ตอนที่ 845 ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานภาพทั้งหมดจากไม่กี่วันที่ผ่านมาได้กระพริบผ่านความคิดของพวกเขาเช่นดังฉากหนัง มันทำให้พวกเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างทันทีและสีหน้าของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มปะปนไปด้วยทั้งความโกรธและความอับอาย
ในขณะนั้นเอง นางผลักเจี้ยนเฉินจนกระเด็นออกไปที่ไกล ๆ ด้วยพลังงานดั้งเดิมที่ไม่รู้จัก จากนั้นก็นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นทันที เมื่อนางเห็นว่านางเปลือยกายอยู่ใต้ท้องฟ้าโดยไร้อาภรณ์ใด ๆ ปิดบังร่างกายที่ราวกับหยกของนาง ผนวกกับหยดเลือดที่บนพื้น ทำให้จู่ ๆ น้ำตาของนางก็เริ่มคลออยู่ในดวงตาคู่สวยของนาง ดวงตาคู่งดงามของนางเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้าหมอง
กดข่มความโกรธของนาง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ดึงชุดสีม่วงออกจากแหวนมิติและรีบสวมมันอย่างรวดเร็ว นางจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินด้วยเปลวไฟแห่งโทสะขณะที่น้ำตาไหลรินลงมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
เจี้ยนเฉินรีบหยิบชุดสีขาวและเสื้อคลุมมาสวมใส่ไว้เช่นกัน เมื่อเห็นความงามสุดจะพรรณนาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขาก็สูญเสียความรู้สึกไป เขาไม่เคยพบเห็นหญิงสาวเช่นนี้มาก่อน อาจกล่าวได้ว่านางเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในบรรดาหญิงสาวที่เขาเคยพบเห็น ความงามของนางสามารถแทนที่นางฟ้าบนสวรรค์ราวกับเทพธิดาเหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางไร้ที่ติและมีแต่เพียงความสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตามเขาก็เข้าใจดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่มัวแต่ชื่นชมกับความงดงามของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขารีบอธิบายว่า หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถเข้าใจได้นะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน มิฉะนั้นเราทั้งสองคนจะต้องเสียชีวิต ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นเราถึงจะสามารถรอดชีวิตได้
“หุบปาก ! ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ตัดบทคำพูดเจี้ยนเฉิน นางจ้องมองที่เจี้ยนเฉินด้วยความโกรธแค้นและคำรามว่า “เจ้าสารเลว เจ้าเดรัจฉาน อย่าได้เอาเปรียบผู้คนให้มากนัก ที่จริงแล้วเจ้าใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้เพื่อฉวยโอกาสกับร่างกายข้า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า หลังจากข้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะฆ่าตัวตาย” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นอิสตรีที่ดูเหมือนอ่อนโยนจากภายนอกแต่ที่จริงแล้วนางนั้นเข้มแข็งภายใน นางดูเหมือนจะอ่อนโยนและเป็นคนเงียบ ๆ แต่ทว่านิสัยของนางนั้นเด็ดเดี่ยวมาก นางไม่สามารถกล้ำกลืนต่อการมีมลทินเช่นนี้ได้
พิณปีศาจร่ำไห้ได้ปรากฏออกมาในมือของนาง นางวางมันไว้กลางอากาศและเริ่มบรรเลงด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่นางดีดสายพิณเบา ๆ จะมีคลื่นเสียงที่ทรงพลังพุ่งออกไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินย่อมไม่ยืนนิ่งเฉยและรอรับการโจมตีแน่ ความแข็งแกร่งของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นมีมากกว่าเขา ต่อให้ร่างบรรพกาลของตนมีการป้องกันที่ทรงพลัง เขาก็ไม่กล้าพอที่จะรับการจู่โจมของคลื่นเสียง ทันใดนั้นเขากลายเป็นภาพพร่ามัวและเคลื่อนย้ายออกห่างอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงคลื่นเสียงจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ใจเย็นลงก่อน เหตุใดเจ้าจึงหัวรั้นยิ่งนัก ? เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีทางเลือกภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น” เจี้ยนเฉินอธิบายพลางหลบหนีไปด้วย และพยายามโน้มน้าวใจหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์
ดวงตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มเปลี่ยนกลับมาเยือกเย็นเช่นแต่ก่อนและนางก็ได้บรรเลงพิณด้วยมือทั้งสองด้วยความเร็วมากกว่าเดิม ทุกตัวโน้ตถูกสร้างขึ้นอย่างเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แล้วพุ่งไปยังเจี้ยนเฉิน คลื่นเสียงขยายโตขึ้นและหนาแน่นขึ้นและอยู่เต็มไปทั่วสภาพแวดล้อม มันค่อย ๆ ก่อเป็นรูปแบบกรงขังซึ่งปิดล้อมเจี้ยนเฉินไว้และตัดเส้นทางหลบหนีของเขาทั้งหมด
ประกายแสงในดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง พลังบรรพกาลพลุ่งพล่านในร่างกายของเขา แล้วเร่งเร้าร่างบรรพกาลถึงขีดสุด ต่อจากนั้น ก็ชกหมัดออกไป เพื่อเปิดทางออกแล้วหลบหลีบด้วยทักษะมายาพริบตา อย่างไรก็ตามก็ต้องเผชิญกับการจู่โจมคลื่นเสียงที่อัดแน่น ทำให้เขาถูกโจมตีหลายครั้งโดยคลื่นเสียง เขาไม่สามารถออกมาได้โดยปราศจากอันตราย
อย่างไรก็ตาม คลื่นเสียงนั้นผิดแปลกมาก เพราะพวกมันเปลี่ยนเป็นพลังงานเมื่อเข้าปะทะกับเจี้ยนเฉิน และเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างเงียบ ๆ ต่อจากนั้น มันก็ถูกดูดซับโดยพลังบรรพกาลและถูกเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเอง
เมื่อรู้สึกถึงความแตกต่างในร่างกาย เจี้ยนเฉินก็ตกใจทันที ประกายแสงในดวงตาของเขาหรี่ลงหลายครั้งและไม่นานเขาก็หยุดวิ่ง เขาปล่อยให้พลังคลื่นเสียงที่อัดแน่นในสภาพแวดล้อมโจมตีร่างกายของเขาขณะที่เขายืนเฉย ๆ อยู่อย่างนั้น
พลังคลื่นเสียงโจมตีเจี้ยนเฉินดุจดั่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ อย่างไรก็เสีย ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ พลังคลื่นเสียงไม่สามารถทำอันตรายต่อเขาได้ พวกมันล้วนถูกดูดซับโดยพลังบรรพกาลในร่างเขาทันทีที่พวกมันเข้ามาสัมผัสกับร่างกายของเขา และแปลงเป็นพลังของเจี้ยนเฉินเอง อย่างไรก็ตาม พลังงานเท่านี้เล็กน้อยเกินไปต่อเจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้แทบจะไม่มีความแตกต่างเลย
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ? ” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่ามีอะไรในร่างกายของเขาที่อนุญาตให้เขาดูดซับพลังโจมตีของคลื่นเสียงจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ! ” เมื่อเห็นว่าการโจมตีของนางไม่สามารถทำอันตรายต่อเจี้ยนเฉินได้ นางก็ทำท่าตกใจ ต่อจากนั้น บทเพลงที่นางบรรเลงก็ได้เปลี่ยนไปและนางตะโกนออกมาว่า “การกลืนกินวิญญาณของปีศาจจากสวรรค์ ! “
การกลืนกินวิญญาณของปีศาจจากสวรรค์เป็นหนึ่งในบทเพลงที่ทรงพลังมากที่สุดที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์รู้จัก มันใช้พิณเพื่อสร้างความสับสนให้แก่ผู้คน ทำให้วิญญาณของพวกเขาสูญหายและกระจัดกระจายไปในสภาพแวดล้อมลึกลับ มันเป็นบทเพลงที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถฆ่าได้โดยไร้ซึ่งสัญญาณเบ่งบอกและมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถป้องกันได้
เสียงดีดพิณเบา ๆ ดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ เสียงนั้นดูเหมือนเต็มไปด้วยความเบาบาง ความเสน่ห์หา ความสงบ ซึ่งสามารถสยบทุกสิ่งอย่างในโลกใบนี้ได้ในขณะนี้ แม้แต่ลมโชยอ่อน ๆ ในพื้นที่ก็ยังถูกหยุดชะงัก
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ห่าง 3 เมตร ยืนฟังบทเพลงอย่างเงียบ ๆ เขาเผยสีหน้าให้เห็นถึงความเจ็บปวด เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เขาจะสามารถรู้สึกถึงเสียงพิณที่ซ่อนเจตนาฆ่าไว้ แต่เมื่อเขาได้ยินมัน เขาหาได้มีความรู้สึกใด ๆ ราวกับว่าพวกมันไม่สามารถส่งผลและทำอันตรายต่อเขาได้เลย
ไม่นานนัก บทเพลงก็ได้เล่นผ่านไปครึ่งทาง เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าด้วยซ้ำ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ตกใจและใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
บทเพลงได้หยุดลง หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้หยุดการเล่นพิณและจ้องมองที่เจี้ยนเฉินอย่างว่างเปล่า นางพยายามที่จะยอมรับเรื่องนี้
“ไม่…ไม่…ไม่…นี่เป็นเป็นไปไม่ได้…เป็นไปไปไม่ได้ มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ? ได้อย่างไร ? ทำไมพิณของข้าถึงไม่มีผลต่อเจ้า ? ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์กลายเป็นไม่อยากจะเชื่อมากขึ้น ไม่เพียงเจี้ยนเฉินช่วงชิงความบริสุทธิ์ของนาง เขาในตอนนี้ยังสามารถต้านทานเสียงพิณของนางได้อีกด้วย สิ่งนี้ป้องกันไม่ให้นางแก้แค้นทุกทาง นางไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้
หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่เชื่อมัน นางเริ่มการบรรเลงใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อเจี้ยนเฉินได้เลย ที่จริงแล้วเขาดูเหมือนจะมีมีความสามารถในการต้านทานเสียงพิณของนางอย่างสมบูรณ์
“เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ได้ยังไง ? ยังไง ? ทำไม ? ทำไม ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ส่ายหัวของนางไปมาไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้นน้ำตาได้พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของนาง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยน้ำตาที่หลั่งมาสองสายราวลำธาร นางทุกข์ทรมานใจอย่างมาก
“เมื่อกี้ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ? ” เจี้ยนเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน เขาในตอนนี้สามารถต้านทานการโจมตีด้วยเสียงพิณของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้น
“นายท่าน สามวันก่อน เมื่อท่านทั้งสองได้ประสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น ทำให้พลังหยินและพลังหยางของพวกท่านสมดุล ต่อมาพวกท่านก็ดูดซับพลังงานที่เอ่อล้นออกมาจากสมดุลในภายหลัง เป็นผลให้หลายการเปลี่ยนแปลงบังเกิดขึ้นกับร่างกายของท่าน ตอนนี้ ถ้าพวกท่านทั้งสองต่อสู้กัน มันจะเป็นความเทียบเท่ากับพลังหยางสุดขั้วเผชิญกับพลังหยินสุดขั้ว จะเป็นการลบล้างแทน เป็นการปกป้องพวกท่านทั้งสองจากการได้รับความเสียหายต่อกันและกัน” จือหยิงได้อธิบายให้เจี้ยนเฉินฟัง
นี่เป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้ เขาพบว่ามันราวกับเป็นเรื่องราวในนิยายอย่างมาก แต่มันเพิ่งจะบังเกิดขึ้นเพื่อตอบความสงสัยของเขา ต่อจากนั้น เขาก็ได้มองไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่กำลังทุกข์เสียใจและสีหน้าของเขากลายเป็นอารมณ์ที่ผสมกันหลากหลาย
สิ่งที่ได้เกิดขึ้นระหว่างเขาและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นแน่นอนว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องการมีชีวิตรอด ต่อให้เขาสามารถย้อนกลับไปในเวลานั้นอีก เขาจะยังคงทำเช่นเดิม
“เห้อ…” เจี้ยนเฉินได้ถอนหายใจเบา ๆ ภายในใจ เขานั่งลงตรงที่ซึ่งเขายืน เขารู้ว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต้องการเวลาสงบใจในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รบกวนนาง เขาไม่มีหนทางจริง ๆ ที่จะจัดการกับเรื่องนี้ เขาได้แต่ปล่อยเรื่องให้ไปตามยถากรรมและให้มันจะดำเนินไปตามเส้นทางของมัน
เขาไม่โง่พอที่จะสืบสาวราวเรื่องเพื่อเอาความรับผิดชอบ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นเซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลัง ไม่ใช่หญิงสาวที่สามารถล่วงเกินได้จากครอบครัวคนธรรมดา มันไม่สามารถจะเทียบต่อเรื่องทางโลกีย์
เมื่อเงียบลง ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็ตรวจดูสภาพร่างกายของตน เขาได้ค้นพบว่าวิญญาณของเขาถูกเสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นหลายขั้น มันในตอนนี้ทรงพลังอย่างมาก ถ้าวิญญาณเขาก่อนหน้านี้เป็นเปลวไฟขนาดนิ้วมือ วิญญาณเขาในตอนนี้คงจะเป็นขนาดเล็กหากแต่เป็นเปลวไฟที่มีแสงส่องสว่างโดยพิเศษ และแผ่รังสีพร้อมกับแสงที่ความแพรวพราวออกมา นี้เป็นการเพิ่มขึ้นของเชิงคุณภาพ ซึ่งไกลกว่าการเพิ่มขึ้นเชิงคุณภาพใด ๆ ที่แล้วมา
ด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิญญาณของเขา การมีอยู่ของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก น่าเสียดายที่การมีอยู่ของเขาถูกซ่อนในที่นี่ ซึ่งป้องกันไม่ให้เขาแผ่มันออกมา มิฉะนั้น เขาจะกระตือรือร้นเชียวที่จะเห็นว่าการมีอยู่ของเขาเพิ่มมากถึงขั้นไหน
ต่อจากนั้น เจียนได้เริ่มตรวจดูตันเถียน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากหลังจากมองดูแวบเดียว ขณะนั้นเขาเห็นเม็ดพลังบรรพกาลได้เพิ่มขึ้นเป็นขนาดกำปั้นจากขนาดลูกไข่ไก่เมื่อก่อนหน้า เขาเกือบจะไปถึงจุดสูงสุดขั้นแรกของร่างบรรพกาลแล้ว
การโตขึ้นของเม็ดพลังบรรพกาล เหตุนี้ทำให้เจี้ยนเฉินตื่นเต้นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน เขาแอบผวาไปกับความแข็งแกร่งของพลังหยินสุดขั้วและพลังหยางสุดขั้ว เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมายในเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านการปรับสมดุลและดูดซับพลังงานแบบนี้ เมื่อไม่คิดถึงการเปลี่ยนแปลงในวิญญาณ เพียงแค่การโตขึ้นของเม็ดพลังบรรพกาลก็เทียบเท่าการทำงานหนักเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ยังช่วยให้เขาเก็บรักษาแก่นอสูรไว้ได้ขนานใหญ่ด้วย ซึ่งทำให้เจี้ยนเฉินมีอารมณ์สั่นไหวอย่างมาก
เจี้ยนเฉินเปิดตาและมองไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เราทั้งสองอาจต้องจ่ายไปบ้างในคราวนี้ แต่ผลประโยชน์ที่เราได้มาก็พิเศษในเวลาเดียวกัน หลังจากปรับสมดุลพลังหยิน-หยางและดูดซับพลังงานทั้งสองก็ย่อมได้รับประโยชน์อย่างมาก ถ้าท่านตรวจสอบสภาพร่างกายของท่านอย่างละเอียดแล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของท่านควรจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตอนนี้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อยแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน นางปิดตาลงโดยปราศจากความกังวลและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในร่างกายของนาง
วินาทีต่อมาดวงตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็เปิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นความเจ็บปวด นางค่อย ๆ กัดริมฝีปากล่างของนางและทำให้ริมฝีปากดูเล็กลง
ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างที่เจี้ยนเฉินกล่าวไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับราคาที่นางจ่ายไปแล้ว นางควรจะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้
Related