ตอนที่ 859: โลกแห่งท้องทะเล
“สัตว์อสูรระดับ 6 ก็มาด้วย” นูบิสเพ่งความสนใจไปที่ร่างสิบกว่าร่างที่บินมาแต่ไกล
“พวกเขาไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่พัฒนามาจากสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล” เจี้ยนเฉินแก้ไข เขาบอกได้เลยเพียงแต่มองปราดเดียวว่าพวกเขาไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือสัตว์อสูร
“มีข้อมูลไม่มากนักเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลในความทรงจำทางสายเลือดของข้า อย่างไรก็ตาม พวกสมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลนั้นน่าสนใจจริง ๆ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาเหมือนพวกเราสัตว์อสูร แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎในการที่จะได้รูปร่างมนุษย์มา พวกเขาดีกว่าพวกเราสัตว์อสูรมาก” นูบิสถอนหายใจ
คนกลุ่มนั้นมาถึงที่คนทั้งสองอย่างรวดเร็ว พวกเขาหยุดอยู่ห่างออกไป 20 เมตร ในขณะที่ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
พวกเขามีกันทั้งหมด 13 คน มีชายหนุ่ม 12 คนและหญิง 1 คน ชายหนุ่มมีรูปร่างลักษณะทั่วไป ในขณะที่หญิงนั้นดูหรูหราเล็กน้อย นางเผยกลิ่นอายที่สูงส่งออกมาและเห็นได้ชัดว่านางเป็นลูกสาวของเผ่าที่มั่งคั่งบางเผ่า
บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวแปรบางอย่างที่พิเศษในสภาพแวดล้อมของทะเลนี้ที่ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ แต่ผิวหนังของพวกเขาไม่ได้เป็นสีขาว แทนที่กัน ผิวหนังของเขากลับเป็นสีเขียวซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีมาแต่กำเนิดที่จำแนกพวกเขาให้แตกต่างไปจากมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนทวีปเทียนหยวน
ในขณะที่เจี้ยนเฉินและนูบิสจ้องมองพวกเขา พวกเขาก็จ้องมองกลับมาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ละสายตาไปจากเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่นูบิสที่อยู่ในเสื้อสีทองที่มีผมยาวสีทอง
พวกเขาส่วนมากที่อยู่ใต้ทะเลจะมีผมสีฟ้า แม้ว่าส่วนน้อยจะมีผมสีอื่น ๆ แต่คนที่มีผมสีทองไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน นูบิสดูเหมือนจะมีลักษณะที่เด่นออกมาท่านกลางผู้คนของเผ่าพันธุ์ทะเล
“ท่านนักรบที่เคารพ ข้าขออนุญาตถามจุดประสงค์ที่พวกท่านมาที่นี่ได้หรือไม่ ? ” หญิงที่ค่อนข้างดูดีถามอย่างอยากรู้ ในขณะที่สายตาของนางพิจารณาดูที่เจี้ยนเฉินและนูบิส
“พวกเราทั้งสองคนพักอยู่ที่นี่ ท่านต้องการสิ่งใดหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างเฉยเมย
“คุณหนู อย่าไปสนใจพวกเขาเลย พวกเราอยู่ไม่ไกลจากเมืองแจ๊สแล้วตอนนี้ สำหรับพวกเขาทั้งสองคนที่อยู่ในที่ว่างเปล่าแบบนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีเหรียญผลึกเพียงพอที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเมืองหรือไม่พอที่จะอาศัยอยู่ที่นั่น ด้วยฐานะที่สูงส่งของคุณหนู ท่านไม่จำเป็นต้องคุยกับคนชั้นต่ำเช่นนี้หรอก มันจะทำให้คุณหนูแปดเปื้อนเปล่า ๆ ” ชายหนุ่มที่ค่อนข้างดูดีพูดขึ้นมาจากด้านหลัง สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินและนูบิสนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขาไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพวกเจี้ยนเฉินเลย ดังนั้นเขาจึงมองพวกเจี้ยนเฉินเป็นคนธรรมดาในสายตา
“หุบปาก ไม่จำเป็นที่จะต้องหยาบคายเลย” คุณหนูตำหนิชายหนุ่มด้วยหน้าที่บึ้งเล็กน้อย หลังจากนั้น นางก็มองไปที่พวกเขาทั้งสองแล้วพูด “ท่านนักรบที่เคารพ ข้าถามได้ไหมว่าท่านมีดาวกี่ดวงกันในฐานะที่เป็นนักรบวิญญาณทะเล ? “
เจี้ยนเฉินและนูบิสมองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี นี้เป็นครั้งแรกที่เขามาที่เผ่าพันธุ์ทะเลอาศัยอยู่ พวกเขาไม่คุ้นเคยกับเผ่าพันธุ์ทะเลเลยแม้แต่น้อย พวกเขาไม่รู้ว่านักรบวิญญาณทะเลคืออะไร พวกเขามีกี่ดาวหรือมันคืออะไร ถ้าพวกเขาตอบผิด มันคงจะทำให้พวกนั้นสงสัย
เมื่อได้เห็นว่าพวกเขาทั้งสองไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ ชายหนุ่มจากด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พวกเจ้ายังไม่ได้เป็นนักรบวิญญาณทะเลใช่หรือไม่ ? “
“ไม่ พวกเรายังไม่ได้เป็นนักรบวิญญาณทะเล” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
หลังจากที่ตอบไป ชายหนุ่มด้านหลังคุณหนูก็แสดงท่าทางดูถูกออกมา สายตาที่พวกเขามองไปที่พวกเจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยามที่ปกปิดไว้ไม่มิด
ใบหน้าของคุณหนูเกิดความสงสัย เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อที่เจี้ยนเฉินพูดมา นางมีพรสวรรค์และฝึกวิชาเปิดจิตโดยกำเนิดของวิชาของเผ่าใหญ่ทั้งแปดแห่งเผ่าพันธุ์ทะเล สัมผัสของนางนั้นเหนือเกินกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันและสามารถที่จะลักลอบดูได้เกือบทั้งหมดทุกสิ่ง ก่อนหน้านี้ที่นางผ่านมาที่อาณาเขตนี้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นพลังที่ทรงพลังแค่แต่มันเป็นพลังงานที่คลุมเครือมาก ดังนั้น นางจึงรีบมาที่นี่และได้พบกับเจี้ยนเฉินและนูบิส อย่างไรก็ตาม วิชาเปิดจิตโดยกำเนิดของนางไม่สามารถมองผ่านเจี้ยนเฉินและนูบิสไปได้ นางรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน
คุณหนูลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะถามออกไป “นักรบที่เคารพ เมืองแจ๊สไม่ไกลจากที่นี่ อีกทั้งการประมูลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก ๆ 100 ปีก็กำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้ ทำไมพวกท่านนักรบทั้งสองไม่เข้าไปที่เมืองกับข้าล่ะ ? “
“เอาล่ะ พวกเราจะไปกับคุณหนู” เจี้ยนเฉินเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงต้องการที่จะเข้าไปที่เมืองกับพวกเขาในตอนนี้ ? ” นูบิสส่งข้อความผ่านทางจิตใจในขณะที่เขารู้สึกสับสน
“คนของเผ่าพันธุ์ทะเลนั้นค่อนข้างพิเศษ ความสามารถทางด้านสัมผัสของพวกเขานั้นเหนือเกินกว่าความคาดหมายของข้าและพวกเขาก็พบการมีอยู่ของวัตถุเซียนเข้าแล้ว วัตถุเซียนไม่สามารถที่จะปกปิดพลังได้ทั้งหมด ดั้งนั้นเราจึงเอามันออกมาบ่อย ๆ ไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แต่ฝึกฝนด้านนอก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องทำความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเล การตามพวกเขาไปอย่างไม่สะกิดความสงสัยคงจะเป็นทางที่เร็วที่สุดและสะดวกที่สุดที่จะเรียนรู้”
“ใช่ ดูมีเหตุผล ข้ามีข้อมูลบางอย่างบันทึกอยู่ในความทรงจำทางสายเลือดของข้าเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเล แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าข้อมูลมันนานขนาดไหนแล้ว เผ่าพันธุ์ทะเลต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่เหมือนพวกนักรบวิญญาณทะเลอะไรเช่นนี้ ข้าไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร”
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ตามหญิงผู้นั้นไปที่เมืองแจ๊ส พวกเขาปกปิดความแข็งแกร่งของพวกเขาไว้โดยพวกเขาปกคลุมตัวพวกเขาเองไว้ด้วยชั้นของธาตุน้ำที่ไหลอย่างช้า ๆ ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นเซียนผู้คุมกฎ ดังนั้นการทำเช่นนี้ก็ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
เมื่อพวกเขาแสดงความสามารถในการต่อสู้ มันก็ทำให้สายตาของคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปทันที
ตลอดทาง เจี้ยนเฉินและนูบิสถามคำถามคร่าว ๆ เรื่อย ๆ เกี่ยวกับสถานะการณ์ของเผ่าพันธุ์ทะเล พวกเขาได้รู้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากจากหญิงสาว และได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากเรื่องที่เผ่าพันธุ์ทะเลได้แบ่งเป็น 3 ส่วนอย่างที่พวกเขารู้มาแล้ว มันยังแบ่งเป็นมหาสมุทรส่วนนอกและส่วนในอีก มหาสมุทรส่วนในคือโลกที่แยกออกมาที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งแยกออกมาโดยม่านพลัง มันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ทะเลที่มีแต่สมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลที่เป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบมนุษย์ที่วิวัฒนาการแล้วเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามา
สมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลที่ยังไม่มีร่างกายในรูปแบบมนุษย์สามารถอาศัยได้ที่มหาสมุทรส่วนนอกเท่านั้น มหาสมุทรส่วนนอกอยู่ด้านนอกม่านพลัง ไม่เพียงแต่สิ่งแวดล้อมจะเลวร้ายเท่านั้น มันยังขาดแคลนพลังงานธาตุน้ำของพลังงานธรรมชาติและมันก็เต็มไปด้วยน้ำทะเลอีกด้วย
แน่นอน มีเพียงไม่กี่เผ่าของเผ่าพันธุ์ทะเลที่ไม่สามารถเป็นรูปแบบมนุษย์ได้เนื่องจากข้อจำกัดโดยกำเนิด ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องถึงระดับ 14 ดาวในฐานะนักรบวิญญาณทะเลเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาได้
นักรบวิญญาณทะเลเป็นระดับการฝึกฝนของเผ่าพันธุ์ทะเล ความแข็งแกร่งของพวกเขาแบ่งเป็น 18 ดาว อ้างอิงจากการวัดของสัตว์อสูร 1 ระดับเท่ากับ 2 ดาว, นักรบวิญญาณทะเล 1 ดาวและ 2 ดาวเท่ากับมนุษย์ที่เป็นเซียนและสัตว์อสูรระดับ 1, ในขณะที่นักรบวิญญาณทะเล 3 ดาวและ 4 ดาวเทียบเท่ากับมนุษย์ที่เป็นเซียนระดับสูงและสัตว์อสูรระดับ 2, ต่อตามรูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นักรบวิญญาณทะเล 11 ดาวและ 12 ดาวเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 6, นักรบวิญญาณทะเล 13 ดาวและ 14 ดาวเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 7, นักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวและ 16 ดาวเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 8, และนักรบวิญญาณทะเล 17 ดาวและ 18 ดาวเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 9
ในอาณาเขตของเผ่าพันธุ์ทะเล เหรีญญผลึกเกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติจากพลังงานธาตุน้ำ ไม่เพียงแต่มันจะเป็นหน่วยเงินที่ใช้ภายในเผ่าพันธุ์ทะเลเท่านั้น แต่มันยังเป็นวัตถุสำคัญที่ใช้ในการฝึกฝน เหรียญนั้นสำคัญเท่ากับแกนอสูรบนทวีปเทียนหยวน แต่มีข้อแตกต่างคือเมื่อพวกเขาดูดซับเหรียญเพื่อการฝึกฝน มันจะไม่มีผลข้างเคียงใดใด
นอกเหนือจากโถงทั้งสามที่แบ่งแยกโลกแล้ว ยังมีองค์กรอีกหลายองค์ที่มีขนาดต่าง ๆ กันที่มีอยู่ในรูปแบบเผ่าหรือกลุ่ม
นอกเหนือไปจากทั้งหมดนี้ เจี้ยนเฉินยังได้เรียนรู้บางอย่างที่สำคัญมากมาก มีมนุษย์หรือสัตว์อสูรย้ายมาอยู่ที่เผ่าพันธุ์ทะเลอยู่บ่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน พวกเขาคือผู้ฝึกตนจากข้างนอกอย่างแม้จริงที่อยู่ใกล้ ๆ กับอาณาเขตของทะเล พวกเขาจะเอาวัตถุจากข้างนอกมาแลกเปลี่ยนกับเผ่าพันธุ์ทะเลเพื่อของที่พวกเขาจำเป็น
แม้ว่าส่วนใหญ่ของเผ่าพันธุ์ทะเลจะไม่เป็นศัตรูกับมนุษย์หรือสัตว์อสูรต่างถิ่น แต่ก็ยังมีข้อยกเว้น สมาชิกบางคนของเผ่าพันธุ์ทะเลนั้นหวาดกลัวคนนอกมาก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นคนนอกก็มักจะมีเรื่องหรืออาจจะถึงฆาตกรรมและชิงทรัพย์ แม้แต่มนุษย์ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎและสัตว์อสูรระดับ 7 ก็ไม่เป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้
ดังนั้น ถ้าคนนอกต้องการที่จะย้ายมาที่เผ่าพันธุ์ทะเลอย่างปลอดภัย พวกเขาต้องได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรที่มีอำนาจ
เจี้ยนเฉินยังได้เข้าใจถึงตัวตนของคุณหนูมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย นางเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตรและมีชื่อว่าไคยะ นางฝึกฝนมา 200 ปีแล้วและนี่เป็นครั้งแรกที่นางนำนักรบวิญญาณทะเล 12 ดาวมาเข้าร่วมการประมูลที่เมืองแจ๊สจัดขึ้นทุก ๆ 100 ปี
ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังมุ่งหน้าไปที่เมือง สมาชิกระดับสูงของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างก็ได้มารวมกันที่โถงลอยฟ้าของเมืองทหารรับจ้าง
“ทุก ๆ คน นี่คือสถานการณ์ในตอนนี้ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตายและเจี้ยนเฉินก็หนีไปยังอาณาเขตของเผ่าพันธุ์ทะเลพร้อมกับพยัคฆ์ปีกเทวะ พวกเรามาคุยกันดีกว่าว่าพวกเราควรจะทำยังไง” ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งอธิบายข้อมูลที่เขาได้รับมาจากหลิงหยวนซีโดยละเอียด
ภายในโถงลอยฟ้า ทุก ๆ คนนั้นดูหน้าตาเคร่งเครียดยกเว้นผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นการมีอยู่ที่ทรงอิทธิพลมาตั้งแต่ครั้งโบราณ นางเทียบเท่ากับจอมยุทธมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ โมเทียนหยุน พยัคฆ์ปีกเทวะ และเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เอ่อหยิน นางเป็นหนึ่งในผู้สุดยอดที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิขึ้นไป
ในตอนนี้หลายปีได้ผ่านไปแล้ว เทพเจ้าสงครามเอ่อหยินพลาดพลั้ง พยัคฆ์ปีกเทวะและโมเทียนหยุนก็ได้หายไป มันเป็นไม่ได้มากที่พวกเขาจะจากไปแล้วด้วยความชรา พวกเขาไม่อยู่แล้ว มีแต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเท่านั้น ข่าวชิ้นนี้ทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบตกตะลึงและทำให้ท่าทางของพวกเขาน่ากลัว
“หลิงหยวนซี จริงหรือไม่ ? เจ้ามั่นใจว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตายงั้นหรือ ? และไม่ใช่ว่าเป็นจอมยุทธคนอื่นเอาชื่อมาอ้างเพื่อทำให้พวกเรากลัวนะ ? ” ตัวแทนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบถาม น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด
“ข้ามั่นใจมากในเรื่องนี้ นอกเหนือจากข้า ยังมีไป่ยี่เฟยที่เห็นสิ่งนี้เหมือนกัน” หลิงหยวนซีคำรามออกมา เขายังไม่ฟื้นฟูเต็มที่จากอาการบาดเจ็บ ใบหน้าของเขานั้นซีดขาวและดูน่ากลัว
“หลิงหยวนซี อาการบาดเจ็บของเจ้ามาจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลงั้นหรือ ? ข้ารู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าอ่อนแอมาก มันได้รับความเสียหายอย่างมาก” ชายชราผิวเลือดฝาดพูด
หลิงหยวนซีส่ายหัว ทันทีที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกถึงคลื่นแห่งความอับอายและไม่พอใจ ในฐานะที่เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ที่ยอดเยี่ยม เขาได้ไปพลาดพลั้งจนตกอยุ่สภาพแบบนี้จากฝีมือของผู้เยาว์ที่อายุอ่อนกว่าเขามาก นี่เป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด
“มันคือเจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แล้ว เขาใช้อายุของเขา 500 ปีเพื่อแลกเปลี่ยนกับการร่ายทักษะธาตุแสงต้องห้ามและทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก” หลิงหยวนซีขบฟันพูด ความเกลียดชังในเจี้ยนเฉินพลุ่งพล่านภายในเขา
หลังจากที่พูดจบ ทุกทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ประหลาดใจ เจียนหยางชิงหยุนจากตระกูลเจียงหยางและผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างทั้งคู่เกิดอารมณ์ต่างต่างนานา พวกเขาต้องการที่จะช่วยเจี้ยนเฉินมากแต่พวกเขาไม่มีพลังพอที่จะทำแบบนั้น นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ถ้าปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ใครจะได้ครอบครองพยัคฆ์ปีกเทวะยังไม่ได้รับการแก้ไข พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะช่วยเจี้ยนเฉินได้เลยเพราะจะทำให้เกิดความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงภายในตระกูลผู้พิทักษ์
“มันถึงเวลาที่ข้าต้องบอกทุกคนเรื่องนี้แล้ว หยวนหลิงซีพูดถูกแล้ว เทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตายแน่นอนและยังมีชีวิตอยู่” เทียนเจี้ยนพูด น้ำเสียงของเขาราบเรียบและสงวนท่าที
“เทียนเจี้ยน เจ้ามั่นใจเช่นนั้นได้อย่างไรว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตาย ? “
“เทียนเจี้ยน ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังมีชีวิตอยู่ ทำไม่เจ้าไม่บอกพวกเราให้เร็วกว่านี้ล่ะ ? “
ตัวแทน 2 คนจากตระกูลที่ต่างกันพูดออกมาพร้อมกัน
เทียนเจี้ยนตอบกลับอย่างช้า ๆ “หลายปีที่ผ่านมา ข้าหลอมรวมวิญญาณดั้งเดิมของข้าเข้ากับโถงและยืมพลังของมันในการสังเกตโลก ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ทรงพลังและน่ากลัวจากเผ่าพันธุ์ทะเลและยืนยันได้ว่านั่นคือเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และที่ว่าทำไม่ข้าไม่บอกพวกท่านทั้งหมด พวกท่านจะเชื่อข่าวดีนี้หรือไม่ ? การรู้ก็มีแต่จะทำให้แย่ลง และทำให้พวกท่านกังวล”
Related