ตอนที่ 913: การเปิดโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด
ในพริบตาเดียว เวลาสำหรับการเปิดโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดก็มาถึง เจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังทั้งหมดออกไปจากเผ่าเต่าเพื่อไปรวมกันอยู่ที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
เจี้ยนเฉินยังมีสถานะเป็นแขกในศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ดังนั้นเขาจึงมีพื้นที่ให้ใช้สำหรับการฝึกฝน ในตอนนี้ พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่ในศาลาในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยและถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องการเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด
นูบิสออกมาจากวัตถุเซียนตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว ตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับการไล่ล่าจากจอมยุทธของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์ก่อนหน้านี้ เขาได้ใช้แก่นพลังชีวิตของเขาไปเพื่อแลกกับการที่เขาจะได้ใช้ความเร็วเกินขีดจำกัดได้ เขาอยู่ในวัตถุเซียนตลอดครึ่งปีเพื่อฟื้นคืนพลังชีวิตที่เขาเสียไปโดยการดูดซึมแก่นแท้ที่ซ่อนอยู่ในงูแก่นั่น เขาได้เพิ่มระดับการฝึกฝนของเขาไปถึงขั้นสุดของเซียนผู้คุมกฎอีกครั้งด้วย ในตอนนี้เขาห่างอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะกลายเป็นเซียนราชา
“โมจื่อจากเผ่าพันมือขอคารวะท่านผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” เสียงแหบแห้งดังออกมาจากด้านนอก และพวกเขาทั้งสามก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เขาคิดและเขาก็ปลดม่านพลังรอบ ๆ โถงออกและพูด “เข้ามา” เจี้ยนเฉินประทับใจมากเรื่องเผ่าพันมือ
เผ่าพันมือเป็นหนึ่งในเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรทะเล พวกเขาทรงพลังมากกว่าเผ่าไทฮงมาก พวกเขามีนักรบวิญญาณทะเล 16 ดาว 1 คน และนักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวถึง 2 คน พวกเขาเป็นเผ่าที่มีชื่อเสียงภายในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ร่างเดิมของเผ่าพันมือนั้นเหมือนกับตะขาบที่อยู่บนพื้นดิน พวกเขามีแขนและขาพันขาที่ยาวมาก พวกเขาชำนาญในการวางพิษและมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง แม่ว่าร่างกายของพวกเขาจะถูกทำลาย พวกเขาก็สามารถสร้างร่างกายของพวกเขากลับมาได้ในเวลาอันสั้นตราบใดที่วิญญาณของพวกเขายังอยู่ มันมหัศจรรย์มาก
เผ่าพันมือเป็นหนึ่งในเผ่าที่ซื้อที่นั่งในการเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของเผ่นดินทั้งแปดจากเจี้ยนเฉิน
ชายชราในชุดดำเดินเข้ามาจากข้างนอก เขาผอมเพรียวในขณะที่ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยขนชั้นบางบาง เขาดูเหมือนลิงแต่ตาที่เป็นหลุมลึกของเขาแวบไปด้วยประกายที่เย็นชาเป็นครั้งคราว ตาของเขาเต็มไปด้วยความเลือดเย็นและความดุร้าย
“โมจื่อขอคารวะท่านผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” ชายชราประสานมือไปที่เจี้ยนเฉิน แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสุภาพ แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทางที่เข้ากับการพูดแบบนั้นเลย
“โปรดเข้ามา ท่านนักรบโมจื่อ ท่านต้องการอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาข้าอย่างกะทันหันแบบนี้ ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มในขณะที่เขาพูดอย่างอ่อนโยน
โมจื่อนั่งลงข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและยิ้ม “ท่านผู้คุมกฎ ข้าจะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดในไม่ช้านี้ โถงศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เพียงแต่พวกเราจะเตรียมการเพื่อป้องกันการโจมตีจากคนอื่น ๆ แล้ว พวกเราได้ให้ความสนใจกับอาคมสังหารหลายแบบในโถงเพราะโมจื่อต้องการที่จะร่วมกลุ่มกับท่านผู้คุมกฎ แบบนั้น โอกาสของพวกเขาในการที่จะรอดมาได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้าอยากรู้ว่าท่านผู้คุมกฎคิดว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น แต่หลังจากที่คิดสักพัก เขาก็พยักหน้าตกลง
โมจื่อดีใจมากเมื่อเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินตกลง จากนั้นเขาก็จากไปหลังจากที่พูดคุยเล็กน้อยกับเจี้ยนเฉิน
“เจี้ยนเฉิน ตราบใดที่พวกเราไม่ประมาท พวกเราก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะผ่านเข้าไปที่นั่นได้ด้วยกำลังของพวกเราเอง ทำมเจ้าถึงให้เขามาเข้ากลุ่มกับพวกเรา” นูบิสถามอย่างงงงวย
“นี่เป็นเพียงแค่การชั่วคราวเท่านั้นและพวกเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด พวกเราจะได้ประโยชน์จากเขา” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาคิดบางอย่าง
หลังจากที่โมจื่อจากไป คนอีก 3 คนก็มาหาเจี้ยนเฉิน พวกเขาเป็นจอมยุทธที่มาจากเผ่าหลายเผ่าที่กำลังจะเข้าไปที่โถงด้วย พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 ด้วยความสามารถและความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ พวกเขาปรารถนาที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับเจี้ยนเฉินและเข้าไปในโถงด้วยกัน
เจี้ยนเฉินไม่ได้ปฏิเสธพวกเขาเพราะรู้ว่านี่มันเป็นเพียงการชั่วคราวเท่านั้น นี่เป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น
นอกเหนือไปจากนั้น การที่มีคนช่วยเหลือหลายคน พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรุมโจมตีเอาได้ เพราะว่า คนที่เข้าในโถงในครั้งนี้คงไม่มีใครที่อ่อนแอ ไม่เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดจะเป็นชั้นสวรรค์ที่ 9 ยังมีอีกหลายคนซึ่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่มีความเข้าใจในทักษะการต่อสู้ระดับเซียน พวกเขาสามารถที่จะทำให้เซียนราชาบาดเจ็บสาหัสได้ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงต้องรับมือกับคนพวกนี้ด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาทั้งสามคนใช้เวลา 3 วันอยู่ในโถง หลังจาก 3 วันนี้ คนทั้งหมดที่จะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดก็ได้มารวมกันอยู่ที่ลานว่างกว้างใหญ่ ก่อนที่เขาจะออกจากปราสาทไปภายใต้การนำของผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสองพร้อมทั้งจอมยุทธอีกหลายคน พวกเขาบินไปที่สถานที่ตรงพรมแดนซึ่งทั้งสามอาณาเขตมาบรรจบกัน
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีคนมากกว่า 300 ยคนที่มารวมอยู่ที่นี่ นอกเหนือจากคน 60 คนที่จะเข้าไปที่โถง คนอื่น ๆ ก็เป็นจอมยุทธจากหลายเผ่าและผู้อาวุโสบางคนของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ผู้อาวุโสประจำศาลาสองคนที่มาพร้อมกับพวกเขา หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสฮงที่เจี้ยนเฉินคุ้นเคยดี อีกคนหนึ่งเป็นหญิงที่อยู่ในชุดสีฟ้า นางถือคทายาว 1 เมตรและใบหน้าของนางถูกบังไว้ด้วยชั้นหมอก มันดูไม่ชัดและเลือนลาง
แม้ว่านางจะดูคล้ายแอตแลนติสซึ่งได้ช่วยพวกเขาจากการถูกไล่ล่าจากจอมยุทธของทั้งสองศาลาเอาไว้ เจี้ยนเฉินก็รู้ดีว่านางไม่ใช่แอตแลนติสแน่แต่เป็นคนอื่น
หลังจากหลายวันที่พวกเขาบินไป กลุ่มก็มาถึงที่พรมแดน เมื่อพวกเขามาถึง จอมยุทธจากศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าอสรพิษก็บินมาแต่ไกลพอดี พวกเขาทั้งหมดมาถึงในเวลาพร้อมกัน
“เวลา 1 ปีได้หมดไปแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ใครที่ครอบครองชิ้นส่วนแผนที่อยู่ โปรดนำพวกมันทั้งหมดออกมาพร้อม ๆ กัน” ผู้อาวุโสประจำศาลาฮงพูด
ทันใดนั้นเอง คนแปดคนก็เอาชิ้นส่วนแผนที่ออกมา ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะเดินออกมาข้างหน้ากลุ่ม
ในชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้น ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมีอยู่ทั้งหมด 4 ชิ้น ในขณะที่อีกทั้งสองศาลามีศาลาละ 2 ชิ้น
เจี้ยนเฉินยืนอยู่กับคนอีกทั้งสามคน เขารู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังถูกจ้องด้วยสายตาที่แหลมคมหลายคู่ด้วยสัมผัสที่ดีของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่าผู้อาวุโสประจำศาลาของทั้งศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์กำลังจ้องมาที่เขาอย่างมืดมน พวกเขามองไปอย่างดุร้ายมากเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะกลืนกินเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยังคงปกติแต่เขาก็เหยียดหยามอยู่ในใจ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ศาลาทั้งสองสูญเสียอย่างมากด้วยน้ำมือของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดสูญเสียเซียนราชาไปและนักรบวิญญาณทะเล 16 ดาว 3 คนยังถูก
แอตแลนติสจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลพาตัวอีก
“ชิ้นส่วนแผนที่ที่เป็นของตระกูลฮัวสุดท้ายก็ไปตกอยู่ในมือของเจ้านี่เอง เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไรและเจ้าอยู่องค์กรไหน ? ที่เจ้าเอาชิ้นส่วนแผนที่ไป มันหมายความว่าอะไร?” เสียงชราดังระเบิดออกจากด้านศาลาวิญญาณสวรรค์ ชายชราเหยียดไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่น่ากลัว
ชายชรารู้จักเผ่าที่ครอบครองชิ้นส่วนที่เหลืออีกทั้งเจ็ดส่วนดี แต่เจี้ยนเฉินเป็นคนเดียวที่เขาไม่รู้จัก
เจี้ยนเฉินมองไปที่ทิศทางที่เสียงดังมาและจำชายชราที่เป็นเซียนราชาของตระกูลฮัวได้ คนผู้นี้เป็นคนที่ฉิงยี่หยวนไปปล้นเมื่อหลายวันที่ผ่านมาแล้ว
“ข้าคือเจี้ยนเฉิน ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ข้าได้ชิ้นส่วนแผนที่นี่มาจากฉิงยี่หยวน” เจี้ยนเฉินยิ้มในขณะที่เขาประสานมือไปที่เซียนราชา ถ้าคนผู้นี้ไม่ทำให้ฉิงยี่หยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากทักษะการต่อสู้ระดับเซียนละก็ เจี้ยนเฉินคงไม่สามารถเอาชิ้นส่วนแผนที่มาจากนางได้
ท่าทีของชายชรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น เขาหัวเราะออกมาดัง “มีข่าวลือบอกว่าชิ้นส่วนแผนที่ที่ฉิงยี่หยวนเอาไปจากข้าได้ถูกขโมยไปโดยผู้เยาว์ 14 ดาว ในตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อแต่ดูเหมือนมันจะเป็นความจริงสินะตอนนี้ หืม ไม่คิดเลยว่าฉิงยี่หยวน หนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์จะพลาดท่าเพราะผู้เยาว์ 2 คน”
สายตาของจากคนหลายคนที่มองมาทางเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างแปลก ๆ ในตอนนี้มันผสมปนเปไปด้วยความชื่นชม แค่ความกล้าในการที่จะขโมยของจากฉิงยี่หยวนทั้งที่เป็นเพียงนักรบวิญญาณทะเล 14 ดาวก็เพียงพอที่จะให้ชื่นชมแล้ว
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสฮงก็ชี้ออกมา พลังงาน 4 สายถูกยิงออกมาจากนิ้วของเขา ก่อนที่หลอมรวมและหายเข้าไปในชิ้นส่วนแผนที่ ไม่ช้าหลังจากนั้น คลื่นพลังก็พุ่งพวยออกมาจากชิ้นส่วนแผนที่ขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งทำให้มันเปล่งแสงลาง ๆ ออกมา
“ทุกคน โปรดปลดผนึกชิ้นส่วนแผนที่ด้วย” ผู้เฒ่าฮงมองไปที่ผู้คนของทั้งอีกสองศาลา
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสประจำศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าอสรพิษเคลื่อนที่ออกมาพร้อมกัน คลื่นพลังงาน 2 สายยิงออกมาจากนิ้วของพวกเขาเข้าไปที่ชิ้นส่วนของแผนที่ และปลดผนึกที่ซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนแผนที่
ชิ้นส่วนอีก 4 ชิ้นเริ่มที่จะส่องแสงลาง ๆ ออกมา แสงไปเริ่มที่จะสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนสว่างจ้า พวกมันเหมือนพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงไปรอบ ๆ
ชิ้นส่วนแผนที่ทั้งแปดลอยจากมือพวกเขาออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะรวมกันอยู่กลางอากาศ สักพักต่อมา แสงก็ค่อย ๆ ลดลงและชิ้นหนังขนาดกว้าง 1 เมตรก็ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นมันก็ลอยเข้าไปในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษดุจสายฟ้า
“แผนที่แผ่นดินทั้งแปดจะนำทางเราไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด ตามมันไป ! ” คนบางคนตะโกนออกมา ทันใดนั้นเอง คนจากอีกทั้งสองศาลาก็ได้ข้ามชายแดนไปเพื่อไล่ตาม ทั้งสามศาลาได้ตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเขาสามารถที่จะข้ามชายแดนของศาลาได้ระหว่างการตามหาโถงศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มคนไล่ตามแผนที่ไปอย่างอาจหาญ ในที่สุดมันก็หยุดอยู่ในอากาศเหนือแนวภูเขาโบราณหลังจากที่ลอยมาไกลหลายแสนกิโลเมตร
ในตอนนี้ แผนที่เปล่งรัศมีไปด้วยกลิ่นอายแปลกแปลกในขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศ มันทำให้มิติรอบ ๆ สั่นไหวเบา ๆ และกลายเป็นภาพพร่ามัว
“ถ้างั้น นี่ก็เป็นที่ที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดซ่อนโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้” ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งสองของศาลาเทพเจ้าอสรพิษพึมพำออกมา ในขณะที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปที่ท้องฟ้า
ในตอนนี้ คลื่นพลังงานที่ทรงพลังมากได้ฉีกมิติเปิดออก มันทำให้เกิดรูดำใหญ่ขึ้นมาและภายในนั้นโถงศักดิ์สิทธิ์ก็โผล่ออกมาอย่างช้า ๆ ในที่สุดโถงของแผ่นดินทั้งแปดก็ได้ออกมาปรากฎขึ้นที่อาณาจักรทะเล
โถงศักดิ์สิทธิ์สูงและยาวหลายพันเมตร มันเป็นสีทองทั้งหมดเหมือนว่ามันทำมาจากทองและมันส่องแสงไปด้วยแสงสีทองบาดตา โถงศักดิ์สิทธิ์ดูมีเสน่ห์มาก
ในตอนที่โถงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวออกมาทั้งหมดแล้ว รูดำเหนือมันก็หายไปด้วย หลังจากนั้นไม่นาน แผนที่ก็แยกออกเป็น 8 ส่วนอีกครั้ง และกลับไปอยู่ที่มือของคนที่ถือมันดั้งเดิมทั้งแปดคน
“น้องเจี้ยนเฉิน สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโถงศักดิ์สิทธิ์นอกเหนือไปจากตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดแล้วคือโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ เมื่อเจ้าเข้าไปแล้ว เจ้าต้องหาทางที่จะเข้าไปควบคุมที่ศูนย์กลางของโถงและเอามันมาให้ได้” เสียงของผู้อาวุโสฮงดังอยู่หัวของเจี้ยนเฉิน เขาสื่อสารกับเจี้ยนเฉินผ่านทางข้อความทางจิตใจ
เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ หลังจากนั้น เขาก็บินไปทางโถงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในท้องฟ้าพร้อมกับคนอื่นที่กำลังเข้าไป
ในไม่ช้า จอมยุทธทั้งร้อยหกสิบคนก็เข้าไปที่โถงด้วยความช่วยเหลือของชิ้นส่วนแผนที่ทั้งแปด ในขณะเดียวกัน คนจากทั้งสามศาลาก็ไม่ได้ไปไหนและรออยู่อย่างอดทนด้านนอก พวกเขาต้องการที่จะรอให้คนทั้งหมดออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้สมบัติถูกขโมยไปหลังจากที่พวกนั้นออกมาจากโถงแล้ว