ตอนที่ 818: รูปแบบการสังหารของเซียนผู้คุมกฎ
เจี้ยนเฉินมองไปที่ไส้เดือนยักษ์ยาวหมื่นเมตรด้านล่างเท้าของเขาและเริ่มเคร่งเครียดมาก พลังบรรพกาลได้ไหลเข้าไปสู่ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎในมือของเขาทันที ทำให้แสงที่พร่ามัวของมันถูกข่มและแทนที่ด้วยแสงสีดำทันทีและเปล่งรัศมีไปด้วยพลังทำลายล้าง
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่ไส้เดือนยักษ์ด้านล่าง ก่อนที่จะมองไปยังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแผดเผาร้อนแรง นางพูดด้วยเสียงแหบห้าว “นี่คืออาคมสังหารของเซียนผู้คุมกฎ รูปแบบมีนี้มีไว้สังหารเซียนผู้คุมกฎโดยเฉพาะ เมื่อเซียนผู้คุมกฎหลงเข้ามาแล้วก็จะพบกับความตายเกือบแน่นอน แม้แต่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ยังไม่ใช่ข้อยกเว้นจากสิ่งนี้ ด้วยเวลาที่ผ่านมานาน อาคมนี้ก็ไม่ได้ทรงพลังเหมือนที่มันเคยเป็น แต่มันก็ยังมีพลังที่มากอยู่ดี”
“พวกเรามาใช้กำลังเต็มที่ผ่านอาคมนี้ไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินคำรามออกมา
“อันตรายที่แท้จริงมาจากท้องฟ้า ไม่ใช่ไส้เดือนที่อยู่ด้านล่างพวกเรา เจ้าจัดการกับไส้เดือนไป ข้าจะทำลายอาคมนี้เอง” น้ำเสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ค่อนข้างเคร่งเครียด หลังจากนั้นไม่นาน นางก็นั่งขัดสมาธิในอากาศและวางพิณปีศาจร่ำไห้ไว้บนเข่าของนาง นางเริ่มที่จะเล่นด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำลายอาคมด้วยพลังของเสียง
ในขณะที่พิณถูกบรรเลง คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็พุ่งไปที่พระอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้าด้วยความเร็วแสง คลื่นเสียงจำนวนมากที่หนาแน่นได้เขย่ามิติรอบ ๆ ทำให้มิติในเขตนี้เริ่มที่จะสั่นไหวเหมือนน้ำ ในตอนนี้เอง ทั่วทั้งเขตดูเหมือนจะกลายเป็นพิณขนาดใหญ่ ซึ่งคลื่นที่เหมือนน้ำทำตัวคล้ายกับสายที่สั่นอย่างต่อเนื่องของพิณ
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์ ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงเล็กน้อย ดวงอาทิตย์ในท้องฟ้านั้นไม่ใช่ดวงอาทิตย์จริง ๆ แต่เป็นเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่ มันขยายใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นในขณะที่เขามองดูมันที่กำลังลดตัวลงมาด้วยความเร็วที่สูงมาก และตกลงมาที่พวกเขาทั้งสอง
ดวงอาทิตย์ที่กำลังลดระดับลงมา ได้ทำให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งบริเวณดูเหมือนจะกลายเป็นเตาอบขนาดใหญ่ที่แม้แต่อากาศยังกลายเป็นไอ
โฮก !
ไส้เดือนยักษ์ที่เป็นทรายทั้งหมด ส่งเสียงคำรามดังขึ้นมาจากข้างล่าง ปากที่ใหญ่และเป็นโพรงสีดำสนิทของมันส่งกลิ่นเหม็นในขณะที่มันพุ่งขึ้นมาที่ท้องฟ้าเพื่อที่จะเขมือบเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย เขาไม่ได้มองไปที่ท้องฟ้าอีกต่อไปแล้ว และพุ่งความสนใจไปที่ไส้เดือนด้านล่างแทน แม้ว่ามันจะเกิดมาจากอาคม แต่สัตว์อสูรทรายตัวนี้ก็ทรงพลังมากเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 7
เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าไส้เดือนในพริบตา ด้วยกระบี่สังหารมังกรที่อยู่ในมือของเขา เขาส่งมันไปที่หัวของไส้เดือนด้วยความเร็วสูง พลังบรรพกาลที่มีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่ปั่นป่วนได้พ่นออกมาจากกระบี่สังหารมังกร และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงไปที่หัวของไส้เดือน
ทันทีที่หัวที่เป็นทรายของมันกระทบกับพลังบรรพกาล มันก็กลายเป็นผุยผงจากกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง ทรายคลายตัวออกทันที และกลายเป็นฝุ่นจำนวนมากก่อนที่ปลิวไป
ในพริบตาเดียว รูใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่หัวขนาดใหญ่ของมัน เหมือนว่ามีบางคนได้ขุดเอาเนื้อออกไปจากมัน
แต่ไส้เดือนนี้ก็เหมือนศพที่มีชีวิตเหมือนกับสัตว์สงคราม มันไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้สึกกลัว และไม่รู้สึกอะไรเลยจากบาดแผล มันจะยังคำราม ลำหนามแหลมก็รวมตัวจากทรายที่อยู่บนหัวของมันและพุ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง
หนามนั้นทำมาจากทราย แต่มันเต็มไปด้วยพลังงานที่มหาศาล ไม่เพียงแต่มันจะรวดเร็วเท่านั้น แต่มันก็ยังแข็งแกร่งอีกด้วยเช่นกัน
เจี้ยนเฉินพุ่งถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว กระบี่สังหารมังกรเปลี่ยนเป็นแสงสีดำและฟาดฟันออกไป และได้ไปปะทะเข้ากันหนามที่กำลังพุ่งเข้ามา
เกิดเสียงเหมือนโลหะเสียดสีกัน หนามที่แข็งแกร่งร้าวทันที แต่การปะทะที่ทรงพลังนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เจี้ยนเฉินกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง หนามที่ดูธรรมดาธรรมดานั้นแท้จริงแล้วเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5
ควับ ควับ ควับ ….
เสียงลมบาดหูดังออกมาอย่างต่อเนื่องในตอนที่หนามออกมาจากร่างของไส้เดือนอันแล้วอันเล่า มันเรียงรูปแบบเป็นตาข่ายและกักเจี้ยนเฉินเอาไว้ และในเวลาเดียวกัน ไส้เดือนนี้ก็ยกขาหน้าที่ใหญ่โตของมันและหยุดเจี้ยนเฉินเอาไว้ มันบังเจี้ยนเฉินเอาไว้ทำให้เขาเหลือทางเลือกเพียงแค่หนีไปข้างบน
เจี้ยนเฉินเคร่งเครียด หนามหลายร้อยอันที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นเทียบเท่าได้กับการโจมตีที่มาจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 หลายร้อยคน เขาไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านอะไรแบบนั้นได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้
เขาขยับร่างกายเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหายไปเป็นภาพราง ๆ จากจุดที่เขายืนอยู่ เขาได้เคลื่อนที่ไปหลายร้อยเมตรด้วยความเร็วสูง และปรากฏตัวขึ้นเหนือหนามนับร้อยและขาที่ใหญ่โต ในที่นี้ ความสามารถของเขาในฐานะเซียนผู้คุมกฎถูกข่มเอาไว้และการสัมผัสทางจิตใจก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เขาไม่สามารถใช้พลังมิติได้ ดังนั้นทั้งหมดที่เขาจะสามารถทำได้ก็คือยึดตำแหน่งไว้โดยใช้มายาพริบตา วิชาการเคลื่อนที่ที่เขาไม่ได้ใช้มานานแล้ว
มายาพริบตาเป็นวิชาการต่อสู้ที่ลึกซึ้งมาก แท้ว่าเจี้ยนเฉินจะใช้แต่พลังมิติตั้งแต่ที่เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ ดังนั้นมายาพริบตาจึงไม่มีประโยชน์กับเขาอีกต่อไป ซึ่งทำให้เขาค่อย ๆ ลืมมันไปอย่างช้า ๆ หลังจากที่ถูกบังคับด้วยสถานการณ์ในวันนี้ เจี้ยนเฉินจึงต้องใช้มายาพริบตาอีกครั้ง
เขาเคลื่อนที่อีกครั้งเพื่อที่จะหลบหนามนับร้อย เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของไส้เดือนทันทีโดยเหลือร่างเดิมทิ้งไว้แค่ราง ๆ ที่กำลังแทงกระบี่สังหารมังกรอย่างดุร้ายที่เต็มไปด้วยพลังบรรพกาลทำลายล้าง เขาถอยออกมาและเพียงแค่การเคลื่อนที่ของร่างกายของเขาเพียงเล็กน้อย เขาก็ออกไปปรากฎตัวอยู่ที่ร้อยเมตรห่างออกไป และแทงไปที่หลังของไส้เดือนอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินทำแบบนี้และแทงไปที่ร่างกายที่ใหญ่โตของไส้เดือนไปหลายร้อยครั้ง ทุก ๆ ครั้งที่โจมตี ร่างทรายของไส้เดือนก็กลายเป็นฝุ่นผงและสร้างความเสียหายให้กับมันเป็นอย่างมาก หลังจากที่โจมตีไปหลายครั้ง ไส้เดือนก็ตัวเล็กลงไปหลายร้อยเมตร ในขณะที่ฝุ่นที่เกิดจากทรายก็เริ่มกองตัวเป็นภูเขาด้านล่าง
ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังสู้อยู่กับไส้เดือน อุณหภูมิรอบ ๆ ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความร้อนสูง พระอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะที่มันใหญ่ขึ้น มันก็กำลังตกลงมาที่พวกเขาทั้งสอง
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่ในอากาศ แขนเรียวเล็กของนางไหลเลื่อนไปตามพิณปีศาจร่ำไห้ด้วยทำนองคลื่นเสียงที่ยิงออกไปจากพิณ พวกมันกระทบเข้ากับพระอาทิตย์ที่กำลังลดระดับลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้าส่งเสียงครางยาวทุ้ม
พิณปีศาจร่ำไห้ที่ปราศจากการตกแต่งแต่มีเอกลักษณ์มีด้วยกันทั้งหมด 36 เส้น หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เล่นไปเพียงแค่ 20 สายเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการเล่นที่เหลืออีก 16 สายตลอดที่นางโจมตีไป
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่พระอาทิตย์ดวงใหญ่ เขาเริ่มเคร่งเครียดขึ้น เขารู้ว่าพระอาทิตย์ใหญ่นั้นเป็นกับดักที่เป็นเครื่องจักรสังหาร เมื่อพระอาทิตย์ปะทะเข้ากับกลุ่มคน บางทีโลกเสมือนนี้อาจจะถูกทำลาย แม้แต่เซียนผู้คุมกฎก็ยังยากที่จะรอดไปได้
“ข้าจำเป็นที่จะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เจี้ยนเฉินคิดก่อนที่จะไปปรากฎตรงหน้าไส้เดือนที่ตัวหดลง เขายกกระบี่สังหารมังกรขึ้นมาเหนือหัวและใส่พลังบรรพกาลลงไปข้างใน ก่อนที่จะโจมตีลงมาจากบนท้องฟ้า
รังสีกระบี่มหาศาลที่เกิดมาจากพลังบรรพกาลที่หนาแน่นได้หายเข้าไปที่หัวของไส้เดือน มันผ่านเข้าไปทั่วร่างของมันและออกไปทางหาง ไส้เดือนไม่แข็งแกร่งและทรงพลังเหมือนที่มันเป็นก่อนหน้านี้ การโจมตีของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ตัดตัวมันออกเป็นครึ่งหนึ่ง ร่างของมันกลายเป็นกองทรายและร่วงหล่นลงที่พื้นและหลายเป็นทรายจำนวนมากเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ
เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดหลังจากที่จัดการกับไส้เดือน เขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที และทนกับอุณหภูมิที่เหลือเชื่อเพื่อบินเข้าไปที่ดวงอาทิตย์นั้น
เจี้ยนเฉินรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาประหยัดพลังบรรพกาลของเขา ปราณบรรพกาลในตันเถียนของเขาได้ฉีดพลังบรรพกาลออกมาอย่างไม่เหลือแม้ว่าขนาดของมันจะหดลงไปแล้ว พลังทั้งหมดที่ออกมาห่อหุ้มกระบี่สังหารมังกรอยู่ หลังจากนั้น ปราณกระบี่หลายสายก็ได้พุ่งขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ….
เสียงระเบิดทุ้มอย่างต่อเนื่องดังออกมาจากท้องฟ้า และดวงอาทิตย์ที่กำลังขยายตัวอยู่ก็สั่นไหวเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความเร็วของมันที่กำลังลดตัวลงมาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“ถอยกลับมา พลังของเจ้าอาจจะแปลก แต่ด้วยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ มันก็แค่ชั้นสวรรค์ที่ 5 อย่างมาก การโจมตีไปด้วยพลังมากขนาดนั้นไม่สามารถที่จะจัดการกับอาคมได้แม้แต่น้อย ให้ข้าจัดการมันเอง” เสียงที่ไร้อารมณ์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ปรากฎขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน
เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวด เขารู้ดีว่าพลังบรรพกาลที่เขาควบคุมนั้นเป็นพลังงานที่ทรงพลัง แต่มันก็ยังไม่ใช่พลังบรรพกาลที่แท้จริง เขาเพิ่งอยู่ในขั้นที่ 1 จากทั้งหมด 18 ขั้น และเขามีกำลังเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 เท่านั้น เขาสามารถแสดงพลังของชั้นสวรรค์ที่ 5 ออกมาได้เมื่อเขาใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเท่านั้น
เมื่อเขาสำเร็จขั้นที่ 18 เท่านั้น พลังบรรพกาลที่ควบคุมจึงจะสามารถเป็นพลังบรรพกาลที่แท้จริงได้
เจี้ยนเฉินเก็บยุทธภัณฑ์ผู้คุมกำและลดระดับลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ เขาตัดสินใจในใจว่าหลังจากที่เขาออกจากมหาสมุทรดวงดาวแล้ว เขาจะต้องหาทางที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งโดนรวมของเขาให้ได้
“แค่ขั้นแรกของร่างบรรพกาลก็เทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ข้าสงสัยเหลือเกินว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหนถ้าข้าไปถึงขั้นที่ 2 ของร่างบรรพกาล” เจี้ยนเฉินคาดการมันไว้มากขณะที่เขาคิด
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ยังคงมีสมาธิในการเล่นพิณต่อไป คลื่นเสียงยังคงพุ่งไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังลดตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง และเกิดเสียงระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า การระเบิดของทุกคลื่นเสียงจะทิ้งพลังงานแปลก ๆ เอาไว้รอบ ๆ และลอยอย่างเชื่องช้ารอบ ๆ พระอาทิตย์ดวงใหญ่อย่างอ้อยอิ่ง
นี่คือพลังของคลื่นเสียงจากพิณ !
หลังจากนั้น พลังงานมากขึ้นมากขึ้นก็ได้รวมอยู่รอบ ๆ พระอาทิตย์ ก่อนที่จะแทรกผ่านไปทั่วทั้งท้องฟ้า
ในตอนนั้นเอง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็หยุดเล่น นางเงยศีรษะขึ้นช้า ๆ ไปที่พระอาทิตย์ที่ส่องแสงและนิ้วที่สวยงามที่ขาวเหมือนกับหนังแกะของนางก็ดีดไปที่สายที่ 21 อย่างนุ่มนวล
ปิ้ง !
เสียงดังชัดเจนดังออกมาจากสายที่ถูกดีด เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสามารถในการทะลุทะลวงที่ทรงพลัง ในขณะที่เสียงโน้ตดังก้องกังวานไปรอบ ๆ แต่ไม่เป็นเสียงที่ดัง
พลังงานรอบ ๆ พระอาทิตย์ที่แผดเผาเรื่องที่จะรุนแรง หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ระเบิดและเสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังออกมา โลกทั้งโลกสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนว่ามันเป็นจุดจบของโลก พระอาทิตย์บนท้องฟ้าแยกออกเป็นสองส่วนจากการระเบิด ก่อนที่มันจะสลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน และตกลงมาทุก ๆ ที่
ด้วยการทำลายพระอาทิตย์ อาคมสังหารก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ทุก ๆ สิ่งตรงหน้าเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวและโลกทรายเสมือนก็ได้สลายไปอย่างช้า ๆ เขากลับมาที่มหาสมุทรดวงดาวอีกครั้ง
Related