ตอนที่ 940: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (4)
“องค์ชายไป่เจี้ยน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นองค์ชายจากจักรวรรดิเฟยลี่..”
“บางทีคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในเก้าองค์ชายจากจักรวรรดิเฟยลี่ในสามจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่..”
“แม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามก็แค่เยี่ยมยอดเท่าตระกูลโบราณเท่านั้น พวกเขาจะมาสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีที่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูลผู้พิทักษ์และเมืองทหารรับจ้างได้อย่างไรกัน…”
“ไป่เจี้ยนมีแต่เสียมากกว่าได้ในครั้งนี้ เขามาอย่างรุ่งโรจน์แต่จะกลับไปอย่างหายนะ ถ้ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจะถูกล้มลงได้ง่ายขนาดนั้น มันก็คงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ โดยตระกูลโบราณไปตั้งนานแล้ว…”
“ไป่เจี้ยนผู้นี้เป็นหนึ่งในเก้าองค์ชายของจักรวรรดิเฟยลี่ จากพื้นฐานของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าใครหนุนหลังกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอยู่ แต่เขากลับมาท้าทายพวกเรา อะไรทำให้เขามั่นใจมากขนาดนั้น…”
หลายคนถกเถียงกัน พวกเขาคาดเดาและแสดงความเห็นของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คนหลายคนก็แค่ยืนดูอยู่เฉย ๆ เหมือนว่าพวกเขากำลังจะได้ดูอะไรดีดี พวกเขาไม่คิดที่จะเข้าร่วมด้วยและต้องการที่จะเห็นผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายเท่านั้น
คำพูดยโสโอหังของไป่เจี้ยนทำให้โหยวเยว่และคนอื่นแสดงท่าทางน่ากลัวมากออกมาทันที เจียงหยาง ซู หยุนคงพุ่งขึ้นไปในอากาศและหยุดอยู่ร้อยเมตรเหนือกำแพง เขาเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลซึ่งทำให้ลมและเมฆปั่นป่วน
“เจ้ายังห่างไกลนักที่จะเอาเมืองอัคนีไปได้ ข้าอยากรู้จริงว่าเจ้าเอาเซียนราชามามากแค่ไหนกัน ? ” เจียงหยาง ซู หยุนคงคำรามออกมา เสียงของเขาระเบิดออกไปรอบ ๆ และกลิ่นอายก็พุ่งพวยออกมาจากเขา
แม้ว่าเจียงหยาง ซู หยุนคงจะยังเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 1 แต่พลังแห่งการมีอยู่ของเขาในตอนนี้ก็ทำให้เซียนผู้คุมกฎที่ระดับเหนือกว่าเขาหลายคนมองเขาอย่างเคารพมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่เซียนราชาสองสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เขาอย่างสงสัยในขณะที่พวกเขาพึมพำกัน
ไป่เจี้ยนจ้องไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคงและสายตาของเขาก็เป็นประกายเย็นชา เขาพูดอย่างเยือกเย็นออกมา “เจ้าเป็นใครกัน ? บอกชื่อของเจ้ามา”
“ข้าคือ เจียงหยาง ซู หยุนคง ! ” เจียงหยาง ซู หยุนคงพูดอย่างปกติ
“อะไรนะ ! เขาคือเจียงหยาง ซู หยุนคง เขาเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางอย่างนั้นหรือ ? “
“มีข่าวลือว่าตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางนั้นได้แบ่งออกเป็นสามสาขา ซู หยวน ชิง บางทีเขาอาจจะเป็นคนของสาขาซูหรือเปล่า ? “
“เขาเป็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจริง ๆ ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนจากตระกูลผู้พิทักษ์มาอยู่ที่เมืองในตอนนี้”
“ด้วยการที่มีคนของตระกูลผู้พิทักษ์อยู่ที่นี่ ไป่เจี้ยนต้องกลับไปอย่างย่ำแย่แน่ ๆ “
การปรากฏตัวของเจียงหยาง ซู หยุนคงต่อหน้าสาธารณชนได้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบนั้นเป็นการมีอยู่ที่เป็นตำนานของทวีปเทียนหยวน เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในทวีปเทียนหยวน พวกเขามีอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่าแสน หรืออาจจะหลายล้านปีมาแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ารากฐานของพวกเขานั้นหยั่งลึกลงไปขนาดไหน
ร่องรอยของพวกเขานั้นหาพบได้ยากมากแม้ว่าจะผ่านไปเป็นศตวรรษหรือในช่วงพันปี และถ้าพวกเขาปรากฎตัวออกมา พวกเขาก็จะไม่แสดงตัวต่อหน้าสาธารณชน พวกเขาไม่ยอมให้โลกรู้ว่าพวกเขามีตัวตน เฉพาะตระกูลสันโดษและตระกูลโบราณบางตระกูลที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายพันปีถึงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา แต่โดยไม่มีข้อยกเว้น ทุกตระกูลที่รู้เรื่องเกี่ยวว่าพวกเขามีอยู่นั้นก็ชื่นชมพวกเขามาจากก้นบึ้งของหัวใจ
นี่เป็นเพราะว่าตระกูลผู้พิทักษ์มีหน้าที่ที่สำคัญเสมอในการเป็นผู้คุ้มกันของทวีปเทียนหยวน พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งในทวีป แต่พวกเขาจะปกป้องสันติสุขของทวีป การขับไล่การรุกรานของทวีปสัตว์เทวะและตระกูลอื่น ๆ เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาได้รับความเคารพและมีฐานะที่สุดยอดในท่ามกลางตระกูลทั้งหลาย
ในครั้งนี้ เรื่องของพยัคฆ์ปีกเทวะได้นำไปสู่การรุกรานของทวีปสัตว์เทวะ และบังคับให้ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องเปิดเผยตัวตนออกมาสู่สายตาคนทั่วไปในหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นเหตุที่ทำให้ข่าวเรื่องตระกูลผู้พิทักษ์กระจายไปทั่วทั้งทวีป ทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขาแล้วในตอนนี้
คำกล่าวบอกตัวตนของเจียงหยาง ซู หยุนคงทำให้ทุกคนสนใจทันทีสายตาที่ทุกคนมองเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก บางคนเต็มไปด้วยความเคารพ บางคคนเต็มไปด้วยความอิจฉาและอื่น ๆ
ไป่เจี้ยนมองไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคงและร่องรอยเหยียดหยามเย็นชาก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “ในเมื่อมีคนของตระกูลผู้พิทักษ์อยู่ที่นี่ มันก็ยิ่งง่ายเลย ข้าจะแสดงอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าทั้งหมดดู พร้อมทั้งถามคนจากตระกูลผู้พิทักษ์ให้อธิบายมาว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่” ไป่เจี้ยนชูเหรียญตราขึ้นมาและใส่พลังเซียน 1 สายเข้าไปในมัน
เหรียญตราส่องแสงจ้าแสบตาและเจตจำนงที่มองเห็นของเขาก็กระจายคลื่นออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่มีไป่เจี้ยนเป็นศูนย์กลาง มันปกคลุมไปเป็นรัศมีพันกิโลเมตร ก่อนที่จะค่อย ๆ หายไป
ในช่วงเวลานี้ เซียนผู้คุมกฎทุกคนก็หลับตาลง รวมถึง เจียงหยาง ซูหยุนคงด้วย
คลื่นจากเหรียญตราเป็นข้อความประเภทหนึ่ง เหรียญตราถูกตีขึ้นมาด้วยทักษะลับพิเศษจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ถ้าเป็นเซียนผู้คุมกฎก็จะได้รับข้อความนี้อย่างชัดเจน
เซียนผู้คุมกฎที่ยืนอยู่ข้างข้างไป่เจี้ยนก็ได้รับข้อความด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา ในตอนนี้ ความกลัวเมืองอัคนีที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของพวกเขาได้หายไปจนหมดสิ้น
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ? ” เจียงหยาง ซู หยุนคงลืมตาขึ้นช้า ๆ ใบหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
ไป๋ไฮ เจียเต๋อไท่และเซียนผู้คุมกฎคนอื่น ๆ ที่มาเข้าร่วมในงานตัดริบบิ้นในเมืองทั้งหมดก็ลืมตาขึ้นมาเช่นกัน ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดเปลี่ยนไป ไม่มีใครที่รักษาท่าทางแบบเดิมเอาไว้ได้
เจียเต๋อไท่และไป๋ไฮแสดงท่าทางหวาดกลัวมาก ใบหน้าของพวกเขาหมองหม่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋ไฮ ตาที่ดูชราของเขาในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยโทสะและความไม่ยอมที่ยากจะข่มเอาไว้ได้
เฉพาะเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่ได้รับคลื่นข้อความ ดังนั้น หมิงตง โหยวเยว่ และคนอื่น ๆ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ท่านตาไป๋ไฮ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ? ” โหยวเยว่ถามอย่างกังวล ลางร้ายในใจของนางเริ่มที่จะหนักหน่วงขึ้นทุกทีเมื่อนางเห็นท่าทางของทุกคน
“ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบต้องการที่จะกำจัดเมืองอัคนีของพวกเรา” ไป๋ไฮพูดเสียงแหบแห้ง
“อะไรนะ ! ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบต้องการที่จะกำจัดเมืองอัคนีของพวกเรา ? ทำไมกันล่ะ ? ” ท่าทางของโหยวเยว่เปลี่ยนไปและหน้าซีดทันที
“เจ้าเมืองอัคนีเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ และมันมีข้อตกลงระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ว่า พวกเขาจะไม่ยุ่งเรื่องของทวีปเทียนหยวน การมีอยู่ของเมืองอัคนีได้ทำลายข้อตกลงนั้นไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้เมืองนี้หายไป ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เตือนและห้ามไม่ให้ตระกูลและองค์กรอื่น ๆ ช่วยเมืองอัคนีในการป้องกันการโจมตีในครั้งนี้” ไป๋ไฮพูด
“อะไรนะ ! มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ? ” ใบหน้าโหยวเยว่ซีดโดยไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย นางยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้
ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเป็นองค์กรที่เก่าแก่และทรงพลังที่สุดในทวีปเทียนหยวน ถ้าพวกเขาต้องการที่จะทำให้ใครหายไป มันก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ตระกูลโบราณที่มีเซียนระดับราชา อย่าว่าแต่เมืองอัคนีที่อ่อนแอกว่าตระกูลโบราณเลย
เหตุผลเดียวที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนียังครอบครองเหมืองทังสเตนเอาไว้ได้เป็นเพราะว่าเมืองได้รับการคุ้มครองจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางและเมืองทหารรับจ้าง ถ้าพวกเขาสูญเสียการสนับสนุนจากพลังทั้งสองนี้ไป มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะครอบครองเหมืองทังสเตนมาได้นานขนาดนี้
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าอะไรแบบนี้จะเกิดขึ้น ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบได้พูดออกมาเองแบบนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะช่วยกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอีกแล้ว” ท่านปู่ของเทียนมู่หลิงถอนหายใจลึก เขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะดึงเอาตัวเทียนมู่หลิงออกไปอย่างช้า ๆ เขาแสงท่าทีว่าไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้
เทียนมู่หลิงเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายและยืนอยู่ข้างท่านปู่จุนอย่างเงียบเงียบ นางรู้ว่าไม่มีใครที่จะช่วยกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้ในครั้งนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นคนที่ช่วยก็เหมือนหยามเกียรติของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ผลลัพธ์คงออกมาเหนือจินตนาการเป็นแน่
ไม่เคยมีคนหรือองค์กรไหนที่กล้าพอที่จะกล้าท้าทายเกียรติของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบมาก่อนในประวัติศาสตร์
หลังจากนั้น จอมยุทธทุกคนที่มาเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองของเมืองก็ถอยไป และไม่ต้องการที่จะยุ่งกับเรื่องนี้ ในพริบตาเดียว ก็เหลือแต่กลุ่มของโหยวเยว่เท่านั้นที่ยังยืนอยู่ด้านหน้าและแยกตัวออกจากคนอื่น คนเดียวที่ไม่ได้ขยับไปไหนคือบรรพชนตระกูลหวง หวงเทียนป้า อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาก็เป็นประกายไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ไป่เจี้ยนรู้ดีว่าเวลาได้มาถึงแล้วเมื่อเขาเห็นสถานการณ์ที่กำแพง เขาเหวี่ยงมือออกไปและตะโกนออกมา “โจมตี ถล่มเมืองที่มีค่านี้ซะ”
“พี่น้องทั้งหลาย พวกเราไปกันเถอะ…”
“ทุกคนโจมตี…”
“บุกเข้าไป เพื่อเอาเมืองมาให้ได้…”
“เมืองนี้จะเป็นของพวกเราในอนาคต บุกเข้าไป พี่น้องข้า”
“ข้าสาบานที่จะปกป้องเมืองอัคนีด้วยชีวิตของข้า ข้าสาบานด้วยชีวิตของข้าว่าข้าจะปกป้องครอบครัวของข้า…”
“ข้าสาบานว่าข้าจะปกป้องครอบครับของข้า ข้าจะไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นเด็ดขาด…”
“เมืองอัคนีเป็นความรุ่งโรจน์ของพวกเรากลุ่มทหารรับจ้างอัคนี คนอื่นจะเอามันไปไม่ได้ ฆ่ามัน…”
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงร้องของคนเป็นล้านที่พุ่งเข้าไปที่เมืองอัคนีเหมือนคลื่น ในพวกนั้นไม่มีใครที่กระจอกเลย ดังนั้นกำแพงสูงจึงไม่สามารถด้านพวกนั้นไว้ได้แม้แต่น้อย เซียนปฐพีหลายคนกระโจนขึ้นไปบนกำแพงและต่อสู้ที่อย่างดุเดือดกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี
แม้ว่าจะมีปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรติดตั้งอยู่ที่กำแพงมากกว่าร้อย แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเมืองจะถูกโจมตีในวันฉลองตัดริบบิ้น ดังนั้น จึงไม่มีแกนอสูรเตรียมเอาไว้สำหรับปืนใหญ่เลย ดังนั้นตอนนี้ปืนใหญ่จึงเป็นได้แค่เครื่องประดับที่ไร้ค่าเท่านั้น
หมิงตง ตู่กูเฟิง เจ้าอ้วนน้อย หวังยี่เฟิง เถี่ยต้า และจอมยุทธคนอื่นของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีทั้งหมดก็เข้าร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน พวกเขาเหวี่ยงอาวุธเซียนออกไปและฆ่าคู่ต่อสู้ไปอย่างต่อเนื่อง ในพริบตาเดียว พวกเขาทั้งหมดก็ย้อมไปด้วยเลือด
โหยวเยว่และไป๋เลียนยืนอยู่ด้วยกันในขณะที่พวกเขาจ้องไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าซีดเผือด พวกเขาไม่คิดว่าความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจะเกิดในวันที่เปิดตัวเมืองอย่างเป็นทางการพอดี
นี่เป็นวันที่เปิดตัวเมืองอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันน่าจะเป็นวันแห่งความตื่นเต้นและยินดี แต่ในท้ายที่สุด มันก็ได้กลายเป็นภาพแห่งสงครามและการฆ่าฟัน
พื้นที่ตอนแรกเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟสีแดงได้ถูกแทนที่ไปด้วยเลือด ในขณะที่เสียงหัวเราะและความสุขก็ได้กลายเป็นเสียงโหยหวนที่น่าเวทนา โหยวเยว่และไป๋เลียนยากที่จะยอมรับโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาได้
ท่าทางของ ไป๋ไฮ เจียเต๋อไท่ และเจียงหยาง ซู หยุนคงก็หมองหม่นในขณะที่พวกเขายืนอยู่ข้างหญิงทั้งสองและมองไปที่เซียนผู้กฎยี่สิบกว่าคนที่ยังไม่เคลื่อนไหว