่วยุได้
ในพริบตาเดียว วันแห่งการแข่งขันก็ได้มาถึง ในเช้าวันนั้น คนกลุ่มใหญ่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสกว้างใหญ่นอกสำนักงานใหญ่ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ผู้คนทั้งหมดมีหลายพันคน โดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาทั้งหมดใส่ชุดคลุมยาวสีขาวและติดตราสีน้ำเงินที่แสดงว่าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 บนหน้าอกของพวกเขา
ปริมาณของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มานั้นมากมายเหมือนมด เพราะว่าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มาจากทั่วทั้งทวีป แม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่มา แต่ก็ไม่ใช่จำนวนที่มากเท่าไร
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่ห้องของเขาและกำลังมองผ่านหน้าต่างไปที่ฝูงชนที่แน่นขนัดข้างล่าง เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ ถ้าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อยู่ในฝูงชนนั้นทั้งหมดมีพลังเท่ากับเซียนสวรรค์ที่ทรงพลัง มันคงเป็นภาพที่น่าสยดสยองน่าดูที่เซียนสวรรค์นับพันคนมารวมกันแบบนี้
เจี้ยนเฉินก้มหัวลงและมองไปที่จี้สื่อสารที่อยู่ในมือของเขา นอกจากมันจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ติดต่อสื่อสารกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่นแล้ว มันยังเป็นกุญแจที่จะเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนอีกด้วย
ในตอนนี้เอง แสงที่ทรงพลังก็เริ่มสว่างขึ้นในท้องฟ้า มันคือวัตถุเซียนที่ถูกเก็บอยู่ที่ยอดของหอคอยของสมาคม ที่ส่องแสงสว่างจ้า ย้อมพื้นที่รอบ ๆ ไปด้วยแสงสีขาวหิมะ แม้แต่พระอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้าก็หมดหมองไปต่อหน้าแสงของวัตถุเซียน
เมื่อเห็นดังนั้น เจี้ยนเฉินก็รู้ได้ทันทีว่าวัตถุเซียนกำลังจะทำงานแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบคว้าเสือขาวที่กำลังหลับอยู่ที่เตียง เขาต้องอยู่ในวัตถุเซียน 15 วัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะต้องทิ้งเสือขาวไว้ข้างนอกโดยลำพัง
“วัตถุเซียนได้เริ่มทำงานแล้ว และการแข่งขันก็กำลังจะเริ่มขึ้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนกรุณาร่ายพลังเซียนธาตุแสงเล็กน้อยลงไปที่จี้สื่อสาร” น้ำเสียงที่ยิ่งใหญ่แต่คุ้นเคยดีดังขึ้นบนท้องฟ้า มันคือท่านประธานของสมาคมนั้นเอง
เจี้ยนเฉินกอดเสือขาวไว้แน่น ในขณะที่เขารวบรวมและถ่ายเทพลังเซียนธาตุแสงเล็กน้อยลงไปที่จี้สื่อสาร ทันใดนั้นเอง ลำแสงสีขาวก็ยิงลงมาจากท้องฟ้าและห่อหุ้มเจี้ยนเฉินทำให้เขาหายไปจากห้อง
หลังจากนั้น แสงหลายลำก็ได้สาดลงมาจากท้องฟ้า และพาผู้คนจากจัตุรัสไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่ถึง 20 วินาที ผู้เข้าแข่งขันหลายพันคนในจัตุรัสก็ได้หายไป
ในตอนนี้เอง หยุนเทียนยืนอยู่ที่ห้องของตัวเองข้างหน้าต่างและจ้องไปที่แสงสีขาวสว่างจ้าบนท้องฟ้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา “ศิษย์น้อง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะติดหนึ่งในสิบได้หรือไม่ แต่ท่านประธานคนต่อไปจะเป็นข้า หยุนเทียน”
Related