ตอนที่ 946: ร่างบรรพกาลขั้นที่สาม (2)
บัลลังก์ใหญ่ที่ทำมาจากผลึกศักดิ์สิทธิ์ได้ค่อย ๆ หดตัวลง มันเปลี่ยนไปเป็นสายพลังงานบริสุทธิ์ที่เข้าไปในร่างกายของเจี้ยนเฉินภายใต้การสกัดของจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้า จากนั้นมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังบรรพกาลในตัวเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยังอยู่ในสภาวะขั้นต้นของร่างบรรพกาล ตราบใดที่เขามีพลังงานเพียงพอ เขาก็จะสามารถสกัดมันไปเป็นพลังบรรพกาลได้ ในขณะที่จิตวิญญาณกระบี่ก็คอยช่วยเพิ่มอัตราเร็วในการสกัดของเขา
ในขณะที่พลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉินค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เม็ดพลังของเจี้ยนเฉินก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วยเรื่อย ๆ เช่นกัน มันถึงขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว
บู้ม !
ทันนั้นเอง มีเสียงดังรุนแรงขึ้นในตันเถียนของเจี้ยนเฉิน มันเสียงดังและชัดมากที่แม้แต่คนด้านนอกยังได้ยิน เม็ดพลังบรรพกาลของเขาแตกกระจายออก และเปลี่ยนไปเป็นพลังบรรพกาลจำนวนมากที่ทำลายล้างอยู่ในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินสูดอากาศเข้าไปในขณะที่เขาต้านทานพลังบรรพกาลที่กำลังขยายขึ้นในอัตราที่เห็นได้อยู่ ในไม่ช้า เขาก็กลายเป็นยักษ์ที่สูง 10 เมตร
พลังบรรพกาลมหาศาลภายในร่างของเขาได้ทำลายล้างอย่างป่าเถื่อน และกระหน่ำไปทุกที่เหมือนน้ำท่วม
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่รุนแรงซึ่งเขาไม่เคยประสบมาก่อนมานานแล้วได้ทะลุเข้าไปในวิญญาณของเขาอีกครั้ง และกัดกินประสาทของเขาอย่างไม่ปราณี
เจี้ยนเฉินเคยประสบกับการตัดผ่านของร่างบรรพกาลมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายเนื่องจากเขามีประสบการณ์มาแล้ว เขาเริ่มที่จะควบคุมพลังบรรพกาลในร่างของเขาได้ทันทีและหมุนเวียนพลังไปในเส้นทางพิเศษที่กำหนดไว้แล้วที่บันทึกอยู่ในบัญญัติกระบี่นภา
พลังบรรพกาลภายในเขาค่อย ๆ เพิ่มความบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ปริมาณของมันก็ลดลง พลังบรรพกาลกำลังจะเปลี่ยนไปในขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
ในขณะที่พลังบรรพกาลกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ทำลายสมดุลภายในร่างกายของเจี้ยนเฉิน ร่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างเจ็บปวดไปถึงหัวใจทันทีในทุก ๆ ส่วนของร่างกายของเจี้ยนเฉิน เขาเริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
เจี้ยนเฉินกัดฟัน ไม่เพียงแต่ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงจะไม่ลดลงเท่านั้น มันยังเพิ่มขึ้นอีก แต่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงใออกมาในขณะที่เขาต่อต้านความเจ็บปวดที่เข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณกระบี่ยังไม่หยุดและสกัดบัลลังก์ใหญ่ต่อไป พวกมันให้พลังงานที่เพียงพอที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน
พลังบรรพกาลในร่างของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างกายของเขาก็เล็กลงเช่นกัน เขากลับไปสู่ขนาดปกติ แต่ในตอนนี้เขาปกคลุมไปด้วยเลือด เลือดถูกดันไหลออกมาจากทุกรูขุมขนของผิวหนังของเขา ในขณะที่เลือดแต่ละหยดเปล่งประกายไปด้วยคลื่นพลังงานที่ทรงพลัง มันเพียงพอที่จะฆ่าเซียนปฐพีได้อย่างง่ายดายทีเดียว
ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินถูกทำลายและฟื้นฟูไปด้วยอย่างเร็ว แต่ละครั้งที่มันรรักษาตัวเอง ความแข็งแกร่งของพลังบรรพกาลก็จะเข้าไปหลอมรวมด้วยเช่นกัน ร่างบรรพกาลของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเพิ่มขึ้นเชิงคุณภาพของพลังบรรพกาลของเขา
วิวัฒนาการของพลังบรรพกาลและร่างบรรพกาลเป็นต่อไปอย่างนี้ครึ่งเดือนก่อนที่พลังบรรพกาลด้านในเจี้ยนเฉินสงบลงในที่สุด มันหยุดบ้าคลั่ง ในขณะที่เม็ดพลังบรรพกาลขนาดเท่าหัวแม่มือไหลอยู่อย่างเงียบเงียบในปราณของเขา สายของพลังบรรพกาลที่ทรงพลังหมุดขดอยู่รอบ ๆ มันอย่างช้า ๆ
เสื้อผ้าของเจียนขาดรุ่งริ่ง ในขณะที่บัลลังก์ที่อยู่ใต้เขาก็ลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง เลือดที่ปกคลุมอยู่รอบตัวเขาก็หายไปเช่นกัน ซึ่งมันไหลกลับเข้าไปทางรูขุมขนของเขา
เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นช้า ๆ และยืนขึ้นจากบัลลังก์ทันที ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็เปล่งประกายออกมาจากเขา พลังแห่งการมีอยู่ของเขากลายเป็นน้ำวนที่กระแทกเข้าไปที่ผนังของโถงและทำให้มันสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินดูเหมือนสัตว์อสูรในยุคแรกเริ่มที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล เขาสามารถทำให้แผ่นดินสั่นไหวเพียงแค่ใช้พลังแห่งการมีอยู่เท่านั้น
“ยินดีด้วยในการสำเร็จขั้นที่ 3 ” จิตวิญญาณกระบี่พูดออกมาในเวลาเดียวกัน
เจี้ยนเฉินกำหมัดในขณะที่เขารู้สึกถึงพลังและร่างบรรพกาลที่แข็งแกร่งของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 ทำให้ข้าก้าวกระโดดจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7ไปเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ได้ ข้าได้ผ่านมา 4 ระดับ จากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 และที่ 9 และผ่านระดับเซียนราชาชั้นสวรรค์ 1 และที่ 2 ไป” เจี้ยนเฉินพึมพำ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ยากที่จะเก็บเอาไว้ได้
เขาพลิกมือและยุทธภัณฑ์ราชาก็เข้ามาอยู่ในมือของเขา พลังบรรพกาลถูกถ่ายลงไปที่ยุทธภัณฑ์ราชา และทำให้มันเปล่งประกายสีดำจ้าออกมาทันที กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างเติมเต็มไปทั่วทั้งโถง ทำให้มันสั่นไหว
“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ยุทธภัณฑ์ราชาเพิ่มความแข็งแกร่งของข้าไป 2 ระดับเท่านั้นในตอนนี้”
ในตอนที่เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ยุทธภัณฑ์ราชาเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาให้เทียบเท่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 มันเทียบเท่ากับ 5 ระดับการฝึกฝน แต่ในตอนนี้เขาได้อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 3 ด้วยตัวเองแล้ว ยุทธภัณฑ์ราชาก็เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาไป 2 ระดับการฝึกฝนเท่านั้น ผลของมันลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง
“ยิ่งข้าแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไร ระยะห่างระหว่างระดับการฝึกฝนก็ยิ่งมากตามไปเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นที่ทำให้ยุทธภัณฑ์เพิ่มความแข็งแกร่งของข้าได้เล็กน้อย ข้าอยากรู้ว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนถ้าข้าใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาเลิกคิดอย่างรวดเร็ว และดึงเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาจากแหวนมิติของเขาและใส่มันเข้าไป หลังจากนั้น เขาก็ออกไปจากโถงที่เขาอยู่มาหลายปี
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจบัลลังก์ที่ลดขนาดลง เขาวางแผนที่จะใช้มันอีกครั้งในอนาคตเพื่อที่จะสกัดพลังบรรพกาล เขาจำเป็นที่จะต้องหายุทธภัณฑ์จักรพรรดิในตอนนี้เพื่อใช้มันในการป้องกันไม่ให้ไทนิชควบคุมโถงได้
เจี้ยนเฉินเห็นนูบิสในแวบแรกทันทีที่เขาออกมาจากโถง ความแข็งแกร่งของนูบิสเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ในตอนนี้เขาได้ดูดแกนลับซึ่งอยู่ในงูแก่จนหมดแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเซียนราชาเท่านั้น แต่เขายังเป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 2 แล้วด้วย
ตาของนูบิสหรี่เล็กลงทันทีที่เขาเห็นเจี้ยนเฉิน เขาตะโกนออกมา “เจี้ยนเฉิน เจ้าอยู่ในระดับการฝึกฝนอะไรแล้วในตอนนี้ ? ข้ามองเจ้าไม่ออกเลยและข้ารู้สึกถึงความกดดันอย่างมากจากเจ้าด้วย พระเจ้า ไม่ใช่ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าเกินกว่าของข้าไปแล้วและหรือในเวลา 5 ปีสั้น ๆ นี้ ? “
“ข้าสำเร็จเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่สามแล้วในตอนนี้” เจี้ยนเฉินยิ้ม
“อะไรนะ! ชั้นสวรรค์ที่ 3 ! ปะ เป็นไปได้อย่างไรกัน ! ? มันเป็นเวลาเพียง 5 ปีสั้น ๆ เท่านั้นและเจ้ายังกลายเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 จากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 นั่นมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ” นูบิสจ้องไทปี่เจี้ยนเฉินอย่างประหลาดใจ เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เขายากที่จะยอมรับในความเร็วในการเติบโตของความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉิน
ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา นูบิสพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะการการดูดซับแกนลับในตัวงูแก่ แต่เจี้ยนเฉินก็ก้าวเหนือผ่านเขาไปด้วยการฝึกฝนด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้กระเทือนใจของนูบิสมาก
“เจี้ยนเฉิน เจ้าอายุเพียง 30 ปีในตอนนี้ เซียนราชาอายุ 30 ปี ถะ ถะ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงคนอื่นหล่ะก็ ทั้งอาณาจักรทะเลและทวีปเทียนหยวนจะต้องโกลาหลแน่” นูบิสพูดออกมาในขณะที่เขาถอนหายใจออกมาอย่างมีอารมณ์
“ทวีปเทียนหยวน…” เจี้ยนเฉินไขว้เขวเมื่อเขาได้ยินชื่อทวีปเทียนหยวน ความโหยหาท่วมท้นอยู่ในดวงตาของเขา อย่างไรก็ตาม เขากลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สายตาของเขาก็กลับมาแน่วแน่อีกครั้ง เขาพูด “นูบิส พวกเราไปกันเถอะ พวกเราจะให้เวลาไทนิชมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เจี้ยนเฉินและนูบิสออกจากมิติของวัตถุเซียนไปพร้อม ๆ กัน และปรากฏขึ้นที่ชั้นที่เก้าของโถงอีกครั้ง ใกล้ ๆ กัน หินปีศาจสูงสุดลอยอยู่กลายอากาศพร้อมทั้งส่องแสงสีแดงอ่อนอ่อน
วัตถุเซียนกลายเป็นแสงสีทองหายเขาไปในหน้าผากของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินมองไปที่หินปีศาจสูงสุดแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาติดอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและไม่ว่าเขาจะออกไปได้หรือไม่ได้ก็เป็นปัญหาทั้งนั้น เขาไม่มีเวลาหรือพลังงานในการที่จะคิดถึงเรื่องอื่นอีก
นูบิสมองไปบนเพดานที่กึ่งกลางของโถงศักดิ์สิทธิ์และพูดออกมา “ดูเหมือนโถงศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้ถูกควบคุมง่าย ๆ นะ ไทนิชยังทำไม่สำเร็จ เจี้ยนเฉิน ทำไมพวกเราไม่ทำลายทางเข้าเข้าไปตอนนี้เลยล่ะ ? “
“ความแข็งแกร่งของพวกเราเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มันก็ยังห่างไกลนักจากการที่จะทำลายทางเข้าได้ พวกเราจำเป็นต้องหายุทธภัณฑ์จักรพรรดิให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมันอยู่ในมือของข้าแล้ว ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ข้ากคงมั่นใจมากขึ้นในการทำลายทางเข้า” เจี้ยนเฉินพูดเสียงแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดมาก
“เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเราไปหายุทธภัณฑ์จักรพรรดิกัน” นูบิสพูด
เจี้ยนเฉินและนูบิสออกจากชั้นที่เก้าไปทันทีไปยังชั้นที่แปด พวกเขามองไปรอบ ๆ เรื่อย ๆ และหาร่องรอยของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อาจจะมีเหลืออยู่
ทั้งสองกลับไปชั้นที่แปดอย่างรวดเร็ว กับดักได้หายไปแล้ว แต่เสาสีเลือดทั้งเก้ายังเหลืออยู่
ทันทีที่พวกเขาไปถึงชั้นที่แปด เสานั้นส่องแสงไปด้วยแสงสีแดงจ้าและกับดักก็ทำงานอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ เจี้ยนเฉินและนูบิสยังคงใจเย็นอยู่ เจี้ยนเฉินพลิกฝ่ามือและยุทธภัณฑ์ราชาก็ปรากฏขึ้นมาที่มือของเขา เขาฟันออกไปและยิงปราณกระบี่ที่ทรงพลังไปที่หนึ่งในเสาในขณะที่อาวุธเปล่งประกายไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
บู้ม !
เสาแตกกระจายเสียงดัง มันถูกทำลายและกับดักก็ถูกทำลายทันทีและแสงสีแดงโลหิตในอากาศก็ค่อย ๆ หายไปช้า ๆ เจี้ยนเฉินทำลายอาคมด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนที่กับดักจะได้ทำงานอย่างเสร็จสมบูรณ์
เจี้ยนเฉินเก็บยุทธภัณฑ์ราชาเข้าไปและมองไปรอบ ๆ เขาเริ่มที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาพึมพำออกมา “ไม่มีวี่แววของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเลย มันหนีไปที่ไหนกันนะ ? “
“พวกเราไม่พบร่องรอยของมันเลยแม้แต่น้อยตอนที่พวกเรามาที่นี่จากชั้นที่เก้า ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไม่ได้หายไปเฉย ๆ ใช่หรือไม่ ? ” คิ้วของนูบิสขมวดเล็กน้อยเช่นเดียวกันกับที่เขาถามออกมาด้วยความสับสน
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สักพักในขณะที่เขามองไปยังทางที่ไปยังชั้นที่เจ็ด เขาพูดออกมา “พวกเราลงไปกันเถอะ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิน่าจะคุ้นเคยกับโถงนี้ดี ดังนั้นข้าเดาว่า มันต้องใช้เส้นทางที่พวกเราไม่รู้ในการออกจากโถงไป มันต้องอยู่ด้านนอกแน่แน่”