หลังจากที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จากไป เจี้ยนเฉินก็ยังคงอยู่ที่เดิม และต่อสู้อย่างตึงมือกับเซียนผู้คุมกฎ ในขณะเดียวกัน พลังแห่งการมีอยู่รอบ ๆ ก็กำลังใกล้เข้ามาในที่ซึ่งเขาอยู่อย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินสร้างความยุ่งยากให้กับเซียนผู้คุมกฎที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาเคลื่อนที่ไปมารอบ ๆ โดยใช้ทักษะมายาพริบตา และแทงกระบี่สังหารมังกรออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสร้างบาดแผลที่น่ากลัวจากกระบี่ให้กับเซียนผู้คุมกฎอย่างต่อเนื่อง แต่อาการบาดเจ็บนั้นก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับพวกมันเลย
พวกเขาต่อสู้กับต่อไม่กี่วินาที และเซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ดคนก็ถูกเจี้ยนเฉินหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อย่างไรก็ตาม ร่างกายของพวกมันรวมตัวขึ้นอย่างทันทีและต่อสู้ต่อไปกับเจี้ยนเฉินอย่างห้าวหาญ พวกมันทำลายไม่ได้โดยสิ้นเชิง
กระบี่สังหารมังกรกลายเป็นแสงสีดำเมื่อเจี้ยนเฉินฟาดออกไป มันกลายเป็นรังสีรูปร่างดาบที่เต็มไปด้วยพลังบรรพกาลและปะทะเข้ากับเซียนผู้คุมกฎทั้งเจ็ด และแยกร่างของพวกมันเป็น 2 ส่วน ปราณกระบี่ที่ยังคงเหลืออยู่ปะทะเข้ากับหินด้านหลัง และทำให้เกิดเสียงระเบิดดัง เศษหินกระจายออกไปทั่ว
เจี้ยนเฉินตั้งใจที่จะสร้างความโกลาหลมากมาก เพื่อที่จะดึงดูดให้ศพมีชีวิตทั้งหมดเข้ามาและเพื่อช่วยให้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มีเวลาที่จะหนีได้
ความอึกทึกคึกโครมและพลังแห่งการมีอยู่ที่กว้างใหญ่ของเจี้ยนเฉินเหมือนตะเกียงสว่างในค่ำคืนที่มืดมิด มันช่างเตะตาเหลือเกิน ศพมีชีวิตทั้งหมดจากรอบ ๆ พุ่งไปทางเจี้ยนเฉิน ความสนใจของพวกมันทั้งหมดมุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน พวกมันไม่รู้สึกเลยว่ามีหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อยู่ แม้ว่าจะมีพวกที่อยู่เหนือนางขึ้นไปแต่พวกมันก็สัมผัสถึงนางไม่ได้เลย
ในไม่ช้า ศพมีชีวิตสิบกว่าศพก็ได้มาถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน พวกมันล้อมรอบเจี้ยนเฉินและโจมตีเข้ามาอย่างไม่ปราณี วิธีการโจมตีของพวกมันเหมือนกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเตะและต่อย พวกมันลืมวิชาและทักษะที่พวกมันเคยเรียนรู้มาตอนมีชีวิตอยู่ ไม่เช่นนั้น เจี้ยนเฉินคงไม่สามารถที่จะรับมือกับศัตรูที่มากกว่ายี่สิบคนที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในขณะนี้
เจี้ยนเฉินเคร่งเครียด ด้วยร่างของเขาที่เป็นเส้นราง ๆ เขาสลับโจมตีไปมาในระหว่างศพมีชีวิตยี่สิบกว่าตัว แม้ว่าเขาจะถูกล้อมเอาไว้ แต่เขาก็เคลื่อนไหวอย่างมีทักษะอย่างสบาย
ในตอนนี้ ทักษะมายาพริบตาที่เขาได้เรียนรู้มานั้นได้ถูกนำมาใช้ได้อย่างดี
ศพมีชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้ามาจากรอบ ๆ ในเพียงเวลาไม่กี่วินาที ศพมีชีวิตที่อยู่รอบเจี้ยนเฉินก็เพิ่มจากยี่สิบกว่าตัวเป็นห้าสิบกว่าตัว
เจี้ยนเฉินพุ่งไปมาอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ ออกห่างไปไกล ๆ เพื่อล่อศพมีชีวิตให้ไปยังทิศทางตรงกับข้ามกับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ตลอดทางเขาสร้างความโกลาหลเพื่อดึงดูดความสนใจของศพมีชีวิต เขาจะให้พวกมันสัมผัสถึงหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่ได้
ในตอนนี้ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในชุดม่วงยืนอยู่ห่างหลายกิโลเมตรและจ้องไปที่ทิศที่เจี้ยนเฉินอยู่ด้วยท่าทางที่สับสนมาก นางสามารถได้ยินเสียงการต่อสู้ที่เคร่งเครียดได้อย่างชัดเจนซึ่งค่อย ๆ ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ศพมีชีวิตกำลังไล่ตามเจี้ยนเฉินและห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะออกจากบริวเวณนี้ไปพร้อมพร้อมกัน
“ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตกลับมา” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พึมพำอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้น นางก็ออกไปไกลอย่างเร็วพร้อมกับพิณของนาง และหายไปในความมืดอย่างช้า ๆ
เจี้ยนเฉินกำลังถูกล้อมอยู่ และจำนวนของศพมีชีวิตที่โจมตีเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยกว่าตัวแล้ว พวกมันส่วนใหญ่เป็นมนุษย์และมีบางตัวเป็นสัตว์อสูร พวกมันเหวี่ยงหมัดใส่เจี้ยนเฉินอย่างต่อเนื่องในขณะที่พวกมันคำรามเสียงเหมือนสัตว์ป่าออกมา
เจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพราง ๆ แม้ว่าเขาจะถูกล้อมไปด้วยศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎมากกว่าหนึ่งร้อยคน แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่มาก ทักษะมายาพริบตาเป็นทักษะการเคลื่อนที่ในการต่อสู้ระดับสูง มันอาจจะเทียบไม่ได้เลยกับพลังมิติของเซียนผู้คุมกฎในการเดินทาง แต่ไม่มีทักษะการเคลื่อนที่ในการต่อสู้อื่นในโลกที่จะสามารถเทียบกับมันได้ในด้านการหลบหลีก ดังนั้นศพมีชีวิตจึงไม่อาจแตะได้แม้แต่เสื้อของเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะเคลื่อนที่ผ่านศพมีชีวิตนับร้อยมาเป็นเวลานานแล้ว
เจี้ยนเฉินเดินทางออกไปไกลพร้อมกับศพมีชีวิตที่ติดตามมา สิ่งที่เขาทำทั้งหมดคือหลบหลีกการโจมตีไปเรื่อย ๆ เขาไม่ได้โจมตีศพมีชีวิต ศพมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถถูกทำลายได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีพวกมันจนพวกมันไม่สามารถรวมร่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ด้วยความแข็งแกร่งและปริมาณของพลังบรรพกาลที่เขามีในตอนนี้ อีกทั้ง ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อมากขึ้นเท่าไร ศพมีชีวิตรอบ ๆ ก็จะเข้ามาเท่านั้น มันจะเป็นสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินต้องการที่จะสลัดให้หลุดจากพวกศพมีชีวิต เขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
ปัง ! ปัง ! ปัง ! ….
หมัดจากศพมีชีวิตเหวี่ยงไปที่เจี้ยนเฉินที่เคลื่อนที่รวดเร็วอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันทั้งหมดก็พลาดอย่างไม่มีข้อยกเว้น หมัดบางส่วนชกไปโดนภาพร่างของเจี้ยนเฉินจากการที่เจี้ยนเฉินใช้ทักาะมายาพริบตา ในขณะที่หมัดอื่น ๆ ก็ได้โจมตีไปถูกพวกของมันหลังจากที่ผ่านภาพติดตาของเจี้ยนเฉินไปแล้ว มันทำให้เกิดเสียงดังอื้ออึงจากการปะทะทันที ในขณะที่พลังงานที่มหาศาลก็ส่งให้พวกมันกระเด็นถอยไปไกล
โฮก !
ในตอนนี้เอง เสียงคำรามเหมือนแผ่นดินสะเทือนก็ดังมาแต่ไกล กลิ่นอายที่ทรงพลังกว่าศพมีชีวิตของเซียนผู้คุมกฎหลายเท่าได้เข้ามาใกล้เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มันเข้าใกล้มานั้น พลังงานมหาศาลก็ได้เปล่งรัศมีออกมาทำให้หมอกหนาบนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรดวงดาวเกิดการปั่นป่วน มันน่ากลัวมาก
แววตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายด้วยความตกใจ เขาเคร่งเครียดและคำรามออกมา “บ้าเอ้ย นี่ต้องเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดเป็นแน่ ! ” เจี้ยนเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อยและพุ่งออกไปไกลเพื่อหนีทันที ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎร้อยกว่าตัวกำลังตามหลังเขามาติด ๆ
ศพมีชีวิตของเซียนราชาที่มีพลังมหาศาลพุ่งมาแต่ไกลไกลด้วยการบินต่ำ ๆ มันรวดเร็วมาก แม้ว่ามันจะเป็นแค่การบิน แต่มันก็เทียบเท่ากับการที่เซียนผู้คุมกฎใช้พลังมิติในการเดินทาง ในเพียงแค่ไม่กี่วินาที มันก็มาถึงเหนือเจี้ยนเฉินและซัดฝ่ามือใส่เจี้ยนเฉิน
พลังงานที่น่ากลัวพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน แม้ว่าการโจมตีจากเซียนราชาจะไม่ได้มีลักษณะที่พิเศษอะไร แต่แรงที่มหาศาลของเซียนราชาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึง
เจี้ยนเฉินเฉินรู้สึกเคร่งครึม แต่เขาก็ไม่ได้ตกอกตกใจเลยแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับเซียนราชา และแม้ว่าศพมีชีวิตที่เป็นเซียนราชาตรงหน้าเขาจะมีกำลังที่น่ากลัว แต่มันก็แตกต่างจากตอนที่มันยังมีชีวิต นี่เป็นเพราะมันไม่สามารถที่จะป้องกันไม่ให้เจี้ยนเฉินหนีได้โดยใช้การกักขังมิติ มันทำได้แค่เพียงโจมตีและเคลื่อนไหวธรรมดา
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาไปตนถึงขีดสูงสุด และกลายเป็นภาพติดตาและพุ่งไปอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวจากศพของเซียนราชาพุ่งผ่านร่างติดตาของเจี้ยนเฉินไปและปะทะลงที่พื้น เจี้ยนเฉินหลบมันได้
ปัง !
เสียงระเบิดรุนแรงดังตามมา ซึ่งกึกก้องไปทั่วทั้งมหาสมุทรดวงดาว การโจมตีจากฝ่ามือของศพเซียนราชาได้ทำให้พื้นดินทั่วทั้งบริเวณสั่นไหวอย่างรุนแรงเป็นรัศมีกว่าหลายสิบกิโลเมตร พื้นดินแตกระแหงและกลายเป็นรอยแยกเหมือนใยแมงมุม
ในขณะเดียวกันคลื่นพลังงานที่รุนแรงก็สร้างความเสียหายไปทั่ว และขยายไปทั่วทุกทิศทางเหมือนคลื่นกระแทก เจี้ยนเฉินที่อยู่ใกล้ ๆ ลอยกระเด็นถอยหลังไปและยากที่จะควบคุมตัวเองได้ แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาใส่ยังฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเผยให้เห็นเกราะไหมบรรพกาล
ความแตกต่างระหว่างเซียนราชาและเซียนผู้คุมกฎนั้นช่างมากมายเหลือเกิน ไม่เพียงแต่พลังงานที่มากมายจากการโจมตีของฝ่ามือธรรมดาของศพเซียนราชาจะส่งให้เจี้ยนเฉินลอยถอยไปอย่างรวดเร็วแล้ว แต่มันยังทำให้ศพเซียนผู้คุมกฎนับร้อยกระเด็นถอยไปด้วย
ไม่เพียงแต่พลังของการโจมตีจะส่งให้เซียนผู้คุมกฎลอยกระเด็นไป มันยังทำลายกับดักที่ถูกซ่อนไว้ในที่รอบ ๆ ไปหลายอันด้วยคลื่นพลังทำลายล้างของมัน ภาพวาดที่ซับซ้อนลึกซึ้งปรากฏขึ้นรอบ ๆ บนพื้นที่แตกระแหง
เจี้ยนเฉินลอยไปไกลหลายกิโลเมตรก่อนที่จะชนเข้ากับพื้นด้วยสภาพที่ย่ำแย่ เขาปีนขึ้นมาด้วยการพุ่งขึ้น และใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อที่จะหนีไปให้ไกลโดยไม่สนใจเสื้อที่ขาดหลุดลุ่ย
ในตอนนี้เอง พลังที่มหาศาลอีกดวงโจมตีมาจากข้างหลังของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาไปจนถึงขีดสุดทันที เขาหายออกไปห่าง 20 เมตรทันที ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา
เกิดเสียงระเบิดดัง พื้นดินสั่นไหวอีกครั้ง ในขณะที่เจี้ยนเฉินกระเด็นลอยไปจากคลื่นพลังอีกครั้ง
ในขณะที่เขาลอยถอยไป เจี้ยนเฉินก็ควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้แรงที่เขาถูกทำให้ลอยกระเด็นมาช่วยในการเร่งให้เขาหนีไปไกล เขารู้ว่าตราบใดที่เขาทิ้งระยะห่างจากศพมีชีวิตและปิดบังพลังแห่งการมีอยู่ของเขาเอาไว้อย่างดี มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะซ่อนตัวจากพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด เรื่องก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เจี้ยนเฉินหวัง เสียงดังบาดหูเกิดขึ้น และศพเซียนราชาก็ตามเจี้ยนเฉินทันจากด้านหลังด้วยความเร็วที่เร็วกว่าหลายเท่าและมาขวางเจี้ยนเฉินเอาไว้ในพริบตา มันเหวี่ยงหมัดที่แฝงพลังเต็มสิบส่วนไปที่เจี้ยนเฉิน
แม้ว่าหมัดจะไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร แต่พลังที่มากมายของมันก็ทำให้มิติรอบ ๆ บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขากำลังอยู่กลางอากาศโดยไม่มีอะไรรอบข้างที่เขาจะใช้ได้ เขาไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากทักษะมายาพริบตาได้เต็มที่ อีกทั้งเขายังได้ใช้กำลังทั้งหมดเพื่อที่จะหนี เขาไม่มีพลังพอที่จะหลบหมัดที่พุ่งเข้ามา
เจี้ยนเฉินกัดฟันและพลังบรรพกาลก็ไหลเข้าไปทั่วร่างของเขา เขาเพิ่มพลังของร่างบรรพกาลไปถึงขีดสุด ในขณะที่เขาใช้กระบี่สังหารมังกรในมือขวาของเขาแทงไปที่หมัดของเซียนราชาด้วยความเร็วแสง
กระบี่สังหารมังกรแทงลึกเข้าไปที่หมัดของเซียนราชาด้วยออร่าแห่งการทำลายล้างของพลังบรรพกาล ก่อนที่จะเจาะเข้าไปทั่วทั้งแขนขวาของศพมีชีวิต ปลายของกระบี่ได้ปรากฎขึ้นที่ไหล่ของศพมีชีวิต ในเวลาเดียวกัน หมัดของศพได้โจมตีไปโดนที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน
เกราะไหมบรรพกาลบนตัวเจี้ยนเฉินส่องแสงสีทองลาง ๆ เพื่อป้องกันหมัดนั้น แม้ว่าเกราะไหมบรรพกาลจะสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีของเซียนราชา แสงสีทองถูกกดไว้ด้วยหมัดอย่างรวดเร็ว และก็กระแทกเข้าอย่างแรงเข้าที่อก
พรวด ! เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมาทันทีและใบหน้าของเขานั้นซีดเผือด การโจมตีของเซียนราชานั้นทรงพลังเกินไป แม้ว่าการโจมตีจะลดลงด้วยพลังจากเกราะไหมแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินจะทนได้
Related