ตอนที่ 890: การต่อสู้ของพลังบรรพกาล (1)
หลังจากเดินทางมาได้ 2 วัน ทั้งสามก็เดินทางไปได้หลายแสนกิโลเมตร พวกเขาอยู่ที่ชายแดนอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์แล้วในตอนนี้ เหลืออีกเพียงสองแสนกิโลเมตรกว่ากว่าเท่านั้นก็จะถึงอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
นี่เป็นเพราะความเร็วของนูบิสและซี่หวังที่อยู่ในระดับชั้นสวรรค์ที่ 9 และใช้พลังมิติในการเดินทาง ถ้าเป็นเจี้ยนเฉินละก็ คงคงเดินทางไปได้แค่หนึ่งในสามของที่ทำได้ทั้งหมดเท่านั้น
“อีกครึ่งวันพวกเราก็จะถึงที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล พวกเราจะปลอดภัยที่นั่นและพวกเราจะไม่ต้องกังวลว่าจะมีจอมยุทธที่ไหนมาไล่ตามพวกเราอีก” นูบิสพูดในขณะที่เขารีบเคลื่อนไป เขามองไปด้านหลังเรื่อย ๆ ในขณะที่แววแห่งความตึงเครียดปรากฎขึ้นที่ดวงตาของเขา
เซียนผู้คุมกฎหลายคนสะกดรอยตามพวกเขามาอย่างใกล้ชิด พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 และ 9 และเป็นคนจากต่างเผ่ากัน
ทั้งสามคนบินผ่านไปหลายเผ่าอย่างไม่ได้ระวังตัวอะไรซึ่งทำกับเป็นการยั่วยุพวกเผ่าที่พวกเขาผ่านโดยตรง ดังนั้นจึงทำให้มีจอมยุทธบางคนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของพวกเขาไล่ตามมา พวกเขาต้องการคำอธิบายที่ทั้งสามคนท้าทายเกียรติของพวกเขา
ทั้งสามคนไม่สนใจคนที่สะกดรอยตามมาใกล้เพราะพวกเขาไม่มีเวลาที่จะจัดการกับพวกนี้ การที่จะเข้าไปในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเร่งด่วนที่สุด
พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ 3 ดวงได้ขยายขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้านหลังของพวกเขาทั้งสามในตอนนี้ ผู้อาวุโสทั้งสามพุ่งไปที่คนทั้งสามเหมือนสายฟ้า ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามเกือบที่จะไล่ตามกลุ่มของเจี้ยนเฉินทันแล้ว
ไม่มีใครในพวกเขาทั้งสามคนที่มีพลังเพียงพอที่จะหนีการไล่ตามของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดเคลื่อนที่ในไม่ช้า
ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนค่อนข้างชรา พวกเขาใส่ชุดสีดำและเคร่งเครียด พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ล้อมรอบพวกเขาอยู่และทำให้รอบข้างสั่นไหว พวกเขานั้นน่ากลัวมาก
เซียนผู้คุมกฎจากเผ่าต่าง ๆ เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขามองไปที่ชายชราทั้งสามและหวาดกลัวเนื่องจากกลิ่นอายของพวกผู้อาวุโส พวกเขารู้ว่าชายชราทั้งสามคนนี้อยู่ในระดับความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเห็นตราที่เหมือนหินสีแดงที่อยู่บนหน้าอกของชายชราทั้งสามคน พวกเขาคำนับทันทีไปที่ชายชราทั้งสามแล้วพูด “พวกเราขอคารวะท่านผู้อาวุโสคุมวินัย”
ผู้อาวุโสคุมวินัยจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินและนูบิสด้วยสายตาเป็นประกายอย่างพิศวง หนึ่งในพวกเขาโบกมือไปที่เซียนผู้คุมกฎที่ไล่คนทั้งสามมาแล้วพูด “พวกเจ้าไม่มีธุระที่นี่แล้ว พวกเจ้าไปได้”
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโสคุมวินัย” เซียนผู้คุมกฎจากเผ่าต่าง ๆ ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังพวกผู้อาวุโส พวกเขาคำนับอีกครั้งก่อนที่จะถอยห่างออกไปไกล อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้จากไปและดูอยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร พวกเขาต้องการที่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ผู้อาวุโสคุมวินัยออกมาพร้อมกันถึง 3 คน
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย จากพลังแห่งการมีอยู่ของชายชราทั้งสาม เขารู้ว่าผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนนี้ไม่ได้อ่อนไปว่าหลิงหยวนซีจากนิกายยิหยวนและไป่ยี่เฟยที่เขาเคยเผชิญหน้ากันมาก่อน พวกผู้อาวุโสทั้งสามนี้นั้นทรงพลังกว่ามากกว่าผู้อาวุโสทั้งสองที่เขาสังหารไปก่อนหน้านี้
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องร่ายมันอีกครั้ง ถ้าข้าใช้ชีวิตของข้าอีก 1,000 ปี มันน่าจะเพียงพอที่จะสังหารพวกผู้อาวุโสทั้งสามคนนี้ได้” เจี้ยนเฉินคิดในขณะที่สายตาของเขาเป็นประกาย ทางเดียวที่พวกเขาจะหนีไปสำเร็จจากที่นี่คือการร่ายทักษะเท่านั้นเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว เขาได้สังหารผู้อาวุโสทั้งสองของศาลาวิญญาณสวรรค์ไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับศาลาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะแก้ปัญหานี้ด้วยสันติวิธี
อย่างไรก็ตาม การต้องเสียอายุขัย 1,000 ปีไปนั้นเป็นอะไรที่หนักหนามาก มันทำให้เจี้ยนเฉินลังเล เขาเสียอายุขัยไป 1,000 ปีแล้วในการ่ายทักษะเมื่อสองครั้งก่อน ถ้าเขาเสียอายุขัยไปอีก 1,000 ปี มันก็เท่ากับเขาเสียไปทั้งหมด 2,000 ปี เขาคงเหลือชีวิตอยู่ไม่ถึง 1,000 ปี
“ปราณของผู้คุมกฎ ทั้งสองคนนี้มีปราณของผู้คุมกฎจริง ๆ ” ผู้อาวุโสคุมวินัยกวาดสายตาสลับไปมาระหว่างเจี้ยนเฉินและนูบิสในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโสทั้งสองคนถูกพวกเจ้าสังหารไปหรือเปล่า ? ” ผู้อาวุโสถามทั้งสามหลังจากสักพัก
“ถูกต้อง พวกเขาถูกสังหารโดยพวกเรา พวกเจ้าต้องมาเพื่อล้างแค้นเป็นแน่” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างเป็นปกติ เขาเตรียมตัวที่จะร่ายเทพจุติทุกเมื่อ
ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนส่ายหัวอย่างนุ่มนวล หนึ่งในนั้นพูดออกมา “พวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้กับพวกเจ้า ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาต้องการที่จะพบพวกเจ้าเท่านั้น ดังนั้นได้โปรดมากับพวกเราด้วย ถ้าพวกเจ้าปรารถนาที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าเชื่อว่าท่านผู้อาวุโสประจำศาลาต้องไม่เอาเรื่องที่พวกเจ้าสังหารผู้อาวุโสทั้งสองแน่” ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉินและอีกทั้งสองคนหลังจากนั้น พวกเขาไม่รอคำตอบและเผชิญหน้าเข้ามาโดยตรง ผู้อาวุโสคุมวินัยยืนหนึ่งต่อหนึ่งกับพวกเขาทั้งสาม ผู้อาวุโสยื่นมือออกไปเพื่อที่จะคว้าเอาพวกเขาไว้
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแน่วแน่ เขาทำผนึกที่มือทันทีและชูมือขึ้นเหนือหัว เขากำลังจะร่ายทักษะต้องห้าม
อย่างไรก็ตาม ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลงในวินาทีสำคัญนี้ มุมปากของเขาบิดเล็กน้อยด้วยรอยเหยียดและเขาก็หยุดร่ายทักษะ
พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่อีก 4 ดวงได้ขยายขึ้นอย่างรวดเร็วจากรอบ ๆ เสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นมาสี่เสียงแล้วร่างสี่ร่างก็เข้ามาใกล้ที่บริเวณนั้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ พวกเขามาถึงที่เส้นขอบฟ้า แต่ในไม่กี่อึดในพวกเขาก็มาหยุดตรงหน้าผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสาม พวกเขารักษาระยะห่างอยู่ 20 เมตร
พวกนั้นเป็นชายวัยกลางคน 2 คนและชายชรา 2 คน พวกเขามีรูปอสรพิษที่ดูมีชีวิตชีวาปักอยู่บนเสื้อสีฟ้าของพวกเขา ตาของอสรพิษเป็นสีแดงและดูดุร้ายอย่างน่ากลัว มันเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมของมันซึ่งส่องแสงเย็นชา รูปลักษณ์ของมันเพียงพอที่จะให้ผู้คนสั่นกลัว
การปรากฏตัวของคนทั้งสี่ทำให้ท่าทางของผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนเปลี่ยนไปทันที หนึ่งนั้นตะโกนออกมา “แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ พวกเจ้าเป็นคนต่างศาลา พวกเจ้ากล้าที่จะผ่านเข้ามาในอาณาเขตของศาลาวิญญาณสวรรค์ของพวกเราได้อย่างไร ? “
เห็นได้ชัดว่าว่าผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามกลัวแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่มาก
“ผู้อาวุโสประจำศาลาของพวกเราได้แจ้งกับศาลาวิญญาณสวรรค์ของพวกเจ้าแล้ว พวกเรามาไล่ล่าศัตรูของพวกเรา พวกเราเลยเข้ามาที่อาณาเขตของเจ้า” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่คนทั้งสามที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามแล้วพูดออกมา “พวกเขาเป็นศัตรู ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสามจะส่งตัวพวกนั้นมาให้พวกข้า เมื่อเราสำเร็จภารกิจของพวกเราแล้ว พวกเราจะออกจากอาณาเขตของพวกเจ้าทันที”
“ไม่ ทั้งสามคนนี้ได้สังหารผู้อาวุโสของศาลาวิญญาณสวรรค์ไป พวกเขาเป็นอาชญากรของศาลาวิญญาณสวรรค์ พวกเรามาภายใต้คำสั่งของผู้อาวุโสประจำศาลาเพื่อให้พาพวกนี้กลับไป เพื่อที่ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาจะได้ลงโทษพวกนี้ได้ พวกเราจะไม่ส่งพวกนี้ให้กับพวกเจ้า” ผู้อาวุโสคุมวินัยคำรามกลับไป เขาไม่ยอมถอย
“พวกเราจะเอาคนพวกนี้ไป ! ” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ตอบกลับ กลิ่นอายอันทรงพลังเริ่มที่จะเปล่งออกมาจากพวกเขาทั้งสี่ ซึ่งเผยให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะต่อสู้
“พวกเราต้องสู้กันแล้วถ้าเป็นแบบนี้” ผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามคนไม่ยอมแสดงท่าทีอ่อนแอ จิตต่อสู้พุ่งพวยขึ้นจากพวกเขา พวกเขาโยนเจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังออกไปที่ข้าง ๆ พร้อม ๆ กัน พวกเขาชักเอาอาวุธออกมาและเริ่มที่จะต่อสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่
การต่อสู้ระหว่างเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 นั้นน่าประทับใจมาก ทันทีที่พวกเขาปะทะกัน พลังงานที่น่ากลัวที่หลงเหลืออยู่ก็ระเบิดออกมาและทำลายล้างไปรอบ ๆ บริเวณ มันปกคลุมรัศมีหลายสิบกิโลเมตร
เจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังได้รับผลกระจากคลื่นพลังงานที่รุนแรง พวกเขาถูกกระแทกกระเด็นไปไกล ร่างที่อ่อนแอของซี่หวังเริ่มค่อนข้างซีดลง เขาได้รับบาดเจ็บจากพลังงานที่เหลืออยู่
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะอ่อนแอกว่าซี่หวัง แต่ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งกว่า คลื่นพลังที่ทรงพลังจากการต่อสู้ได้กระแทกเข้าที่หน้าอกขแงเขาเหมือนเจอกระแทกด้วยหินก้อนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั้นแค่ทำให้ร่างของเขาสั่นเพียงเล็กน้อยโดยไม่มีผลกระทบอะไรมาก
ในอีกมุมหนึ่ง นูบิสก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะว่าเขานั้นอยู่ห่างจากระดับเซียนราชาอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น และความแข็งแกร่งของเขาใกล้เคียงกับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 พลังงานที่หลงเหลือจากการต่อสู้ระหว่างเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ไม่สามารถที่จะทำอันตรายกับเขาได้
เซียนผู้คุมกฎหลายคนที่ตามกลุ่มของเจี้ยนเฉินมาไม่ได้อยู่ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนอย่างเจี้ยนเฉินในขณะที่พวกเขาดูอยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ถอยกลับไปและหน้าซีด ในขณะที่จอมยุทธชั้นสวรรค์ที่ 8 นั้นมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก การบาดเจ็บของพวกเขาแย่ยิ่งกว่า
บริเวณที่ผู้อาวุโสคุมวินัยและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ต่อสู้กันนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่รุนแรง มิติบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ทำให้เกิดภาพพร่ามัวรอบ ๆ พวกเขา
“พวกเจ้ายืนทำอะไรกันอยู่ ? ไปกันเถอะ” นูบิสพุ่งออกไปในขณะที่เขาดึงเจี้ยนเฉินและซี่หวังไปด้วย การต่อสู้ระหว่างเซียนราชานั้นน่าตื่นตาตื่นใจมากแต่พวกเขาก็ไม่ว่างพอที่จะนั่งดูมัน
“ข้าโชคไม่ดีจริง ๆ ในครั้งนี้ ข้าจบแล้ว ข้าได้ไปทำให้ศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าอสรพิษโกรธเข้าในเวลาเดียวกัน ถ้าไปทำให้ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโกรธอีก คงไม่มีที่ไหนเหลือให้ข้าอยู่อีกแล้วในอาณาจักรทะเลที่กว้างใหญ่นี้ การติดตามพวกเจ้าเป็นอะไรที่โง่ที่สุดที่ข้าเคยเลือกทำ” ซี่หวังสบถออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เขารู้สึกเหมือนว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม
เขาถูกไล่ล่าจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษทันทีที่เขาถูกล่อจากน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกจากเจี้ยนเฉิน เขาหนีมาถึงดินแดนของศาลาวิญญาณสวรรค์ได้สำเร็จอย่างยากลำบากมาก แต่เขายังมาถูกศาลาวิญญาณสวรรค์ไล่ตามอีกก่อนที่พวกเขาจะทันได้พักด้วยซ้ำ สุดท้ายเขายังไปยั่วยุผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่อีก
ในตอนที่พวกเขาหนีออกมาได้ 100 กิโลเมตร แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งมาจากเขตต่อสู้และมุ่งหน้าไปที่พวกเขาทั้งสาม
“พวกเราจะให้พวกเขาถูกพาตัวไปไม่ได้” ผู้อาวุโสคุมวินัยตะโกนออกมา เขาทิ้งคู่ต่อสู้ของเขาและพุ่งออกมาจากการต่อสู้ และแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ก็ตามมา
“ข้าเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า ถอยไปซะ ! ” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ได้เปรียบในเรื่องจำนวน หนึ่งในพวกนั้นไล่ตามผู้อาวุโสคุมวินัยไปและตามติดเขาเพื่อทำให้เขาวุ่นวายอยู่
ผู้อาวุโสคุมวินัยถูกทำให้วุ่นวายอยู่กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในขณะที่เขามองดูแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้ไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินเรื่อย ๆ เขารู้ว่าเมื่อพวกเจี้ยนเฉินทั้งสามถูกพาไป พวกเขาคงปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จแน่เพราะพวกเขาวุ่นวายอยู่กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อีก 3 คนที่เหลืออยู่
สายตาของผู้อาวุโสคุมวินัยเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขาคิดมาถึงจุดนี้ เขาร้องออกมาทันที “คลื่นฝ่ามือเก้าชั้น ! ” คลื่นฝ่ามือเก้าชั้นเป็นทักษะเซียนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง มันทรงพลังมากกว่าทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์มาก และถึงขั้นทักษะการต่อสู้ระดับเซียนเทียม
ผู้อาวุโสคุมวินัยโจมตีด้วยฝ่ามือทั้งเก้าออกไป ฝ่ามือทั้งเก้าซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และยิ่งทรงพลังมากขึ้นในฝ่ามือที่ตามตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ามือสุดท้ายนั้นทรงพลังมาก มันรวมเอาพลังการโจมตีจากการโจมตีทั้งแปดครั้งที่แล้วมา มันมีผลกระทบมากซึ่งทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้นอีก
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษรับการโจมตี 5 ครั้งแรกได้อย่างสำเร็จ จากการโจมตีหกจากแปดครั้ง เขาเริ่มที่จะหน้าซีดและมีเลือดไหลออกมาที่มุมปากของเขา
ด้วยการมาถึงของการโจมตีครั้งที่ 9 เขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และถอยกระเด็นไปในขณะที่เขากระอักเลือดออกมา
Related