ตอนที่ 911: ทวีปสัตว์เทวะเข้าใกล้อาณาจักรทะเล
คำพูดของเจียงหยาง ซู เซียวเหมือนประกาศิต มันเป็นไปไม่ได้ที่เจียงหยาง ซู หยุนคงจะก้าวกลับเข้าไปในเผ่าอีก ซึ่งนี้ทำให้เจียงหยาง ซู อวี้หยวนและเจียงหยาง ซู หยวนเซียวหน้าซีดขึ้นมาทันที
นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าจากนี้เป็นต้นไป ลูกของพวกเขาจะกลับเข้าไปที่ตระกูลอีกไม่ได้
เจียงหยาง ซู หยุนคงดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเจียงหยาง ซู เซียว เขาจ้องอย่างเหม่อลอยไปที่พื้นที่ต้องห้ามในส่วนลึกของตระกูล ในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ได้โปรดเอาผนึกที่อยู่ในหัวของคงเอ๋อออกตามที่ท่านสัญญาเอาไว้ด้วย” เจียงหยาง ซู อวี้หยวนพูดออกมา ในขณะที่นางกำลังทนกับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของนางอยู่
“หืม ? เขาตัดผ่านไปเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้วนี่ มันเป็นไปได้อย่างไร ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดด้วยความตกใจเมื่อเขาพบว่าเจียงหยาง ซู หยุนคงได้กลายไปเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว
หลังจากนั้น เจียงหยาง ซู หยุนคงก็ได้อธิบายถึงวิธีที่เขาตัดผ่านได้สำเร็จ ความสงสัยของผู้อาวุโสสูงสุดหายไปทันทีเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเขาได้ใช้หญ้าน้ำลายมังกรแสนปีในการข่มพลังของผนึกเอาไว้ชั่วคราว
“คงเอ๋อไม่สามารถที่จะเข้าไปที่ตระกูลได้แต่เขาก็ยังเป็นคนของตระกูล พวกเรามาร่วมมือกันเพื่อเอาผนึกออกจากหัวของเขากันเถอะ” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวพูดหงอย ๆ
“เมื่อเขาได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะตายไปจากการสิ้นอายุขัยแล้ว ในความคิดของข้า พวกเราควรจะทิ้งผนึกเอาไว้ในหัวของเขาก่อนตอนนี้และพวกเราค่อยเอามันออกเมื่อลูกหลานของเขาเจียงหยาง เซียงเทียนกลับมา แบบนั้น เขาจะได้ชดใช้ความผิดของตัวเองและเขาจะได้อธิบายกับคนของตระกูลหลายหมื่นคนได้ เพราะว่าเขาได้สร้างปัญหาไว้ค่อนข้างมากโดยการไปก่อกวนยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในตอนที่เขากลับมา” เจียงหยาง ชิง หยุนพึมพำ
ท่าทางของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้น แม้แต่ท่าทางของเจียงหยาง ซู เซียวก็ค่อนข้างน่ากลัว
“ผู้อาวุโสหยุน ข้าไม่คิดว่าแบบนั้นจะเป็นการดี ครั้งที่แล้วในเมืองลอร์ พวกเราได้ยกโทษในความผิดให้กับคงเอ๋อไปแล้วต่อหน้าตระกูลผู้พิทักษ์อื่น ในตอนนี้การลงโทษก็ได้ถูกยกไปแล้ว พวกเราไม่สามารถเอาผนึกในหัวของคงเอ๋อออกได้อย่างนั้นหรือ ? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าการมีอยู่ของผนึกนั่นจะทำให้เขาไม่แข็งแกร่งขึ้น ? เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามันขัดขวางการฝึกฝนมากแค่ไหน ? ” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวคำรามออกมา
“ผู้อาวุโสหยุน ข้าก็รู้สึกว่าพวกเราควรจะเอาผนึกของคงเอ๋อออก” เจียงหยาง ซู เซียวพูดออกมาเช่นกัน ในตอนแรกผนึกถูกใส่เอาไว้โดยคนทั้งเจ็ด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้คนเจ็ดคนเดิมในการเอาผนึกออกเช่นกัน
“ทุกคน ข้าอยากรู้ว่าทุกคนมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร” เจียงหยาง ชิง หยุนมองไปที่คนอื่น
“ข้าเห็นด้วยกับผู้อาวุโสหยุน…”
“ข้าก็เห็นด้วยกับผู้อาวุโสหยุน…”
..
หลังจากเงียบไปสักพัก ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นที่เหลือก็ออกความเห็นออกมา พวกเขาทั้งหมดเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของเจียงหยาง ชิง หยุน
ใบหน้าของเจียงหยาง ซู หยวนเซียวมืดมนลงทันที เขาเริ่มโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
“เมื่อคนอื่น ๆ เห็นด้วยกับข้า พวกเราก็จะทำแบบนั้น วันที่พวกเราจะเอาผนึกในหัวของเขาออกจะเป็นวันที่เขาเอาเจียงหยาง เซียงเทียนกลับมาได้” เจียงหยาง ฉิง หยุนพูดพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับผู้อาวุโสคนอื่น
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู เซียวลอยอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางมืดมน พวกเขาโกรธเกรี้ยวมาก ในขณะที่เจียงหยาง ซู อวี้หยวนสะอึกสะอื้นอยู่ ในตอนแรกนางคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะเอาผนึกในหัวของเขาออกทันทีที่นางนำเจียงหยาง ซู หยุนคงกลับมา แต่นางไม่คิดว่าสุดท้ายมันจะลงเอยเช่นนี้
“พวกนั้นทำเกินไปแล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียวกำหมัดแน่น เขาโกรธจัดจนเขาเริ่มจะตัวสั่นเล็กน้อย
เจียงหยาง ซู เซียวถอนหายใจยาว เขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้ในขณะที่เขาถอนหายใจออกมา “ทั้งหมดเป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะ…”
ในตอนสุดท้าย ผนึกของเจียงหยาง ซู หยุนคงก็ไม่ได้เอาออก และเขาก็กลับเข้าไปที่ตระกูลไม่ได้อีก ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทั้งหมดที่เขาจะทำได้มีแค่กลับไปที่เมืองลอร์และอยู่ที่นั่นในฐานะหัวหน้าตระกูลที่น่าเคารพและน่านับถือของตระกูลเจียงหยาง
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและเจียงหยาง ซู อวี้หยวนไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเช่นกันหลังจากที่พวกเขาผิดหวัง พวกเขาเลือกที่จะอยู่ที่เมืองลอร์กับลูกชายของพวกเขา
ในพริบตาเดียว ครึ่งปีก็ผ่านไป เจี้ยนเฉินกำลังนั่งอยู่ที่ภูเขาเล็ก ๆ ที่สร้างมากจากเหรียญผลึกชั้นยอดทั้งหมดในห้องลับด้านใต้เผ่าเต่า จิตวิญญาณกระบี่ร่อนอยู่เหนือหัวของเขา เจี้ยนเฉินกำลังสกัดเหรียญผลึกให้เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เหรียญผลึกชั้นยอดทั้งหมดถูกควบแน่นมาจากพลังงานธาตุน้ำของธรรมชาติที่บริสุทธิ์มาก พวกมันมีผลเช่นเดียวกับแกนอสูรและสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของเขาได้
เหรียญผลึกเหล่านี้เจี้ยนเฉินได้รับมาโดยการแลกกับโอกาสในการเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด ชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดแต่ละชิ้นให้คนเข้าไปได้ 20 คนและเจี้ยนเฉินได้ให้สิทธิ์ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไปแล้ว 10 ที่นั่ง อีก 10 ที่นั่งเป็นของเขา นูบิส ซี่หวัง และเขา รวมเป็น 3 คนในนั้น ดังนั้นเขาจึงเอาอีก 7 ที่นั่งที่เหลือไปขาย เขาแลกเปลี่ยน 7 สิทธิ์ไปเป็นของที่เขาอยากได้
สำหรับโอกาสเหล่านี้ มีเพียงผู้อาวุโสที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 สองคนเท่านั้นที่มาหาเจี้ยนเฉิน พวกเขาหวังที่จะได้โอกาสในการที่จะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับมา นี่เป็นเพราะทั้งสองคนนั้นอยู่ภายใต้ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสามที่เป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านที่จะให้เจี้ยนเฉินเป็นผู้คุมกฎตั้งแต่ตอนแรก เจี้ยนเฉินจะไม่ยอมเสียที่นั่งมีค่านั้นให้กับคนเหล่านี้เด็ดขาด เขาปรารภนาที่จะแลกเปลี่ยนสิทธิ์เหล่านี้กับของที่เขาต้องการมากกว่า
เจี้ยนเฉินไม่แม้แต่จะคิดที่จะติดสินบนพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้มาที่เผ่าเต่าเพื่อที่จะมาเป็นผู้คุมกฎ แต่เขามาเพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของผู้อาวุโสสูงสุดให้สำเร็จ
สิทธิ์ที่เหลืออีกทั้งเจ็ดที่นั่งถูกขายออกไปในเวลา 3 เดือน เจี้ยนเฉินใช้ 3 ที่นั่งในการแลกเปลี่ยนเหรียญผลึกชั้นยอดจำนวนมากมา ในขณะที่อีก 4 ที่นั่งเขาใช้เพื่อแลกวัตถุดิบ 4 ชิ้นที่ใช้ในการตีกระบี่ม่วงฟ้า
หลังจากการตามหาอย่างเหน็ดเหนื่อยมาหลายปี เจี้ยนเฉินได้รวบรวมวัตถุดิบมาได้มากกว่าสิบชิ้นแล้ว เขาขาดอีกเพียง 4 ชิ้นเท่านั้นแต่เขามีข้อมูลเพียงหนึ่งในสี่วัตถุดิบนั้นเท่านั้น มันคือหินวิญญาณสวรรค์จากหอยามะที่เป็นหนึ่งในสามสุดยอดองค์กรนักฆ่า
“ข้าจะไปที่หอยามะแน่หลังจากที่ข้าทรงพลังเพียงพอแล้ว” เจี้ยนเฉินคิด
ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ได้โผล่ออกมาจากชั้นที่ 98 ของหอคอยสัตว์เทวะ มันเหมือนสัตว์อสูรในตำนานกำลังตื่นขึ้นและเปล่งรัศมีแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา มันทำให้อากาศเปลี่ยนไปและทั่วทั้งทวีปก็ได้รับผลกระทบ สัตว์อสูรทั้งหมดตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในขณะที่ความกลัวปรากฎอยู่ในดวงตาของพวกมัน
ทันใดนั้นเอง คนอื่นที่อยู่อีก 97 ชั้นที่เหลือที่กำลังฝึกฝนอยู่ในหอคอยก็ลืมตาขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ชั้นที่ 98 บางคนก็ยินดี บางคนก็เศร้า
“ไคเซอร์ตัดผ่านสำเร็จแล้ว ในตอนนี้ ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งของพวกเราก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว” ชายชราผิวเลือดฝาดพึมพำออกมาในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นไปที่ชั้นที่ 98 จากชั้นที่ 97 เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะ เซียนจักรพรรดิของตระกูลเปิง ซ่างเฉียง
บนชั้นที่ 96 ราชาเสือ แลงคีรอสได้ลุกขึ้นมาจากพื้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา “5 ปีผ่านไป ในที่สุดไคเซอร์ก็ออกมาจากการทำสมาธิเสียที”
ชายร่างกำยำสูง 3 เมตรได้ก้าวออกมาช้า ๆ จากชั้นที่ 98 ของหอคอย รูปร่างของเขาไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยแต่ตาของเขานั้นแหลมคมมากเหมือนดาบที่ชักออกมาจากฝัก สายตาที่เขามองคนอื่นเหมือนว่ามันสามารถทะลุเหล็กได้ มันน่าตกใจมาก มันน่ากลัวมากถ้ามีคนจ้องเข้าไปที่ในตาของเขา
กลิ่นอายที่กล้าหาญห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ชายผู้นั้น มันเติมเต็มไปทั้งหอคอยและปกคลุมไปทั่วทั้งเก้าสิบแปดชั้นด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ของเขา แค่พลังแห่งการมีอยู่ของเขาก็อาจจะทำให้โลกสั่นไหวได้แล้ว
ชายคนนี้เป็นผู้คุมกฎของทวีปสัตว์เทวะ เขาเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยในทวีป
“ไคเซอร์ ในที่สุดเจ้าก็ออกมา” เสียงของแลงคีรอสดังออกมาจากด้านนอก
ไคเซอร์เดินออกมาจากหอคอย ด้วยสายตาที่แหลมคมของเขา ทั้งหอคอยก็สั่นไหวเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหอคอยถูกสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแรง มันก็คงกลายเป็นฝุ่นไปนานแล้ว
“แลงคีรอส ไปกับข้าที่ทวีปเทียนหยวนเพื่อเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ หืม ข้าอยากจะรู้ว่าใครจะมาหยุดพวกเราในครั้งนี้” เสียงของไคเซอร์เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เหมือนว่าเขาดูถูกทุกคนบนโลก
“ไคเซอร์ สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เจี้ยนเฉินได้เอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปที่อาณาจักรทะเล ดังนั้นมันจึงไม่ได้อยู่ที่ทวีปเทียนหยวนอีกต่อไปแล้ว” แลงคีรอสคำรามออกมา
“อาณาจักรทะเล ! ” ไคเซอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น หลังจากที่คิดเล็กน้อย เขาก็พูดขึ้นมา “ถ้างั้นพวกเราไปที่อาณาจักรทะเลกันเถอะ” ไคเซอร์มองไปที่ชั้นที่ 97 และพูดด้วยเสียงชัดและหนักแน่น “ซ่างเฉียง มากับพวกเราที่อาณาจักรทะเลเพื่อไปเอาพยัคฆ์ปีกเทวะกัน”
“พยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะยุ่งกับเรื่องใดก็ตามที่เทพเจ้าสัตว์อสูรจะทำ เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งอะไรทั้งนั้นที่เกี่ยวกับเทพเจ้าสัตว์อสูร” เสียงโบราณของซ่างเฉียงดังระเบิดออกมาจากชั้นที่ 97
ตาของไคเซอร์เริ่มที่จะเย็นชาเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาออกจากทวีปไปพร้อมกับแลงคีรอสและสองในสามส่วนของจอมยุทธในหอคอย พร้อมทั้งจอมยุทธทั้งหมดในส่วนของพวกเขา พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรทะเล
แม้ว่าทวีปสัตว์เทวะจะห่างไกลจากอาณาจักรทะเลมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับไคเซอร์และแลงคีรอสที่เป็นเซียนจักรพรรดิ พวกเขาฉีกมิติและสร้างประตูมิติขึ้นมา พวกเขาเดินทางไปหลายสิบล้านกิโลเมตรเพียงแค่ก้าวไปเพียงก้าวเดียว พวกเขามาถึงที่ท้องฟ้าเหนืออาณาจักรทะเล
จอมยุทธหลายพันคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเป็นอย่างน้อยได้รวมตัวกันอยู่ในท้องฟ้า พวกเขาเปล่งออร่าที่น่ากลัวออกมาทำให้ผิวน้ำด้านล่างยุบไป 10 เมตร
ไคเซอร์ลอยอยู่เหนือน้ำอย่างวางตัวและจ้องลงไปที่น้ำทะเลอย่างเย็นชา เขาคำราม “มีม่านพลังที่ถูกร่ายเอาไว้โดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเลตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนหลังจากที่ผ่านมาหลายปี พวกเรามาดูกันในวันนี้” หลังจากที่พูดจบ ตาของไคเซอร์ก็หรี่เล็กและสว่างวาบขึ้นมาทันที เขาคว้าไปที่มิติที่ว่างเปล่าและทั่วทั้งอาณาเขตก็มืดลงด้วยมือของเขา สภาพอากาศเปลี่ยนไปเพียงแต่เขาพลิกฝ่ามือ
พลังธรรมชาติปริมาณมหาศาลได้เทลงมาที่มือของเขา ก่อนที่จะรวบรวมเป็นหอกใหญ่ยาว 10 เมตร มันพุ่งไปที่ม่านพลังที่ปกคลุมทั่วทั้งอาณาจักรทะเลอยู่ด้วยพละกำลังที่น่ากลัว