ตอนที่ 943: ความใจบุญของเถี่ยต้า
“สถานการณ์ในตอนนี้ยุ่งเหยิงเสียจริง ข้ารออย่างเจ็บปวดอยู่ที่นี่มาถึงสามล้านปี แต่ทำไมสตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ออกมาปรากฎตัวในเวลาพอดิบพอดีกับที่ผู้สืบทอดของนิกายกระบี่มาอยู่ที่นี่? และพวกเขายังมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างกันอีก…”
“ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวลเกี่ยวกับคนของเทพเจ้าแห่งสงคราม เมื่อเขาได้รู้ความจริงในอนาคต ข้าคิดว่าเขาจะเลือกทางเดินที่ถูก ถ้าเขาเลือกผิดอีกครั้ง เขาต้องหายไป ยังไงพวกเขาก็เกิดมาจากโลกนี้ หลังจากการตายของรุ่นนี้ เทพเจ้าสงครามคนอื่นก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากหลายแสนปีหรืออาจจะล้านปีต่อไป…”
คนที่อยู่ในชุดเกราะสีเงินพึมพำออกมากับตัวของนางเอง เสียงของนางพอใจแต่ก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและไร้อารมณ์
นอกเมืองอัคนี แสงสีทองรอบ ๆ เถี่ยต้าได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์สาดแสงแสบตา คนอื่น ๆ มองเห็นเขาได้ไม่ชัด
พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าพุ่งพรวดขึ้นในขณะที่จิตต่อสู้ที่กระจายไปรอบ ๆ ก็ทรงพลังมากยิ่งขึ้น ในตอนที่พลังแห่งการมีอยู่ของเขาพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุด แสงสีทองบาง ๆ ก็ส่องแสงออกมาจากเขา และพุ่งขึ้นไปที่ท้องฟ้าและอาจจะเหนือกว่านั้นขึ้นไปอีก
ในเวลาเดียวกัน พลังงานธรรมชาติรอบ ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทั้งหมดในรัศมีหมื่นกิโลเมตรได้มารวมกันในทิศทางที่เขาอยู่ ก่อนที่จะถูกดูดซึมเข้าไปโดยเถี่ยต้า เหมือนปลาวาฬที่กำลังกินน้ำเข้าไป มันรวมกันอย่างหนาแน่นรอบรอบเถี่ยต้า และกลายเป็นเหมือนกระแสน้ำวน
การต่อสู้ระหว่างพันธมิตรพิชิตอัคนีกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีดำเนินต่อไป ทุกคนได้รับผลกระทบจากจิตต่อสู้ของเถี่ยต้า พวกเขาลืมความเจ็บปวดและลืมแม้กระทั่งตัวเอง พวกเขาไม่รู้สึกกลัว สิ่งเดียวที่กระจายอยู่ในหัวของพวกเขาคือ ต่อสู้ ! ต่อสู้อย่าหยุด !
หมิงตง ตู่กูเฟิง หวังยี่เฟิง เจ้าอ้วนน้อย และคนอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันและฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางกองทัพของพันธมิตร มีเฉพาะเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่ยังสามารถควบคุมตัวเองได้
เทียนมู่หลิงและคนอื่นตามศิษย์พี่ออกไปอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาถูกกระแทกกลับมาโดยศิษย์พี่ของพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับผลกระทบจากจิตต่อสู้
ร่างของเถี่ยต้าเหมือนหลุมไม่มีก้นในขณะที่พลังงานธรรมชาติมหาศาลได้ไหลออกมาจากเขา แต่มันก็ยังไม่ถึงขีดสุดของเขา มันจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เขากำลังทำอะไรน่ะ ? “
..
เซียนผู้คุมกฎที่กำลังดูการต่อสู้อยู่เริ่มคาดเดาในขณะที่พวกเขาจ้องมองเถี่ยต้าด้วยความอยากรู้
การดูดซึมพลังของเถี่ยต้าดำเนินไปสักพักก่อนที่จะหยุดลง พลังงานที่รวมอยู่รอบตัวเขาค่อย ๆ กระจายออกไปอย่างช้า ๆ และเผยให้เห็นถึงร่างที่กำยำของเขาอีกครั้ง
เลือดทั้งหมดที่อยู่บนตัวเขาหายไป เผยให้เห็นผิวหนังสีทองของเขาเท่านั้น กล้ามเนื้อที่ใหญ่และพองของเขากำลังโจมตีออกไป ในขณะที่ตราขวานรบที่เล็กและงดงามได้ปรากฎอยู่ที่หว่างคิ้วของเขา
จิตต่อสู้รอบ ๆ ได้ค่อย ๆ หายไปในขณะที่มันไหลเข้าไปในร่างของเถี่ยต้าและรูปแบบพลังงานที่มองไม่เห็น ทุกคนกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้งในพริบตา
หลังจากที่ไม่มีผลกระทบจากจิตต่อสู้ที่สุดยอด คนหลายล้านจากทั้งสองฝั่งก็ได้สติ ทันนั้นเอง ความเหนื่อยล้าอย่างมากก็ถาโถมเข้าร่างกายของพวกเขาจนถึงจุดที่พวกเขามึนงง
พวกดูเหมือนจะสูญเสียพลังทั้งหมดไปหลังจากที่ตกอยู่ในสภาวะหลงลืมตัวก่อนหน้านี้
พวกเขาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปในตอนที่พวกเขาอยู่ในสภาวะนั้น พวกเขาทั้งหมดลืมตัว ในขณะที่เซียนสวรรค์และเซียนปฐพีที่ทรงพลังก็แสดงปฏิกิริยาออกมาและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
พวกเขาจำได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาสูญเสียการควบคุมเมื่อพวกเขาอยู่สภาวะลืมตัวในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ร่างกายและวิญญาณของพวกเขาถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัวจากใครบางคนในความมืด
ทั้งสองฝั่งสูญเสียจิตต่อสู้ไปทั้งหมดหลังจากที่ได้รับอิทธิพลจากเรื่องนั้นไป พวกเขาทั้งหมดถอยและกลับไปที่ฐานตามลำดับ พวกเขาทิ้งสนามที่เต็มไปด้วยศพและเลือดสดสด ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจในฝั่งตรงข้ามอีกแล้วในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดพุ่งความสนใจไปที่เถี่ยต้าอย่างไม่มียกเว้นสักคน
เถี่ยต้าลดตัวลงช้า ๆ แม้ว่าจิตต่อสู้ที่สุดยอดจะหายไปแล้ว แต่ร่างของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังมากยิ่งไปอีก ผมยาวของเขาไสวไปในอากาศที่ไม่มีลมในขณะที่แสงสีทองดูเหมือนจะเป็นประกายออกมาจากร่างกำยำของเขา พลังงานมหาศาลและพลังงานที่รุนแรงเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาเป็นครั้งคราว
แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายสบาย แต่ร่างใหญ่ของเขาก็นำเอาพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังอย่างแปลก ๆ ไปสู่เซียนผู้คุมกฎทุกคน
ในตอนนี้ เขายืนอยู่ที่โลกนี้เหมือนกับเขาเป็นเทพเจ้าสงคราม และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขานั้นไร้เทียมทาน ในจณะเดียวกัน กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าของเซียนผู้คมกฎเลย
“เขาพัฒนาการแล้วอย่างนั้นหรือ…”
“พลังแห่งการมีอยู่ของเขาเทียบได้กับเซียนผู้คุมเลย เขาเป็นเซียนสวรรค์หรือเซียนผู้คุมกฎกันแน่…”
“ไม่ใชว่าสถานการณ์ก่อนนี้คือการที่เขาพัฒนาการอย่างนั้นหรือ..”
“ความลึกลับของโลกไม่ได้ลดตัวลงมา เมฑสีรุ้งก็ไม่ได้ปรากฎขึ้นด้วย เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้วหรือยังนะ…”
..
ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเซียนผู้คุมกฎจากตระกูลสันโดษหรือเซียนราชาจากตระกูลโบราณ ทั้งหมดพึมพำออกมาในใจ
พวกเขารู้สึกได้ว่า แม้ว่าเถี่ยต้าจะทรงพลังมากกว่าก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังเป็นแค่เซียนสวรรค์ ในตอนนี้ เขามีพลังของเซียนผู้คุมกฎด้วยหลังจากผ่านกระบวนการนั้นมา
แต่มันไม่มีความลึกลับของโลกลดตัวลงมา และยังไม่มีเมฆสีรุ้งปรากฏขึ้นอีก นี่ยังใช่การพัฒนาการอีกหรือ ? หรือเขาแค่ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ ?
มีร่างตกลงมาจากท้องฟ้า การต่อสู้ในที่สูงระหว่างไป่เจี้ยนกับไป๋ไฮได้สิ้นสุดลงในที่สุด ไป๋ไฮไม่ได้รับชัยชนะ เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากไป่เจี้ยนและกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่เขากระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของไป่เจี้ยนเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ในขณะที่เขาลดระดับลงเพื่อไล่ตาม เขาเหวี่ยงอาวุธเซียนในมือของเขาและยิงปราณดาบที่ทรงพลังไปที่ไป๋ไฮ
ความแข็งแกร่งของไป๋ไฮลดลงอย่างมากในขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่แต่เขาก็ยังคงป้องกันดาบฉีของไป่เจี้ยนได้อยู่แต่ก็ยากลำบาก มันทำให้บาดแผลของเขายิ่งแย่ขึ้นไปอีก
ไป่เจี้ยนไล่ตามไป๋ไฮทันอย่างรวดเร็วและใช้มิติพันธนาการใส่เขา เขาเหวี่ยงอาวุธเซียนที่เต็มไปด้วยคลื่นพลังอย่างไม่ปราณีไปที่หัวของไป๋ไฮ
“ความลึกลับของสงคราม กระหน่ำมิติ ! ” เถี่ยต้าคำรามออกมา ขวานใหญ่ในมือของเขาเหวี่ยงโจมตีไปที่ไป่เจี้ยนในขณะที่อาวุธของเขาเปล่งแสงสีทองจางจางออกมา
คลื่นที่มองเห็นได้ของขวานใหญ่พุ่งผ่านอากาศ และหลอมรวมกับจิตต่อสู้ที่บริสุทธิ์มากในขณะที่มันพุ่งไปทางไป่เจี้ยน
คลื่นการโจมตีปะทะเข้ากับมิติพันธนาการของไป่เจี้ยน มิติก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ และคลื่นการโจมตีก็พุ่งต่อไปโดยไม่ลดกำลังลงเลย มันพุ่งไปที่ไป่เจี้ยนด้วยความยิ่งใหญ่และจิตต่อสู้ที่สูงส่ง
สายตาของไป่เจี้ยนเป็นประกายและเขาก็เปลี่ยนเป้าจากไป๋ไฮ อาวุธเซียนที่ถูกเคลือบด้วยพลังธรรมชาติในมือของเขาพุ่งไปที่คลื่นพลังจากขวาน
เสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อพลังทั้งสองปะทะกัน ไป๋ไฮหลุดเป็นอิสระได้สำเร็จ ในขณะที่ไป่เจี้ยนถูกกระแทกกระเด็นออกไปร้อยเมตรอย่างควบคุมไม่ได้
ตาของไป๋ไฮยังคงลุกโชน เขาจ้องเขม็งไปที่เถี่ยต้าด้วยสายตาแหลมคมในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าไม่กระจอกเลย แต่เสียดายที่เจ้าอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน มีแต่ความตายเท่านั้นสำหรับเจ้า” จากนั้นไป่เจี้ยนก็หลอมรวมกับมิติรอบ ๆ ทำให้เขากลายเป็นภาพลางลาง และพุ่งไปทางเถี่ยต้าด้วยการใช้พลังมิติ อาวุธเซียนในมือของเขาเปล่งประกายไปด้วยแสงและพลังงานที่สั่นไหวมิติได้ซึ่งแทงไปทางเถี่ยต้า
เถี่ยต้าไม่ได้แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย จิตต่อสู้ที่บริสุทธิ์มากเผาไหม้อย่างรุนแรงอยู่บนตัวเขาในขณะที่มันเติมเต็มเขาไปได้วิญญาณแห่งการต่อสู้และความปรารถณาที่จะรบ วิญญาณคงกระพันปรากฏอยู่บนตัวเขาในขณะที่ทั้งเขาและขวานเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองแสบตา หลังจากนั้น ร่างของเขาก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกับขวานและฟันไปที่ไป่เจี้ยนด้วยพลังที่หยุดไม่ได้ “ความลึกลับของสงคราม ทำลายมฤตยู ! “
บู้ม !
ขวานของเถี่ยต้าปะทะเข้ากับอาวุธเซียนของไป่เจี้ยนอย่างรุนแรง และทำให้เกิดเสียงระเบิดแสบแก้วหูออกมา พลังงานที่เหลืออยู่ที่ซึ่งรุนแรงได้ทำลายล้างออกบริเวณโดยรอบอย่างยุ่งเหยิง
ไป่เจี้ยนโซเซถอยไปมากกว่าสิบก้าวจากการโจมตี ในขณะที่ร่างกายที่ใหญ่โตของเถี่ยต้าก็ลอยถอยออกไปจากพื้นอย่างรวดเร็วในขณะที่แสงสีทองที่อยู่บนร่างของเขาหม่นลง
ไป่เจี้ยนตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจ้องไปที่เถี่ยต้าด้วยความตกใจ เขาอุทานออกมา “ช่างเป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอะไรแบบนี้ ! เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอกว่าข้า แต่เขายังต้านทานข้าได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขา นี่มันทักษะอะไรกัน ? มันแปลกมากจริง ๆ ! ” ถ้ามีบางคนสังเกตดีดีละก็ พวกเขาก็คงจะเห็นว่าอาวุธเซียนของไป่เจี้ยนนั้นสั่นไหวอยู่เล็กน้อย
แต่ในไม่ช้าใบหน้าของไป่เจี้ยนก็เต็มไปด้วยจิตต่อสู้อีกครั้ง เขาพูด “ยิ่งเจ้ายิ่งยอดเยี่ยมมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งปล่อยให้เจ้ารอดไปไม่ได้ ตายซะ ! ” ไป่เจี้ยนหลอมรวมกับมิติรอบรอบอีกครั้งและพุ่งไปที่เถี่ยต้า เขาตามเถี่ยต้าทันไปในพริบตา และพันธนาการเถี่ยต้าเอาไว้และแทงไปที่เขาด้วยความเร็วแสง
แสงสีทองบนตัวเถี่ยต้าเป็นประกายอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาเอาชนะมิติพันธนาการของไป่เจี้ยนได้ เขาเหวี่ยงอาวุธออกไปอีกครั้งแต่มันก็อ่อนแรงกว่าครั้งก่อนมาก
ร่างของไป่เจี้ยนสั่นอย่างรุนแรงจากการโจมตี แต่เขาก็ไม่ถอยกระเด็นไปในครั้งนี้ ในมุมกลับกัน เถี่ยต้าโซเซกลับไปอย่างรวดเร็วและทิ้งรอยเท้าลึกไว้ที่พื้นดิน
“เจ้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในมิติพันธนาการของข้างั้นหรือ ! ” ไป่เจี้ยนอุทานออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลังเลและเคลื่อนไหวต่อและไล่ตามเถี่ยต้าไปเพื่อที่จะโจมตีอีกครั้ง
“ความลึกลับของสงคราม เคลื่อนสวรรค์ ! ” เถี่ยต้าคำรามออกมา เขาหายไปทันทีในขณะที่อาวุธเซียนของไป่เจี้ยนมาถึงที่ตัวเขา และเขาปรากฏขึ้นอีครั้งห่างออกไป 10 เมตร
แม้ว่าเขาได้หลบการโจมตีไปแล้ว แต่ไป่เจี้ยนก็ทิ้งรอยแผลเล็กน้อยไว้ที่แขนซ้ายของเขา ของเหลวสีทองไหลออกมาจากแผล
“อะไรกัน ! เลือดสีทอง ! ” ไป่เจี้ยนตะโกนออกมาทันทีเมื่อเขาเห็นเลือดสีทองไหลออกมาจากบาดแผลของเถี่ยต้า เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เหมือนกับว่าเขาได้พบทวีปใหม่ยังไงยังงั้น
“เป็นไปได้ยังไง ! ? ทำไมเลือดของเขาถึงเป็นสีทอง ? ” เซียนผู้คุมกฎทุกคนที่เห็นถึงความประหลาดของเถี่ยต้าก็ตะโกนออกมาเช่นกัน
ท่าทางของเถี่ยต้าเปลี่ยนไปอย่างมากและขวานใหญ่ของเขาก็หายไปทันที เขาใช้มืออีกข้างกุมแผลไว้แน่นและบังเลือดสีทองของเขาเอาไว้ เขาไม่สบายใจ
เลือดสีทองเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของเถี่ยต้า มีเฉพาะเจี้ยนเฉินและหมิงตงเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่มีคนอื่นอีกเลย นี่เป็นเพราะพวกเจี้ยนเฉินกลัวว่าเถี่ยต้าจะถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์ประหลาดจากคนอื่น ถ้าคนอื่นรู้ว่าเลือดของเขานั้นเป็นสีทอง