ตอนที่ 790: การต่อสู้กับตระกูลทั้งแปด (3)
คนทั้งสองติดอยู่ในการต่อสู้ที่จะเอาชีวิตซึ่งกันและกัน มันรุนแรงมากและพวกเขาไม่สนใจอันตรายที่จะเกิดกับชีวิตของพวกเขาเลย
ดาบใหญ่ของชายชรากระทบเข้าที่ไหล่ของเจี้ยนเฉิน พลังที่รุนแรงทำให้เสื้อของเจี้ยนเฉินขาดกระจายแม้แต่เส้นใยยังถูกทำลาย มันเผยให้เห็นเกราะไหมสีทองซึ่งคือเกราะไหมบรรพกาลข้างใน ในท้ายที่สุด เกราะไหมสีทองก็ได้เปล่งแสงสีทองลาง ๆ ออกมาและป้องกันการโจมตีเอาไว้ เจี้ยนเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
ในเวลาเดียวกัน กระบี่สังหารมังกรที่มือของเจี้ยนเฉินก็ได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของชายชรานั่นและโผล่ทะลุออกมาอีกข้าง กระบี่สังหารมังกรได้ระเบิดพลังบรรพกาลออกมาทำลายล้างและพุ่งเข้าไปราวกับมังกรทำลายล้างภายในร่างกายของชายชรา อวัยวะและกระดูกของชายชราถูกทำลายเป็นเสี่ยง ๆ ในทุกที่ที่พลังบรรพกาลเข้าไปถึง
พรวด ! ชายชรากระอักเลือดออกมาและหน้าซีดลงทันที เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจก่อนที่จะถอยหลังออกไปอย่างไม่ลังเล ในเวลาเดียวกัน เขาก็โคจรพลังเซียนในร่างกายของเขาเพื่อพยายามที่จะกำจัดพลังบรรพกาลที่ทำลายทุกอย่างออกไป
แต่พลังบรรพกาลจะถูกขจัดไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ? แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่เพียงพลังบรรพกาลสายเดียวก็ไม่ใช่อะไรที่พลังเซียนอ่อนแอในร่างกายของเขาจะจัดการได้ แม้ว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมดที่เขามีแต่เขาก็ทำได้เพียงกดพลังบรรพกาลไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เขาไม่สามารถที่จะกำจัดมันได้ในเวลาสั้น ๆ
“นี่ไม่ใช่พลังเซียน ไม่ใช่พลังธรรมชาติอีกด้วย นี่ไม่ใช่ธาตุทั้งหกเช่นกัน พะ พลังนี้มันอะไรกัน ? ทำไมถึงได้ทรงพลังเยี่ยงนี้ ? ” ชายชราเต็มไปด้วยความประหลาดใจและแววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างมาก เขาทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อที่จะกดพลังบรรพกาลเอาไว้ และทำให้ตอนนี้ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นต่ำมาก
จิตสังหารระเบิดอยู่ในตาของเจี้ยนเฉิน การตายของพ่อและแม่เขาผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาอีกครั้ง ไฟแห่งโทสะและความเจ็บปวดในใจของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นจิตสังหารที่เข้มข้น เขาก้าวเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่า และทันใดนั้นเองรอยแยกก็ปรากฏออกมา หลังจากนั้น เขาก็หายไปก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าของชายชรา เขาแทงกระบี่สังหารมังกรออกไป
กระบี่รวมกับพลังบรรพกาลนั้นรวดเร็วมาก มันแทงไปถึงหว่างคิ้วของชายชราทันที
ตาของชายชราหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ในวินาทีเป็นตาย เขาเลิกที่จะใช้พลังเซียนในการกดพลังบรรพกาลในร่างหายของเขาเอาไว้และใช้พลังทั้งหมดของเขาในการป้องกันการโจมตีด้วยกระบี่ของเจี้ยนเฉิน ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี เขาเอาดาบใหญ่ขึ้นมาตรงหน้าของเขาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และใช้มือทั้งสองช่วยในการจับมันไว้และป้องกันหัวส่วนบนของเขา
ในขณะที่กระบี่สังหารมังกรปะทะเข้ากับใบดาบ พลังที่รุนแรงก็กระแทกชายชราลอยกระเด็นไป ในขณะเดียวกัน เกลียวของพลังบรรพกาลที่ที่อยู่ในร่างของเขาก็หลุดจากการกดไว้และกำลังกระจายไปทั่ว มันทำลายร่างกายของเขา และทำลายพลังในร่างกายของชายชราลงไปทั้งหมดอย่างรุนแรง
ในขณะที่ชายชรากระเด็นถอยหลังไป เขาก็กระอักเลือดออกมาและหน้าของเขาก็ยิ่งซีดไปกว่าเดิม เขาป้องการการโจมตีที่ถึงกับชีวิตได้สำเร็จแต่เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเป็นการแลกเปลี่ยน
เจี้ยนเฉินยังคงไร้อารมณ์ ดวงตาของเขาเย็นชาในขณะที่จิตสังหารจากเขาถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า เขาก้าวออกไปและหลอมรวมกับมิติและไล่ตายชายชรานั่นไปอีกครั้งด้วยความเร็วแสง เขาแทงกระบี่ออกไปอย่างธรรมดา ๆ อีกครั้ง มันไม่ได้มีกลวิธีพิเศษอะไร มันแค่เร็ว แม่นยำ และดุร้าย
ในครั้งนี้ ชายชราไม่มีพลังพอที่จะป้องกันการโจมตีธรรมดาได้ ในท้ายที่สุดกระบี่ก็พุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของเขาภายใต้สายตาที่หวาดกลัวของเขา
ตาของชายชรานั้นค่อย ๆ ปิดลงและไร้ชีวิต ในตอนนั้นเอง บอลแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากหัวของเขาและบินออกไปไกลด้วยคาวมเร็วแสง มันเป็นวิญญาณดั้งเดิมของชายชรานั่น
ถ้าวิญญาณดั้งเดิมยังคงอยู่ เซียนผู้คุมกฎก็จะยังไม่ตาย !
เจี้ยนเฉินรอจังหวะนี้มานาน ในตอนที่วิญญาณดั้งเดิมบินออกไป มิติรอบ ๆ ก็หยุดนิ่งทันที มันขังวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้ในนั้น และทำให้มันเคลื่อนไปไหนไม่ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แต่เขาก็อ่อนแอมากในรูปแบบของวิญญาณดั้งเดิมโดยไม่มีร่างเนื้อ เขาไม่มีแม้แต่พลังที่จะหนีออกจากมิติที่หยุดนิ่ง
ควับ !
เสียงตัดผ่านอากาศในวินาทีที่มิติหยุดนิ่ง กระบี่สังหารมังกรในมือของเจี้ยนเฉินพุ่งออกไปอย่างเร็วและปราณกระบี่ที่แหลมคมก็ถูกยิงออกมาจากปลายดาบ มันพุ่งผ่านมิติและโจมตีไปที่วิญญาณดั้งเดิมของชายชรา
ปัง !
เสียงดังขึ้นเล็กน้อย วิญญาณดั้งเดิมของชายชราถูกทำลายและหายไปอย่างสิ้นเชิง เขาถูกฆ่าไปโดยสมบูรณ์
นี่เป็นวิธีที่เซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังถูกฆ่าตาย
หัวหน้าตระกูลที่สังเกตการณ์ต่อสู้อยู่นิ่งอึ้งไป ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินทำให้พวกเขาค่อนข้างกลัวว่าจะถูกฆ่าจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ดีว่าที่เจี้ยนเฉินทำอย่างนี้ได้ไม่ใช่เพราะว่าเขาแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเขามียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและเกราะไหมสีทองประกอบกันด้วย
เจี้ยนเฉินคงไม่สามารถที่จะแสดงความแข็งแกร่งของชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้โดยไม่มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ และถ้าเขาไม่มีเกราะตัวนั้นที่จะสามารถใช้ป้องกันการโจมตีนั้น เขาคงไม่ได้ออกมาอย่างไร้บาดแผลจากการการโดนฟันที่ไหล่ของเขา แม้ว่าไหล่ของเขาจะไม่หลุดแต่เขาก็คงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
“ยะ ยะ หยางยู่เทียนฆ่าเซียนผู้คุมกฎลงได้” เมื่อได้เห็นดังนั้น หยุนเทียนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังท่านประธานก็กลัวอย่างมาก หน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือด ในขณะที่ร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย
ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดก็มีท่าทีเปลี่ยนไปเหมือนกันในขณะที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินที่เปลี่ยนแปลงไป
ชายชราที่เหลือทั้งสี่คนนั้นใบหน้าอึมครึม พวกเขาพัวพันอยู่กับผู้พิทักษ์และไม่สามารถที่จะช่วยเหลือสหายของพวกเขาได้ พวกเขาได้แค่มองอย่างช่วยอะไรไม่ได้ในขณะที่สหายของเขาถูกสังหาร
หลังจากที่ฆ่าคนแรกไปแล้ว ความเกลียดชังของเจยีนเฉินก็ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย เขาถือกระบี่สังหารมังกรที่อยู่ในมือของเขาและมุ่งเป้าหมายต่อไปที่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 คนที่สอง และร่วมมือกับกับผู้พิทักษ์ของนิกายดาบโลหิตเพื่อจัดการกับเขา
มันเป็นไปไม่ได้ที่ชายชราจะทำอะไรที่เกินไปกว่ากำลังของตัวเอง การที่ถูกล้อมโดยศัตรู 2 คนที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน ความกดดันของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในขณะที่การที่จะกำจัดคู่ต่อสู้ออกไปเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เขากำลังเสียเปรียบ
ตู้ม ! เสียงระเบิดที่ทรงพลังดังยาว กระบี่ทั้งสามที่เจี้ยนเฉินแทงออกไปได้ปะทะกับอาวุธเซียนของชายชรา พลังที่รุนแรงจากการปะทะกันทำให้ชายชราลอยถอยหลังไป
ในตอนนี้ แสงสีแดงได้โผล่ขึ้นมาข้างหลังเขา มันได้พุ่งทะลุหน้าอกของเขาด้วยน้ำมือของผู้พิทักษ์ มันคือหอกสีแดงเลือด
ชายชราครางและกระอักเลือดออกมา เขาเริ่มหน้าซีดและเนื้อตรงส่วนที่ถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บนั้นก็เริ่มที่จะเน่า
“พลังหยิน ! ” ชายชราร้องออกมา ท่าทางของเขาน่ากลัว พลังหยินของนิกายดาบโลหิตเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งทวีป ไม่เพียงแค่มันจะกัดกร่อนวิญญาณของผู้คนและสังหารอย่างแนบเนียนเท่านั้น มันยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างมาก ถ้าไม่ล้างมันออกในตอนที่มันเข้าไปที่แผล มันจะกินเนื้อของคนผู้นั้นทันที
ชายชรามีคู่ต่อสู้ 2 คน แม้ว่าเขาจะทุ่มสุดตัวแต่เขาก็อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ไม่มีทางที่เขาจะมีเวลาในการกำจัดพลังหยินได้ เขาเลิกสนใจในการต่อสู้เนื่องจากบาดแผลของเขาและไม่คิดที่จะอยู่ต่อนาน เขาหันหลังและบินออกไปไกลเพื่อที่ต้องการจะหนี
“เจ้าฆ่าพ่อแม่ของข้า ! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดเป็นการล้างแค้นในวันนี้ ! ” เจี้ยนเฉินปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าชายชราอย่างทันทีทันใดและขวางทางเขาไว้ และกระบี่ของเขาก็ได้แทงตรงไปที่หว่างคิ้วของชายชรา
ชายชราเคร่งเครียด เขาใช้อาวุธเซียนของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีจากกระบี่สังหารมังกรก่อนที่จะหนีไปไกลในอีกทิศทาง และไม่ต้องการที่จะต่อสู้ต่อเลยแม้แต่น้อย
มือซ้ายที่ยังว่างอยู่ของเจี้ยนเฉินได้กำหมัดขึ้นมา พลังบรรพกาลปริมาณมหาศาลในหมัดเริ่มที่จะควบแน่นก่อนที่จะเหวี่ยงออกไปด้วยความเร็วแสง
หมัดได้รวมเอาร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินและพลังบรรพกาลเอาไว้ มันทรงพลังมาก การโจมตีที่ดุร้ายนั้นสั่นไหวมิติและทำให้มิติข้างหน้าถูกบีบอัด
ปัง ! หมัดกระแทกลงไปที่เอวของชายชราและเสียงแตกก็ดังตามมา กระดูกรอบ ๆ เอวของเขาแตกละเอียดจากหมัดของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่พลังที่รุนแรงได้ผลักให้เขากระเด็นออกไปในทิศทางที่ผู้พิทักษ์อยู่
ผู้พิทักษ์ยังคงไม่แสดงความรู้สึกใด หอกยาวในมือของเขาเปลี่ยนเป็นบอลแสงสีแดง และแทงเข้าไปที่หัวของชายชราด้วยความเร็วแสง
ตุ๊บ ! หอกเข้าไปที่ด้านหลังหัวของชายชรา ทะลุสมองและปรากฎขึ้นที่อีกด้านตรงบริเวณหว่างคิ้วของเขา
วิญญาณดั้งเดิมของชายชราบินออกมาจากหัวและลอยออกไปไกลด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม ไม่ไปได้ไม่ไกลก่อนที่มิติรอบ ๆ จะถูกหยุด ปราณกระบี่ที่แหลมคมได้พุ่งออกไปอย่างทำลายล้าง และทำให้วิญญาณดั้งเดิมสลายหายไป มันฆ่าชายชรานั้นไปอย่างหมดจด
เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ตายลงแล้ว
การตายของสหายทั้งสองคนเป็นอะไรที่หนักใจมากสำหรับชายชราที่เหลือทั้งสาม พวกเขาเริ่มทำท่าน่ากลัว
“ถอย ! ” ชายชราหม่าเทิงคำรามออกมา พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับการทำภารกิจของราชาเสือให้สำเร็จอีกต่อไปแล้ว และจะอาศัยจังหวะในการที่จะหนีไป
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ พวกเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและไล่ตามคนทั้งสามอีกครั้ง พวกเขาติดอยู่ในการต่อสู้อีกครั้ง
ผู้พิทักษ์ทั้งสองกำลังจัดการชายชราซิตูและชายชราหม่าเทิงที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 ในขณะที่ผู้พิทักษ์อีกสองคนร่วมมือกับเจี้ยนเฉินในการสังหารเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ด้วยกัน
การต่อสู้ของพวกเขาเหนือเมืองแห่งเทพเจ้าขึ้นไปพันเมตรนั้นตึงเครียดมาก ผู้พิทักษ์ทั้งสองและเจี้ยนเฉินร่วมมือกันและฆ่าชายชราคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตา เหลือพวกเขาเพียง 2 คนเท่านั้นจากกลุ่มทั้งหมด 5 คน
ทั้งชายชราซิตูและชายชราหม่าเทิงเริ่มเครียด พวกเขากัดฟัน แล้วชายชราหม่าเทิงก็ตะโกนออกมา “พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว ! ถ้าพวกเราไม่ไปตอนนี้ มันจะสายเกินไป ! โลหิตหลบหนี ! ” ชายชราหม่าเทิงพ่นเลือดที่เปลี่ยนเป็นหมอกสีแดงออกมา และคลุมรอบตัวของเขาไว้ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พุ่งออกไปไกลด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อและหายไปในทันที มันเร็วกว่าพลังมิติที่เซียนผู้คุมกฎใช้กัน
ชายชราซิตูก็ไม่ได้ลังเล เขาใช้วิชาลับเดียวกันและหนีออกไปเป็นแสงสีแดง เขาหายไปในพริบตา
“พวกเขาร่ายวิชาลับที่บั่นทอนความแข็งแกร่งของตัวเอง พวกเขาจะใช้มันได้อีกไม่นาน ! รีบตามไป ! ” ผู้พิทักษ์พูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะกลายเป็นลำแสงสีแดงและไล่ไปในทิศทางที่ชายชราทั้งสองหนีไป
หลังจากนั้น ผู้พิทักษ์ที่เหลืออีก 3 คนก็ออกไปในทิศทางเดียวกันนั้นอย่างไม่ลังเล
จิตสังหารแผ่ซ่านอยู่ในตาของเจี้ยนเฉิน เขาหลอมรวมกับมิติและใช้พลังมิติในการเดินทาง เขาออกไปไล่ล่าชายชรา 2 คนนั้นด้วย
ในตอนนั้นเอง ดาบที่รุนแรง 3 เล่มก็ปรากฏตัวอย่างกะทันที่ตรงหน้าของเขา และฟันตรงลงมาที่เจี้ยนเฉิน
ท่าทีของเจี้ยนเฉินอึมครึมและเขาก็เอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎออกมาเพื่อทำลายดาบทั้งสามนั้น อย่างไรก็ตาม มีคนมาขวางทำให้เจี้ยนเฉินต้องหยุด หัวหน้าตระกูลสามคนของตระกูลทั้งแปดลอยอยู่ตรงหน้าและบังทางเขาเอาไว้
“หยางยู่เทียน เจ้าควรจะอยู่ที่นี่” เสียงของชายชราข้างหลังกลุ่มพูด บรรพบุรุษของตระกูลสิบกว่าคนได้รวมตัวอยู่รอบ ๆ เขาในเวลาเดียวกัน ทำให้เจี้ยนเฉินเหมือนติดอยู่ในตาข่ายที่มองไม่เห็น
Related