ตอนที่ 958: แก้แค้น
“ใครก็ได้ ไปเรียกแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และหลี่เฟิงซินมา” ผู้อาวุโสประจำศาลาสั่ง
ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสที่สภาพย่ำแย่ก็บินออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ และให้สี่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์และหลี่เฟิงซินออกมาด้านนอก
พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังห้าดวงได้เปล่งรัศมีออกมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์ และสี่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์และหลี่เฟิงซินก็บินออกมา แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ถูกแอตแลนติสจับไปถูกพากลับมาที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษแล้วพร้อมกับค่าไถ่ก้อนโต
ตาของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยจิตสังหารเมื่อเขาเห็นศัตรูเก่าของเขา เขาจ้องไปที่ทั้งห้าคน
เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์และหลีเฟิงซินรู้สถานการณ์ตอนนี้แล้ว ท่าทีของพวกเขาน่ากลัวและเคร่งเครียด
“พวกเราขอคารวะท่านผู้อาวุโสประจำศาลา” ทั้งห้าคนป้องมือพร้อมกันไปที่ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งหกคน
“แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ หลี่เฟิงซิน นักรบเจี้ยนเฉินต้องการที่จะท้าประลองกับพวกเจ้า พวกเจ้าจะสู้กับเขาในฐานะเป็นตัวแทนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูด พร้อมถอนหายใจเล็กน้อย
พวกเขาทั้งหมดห้าคนมองไปทางโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดที่ใหญ่โตเมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้น พวกเขาทั้งหมดทำหน้าขมขื่น
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาที่เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นด้านนอก อย่างไรก็ตาม พวกเขายากที่จะยอมรับว่าเจี้ยนเฉินที่เคยไร้พลังต่อหน้าพวกเขาเมื่อหลายปีมาแล้ว จะน่ากลัวแบบนี้ในตอนนี้ เมื่อเขามีโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด แม้แต่ผู้อาวุโสประจำศาลาทั้งหกยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
เจี้ยนเฉินปรากฏออกมาที่ทางเข้าของโถงศักดิ์สิทธิ์และพูดกับผู้อาวุโสแระจำศาลาทั้งหกคน “ข้าหวังว่าจะไม่มีใครมายุ่งกับการต่อสู้ของข้ากับพวกเขานะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ยอมจบเรื่องเพียงเท่านี้แน่ ข้าจะสร้างความวุ่นวายใหญ่โตให้กับศาลาเทพเจ้าอสรพิษ”
“โดยปกติแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ไม่มีใครจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษที่เข้าจะร่วมต่อสู้ยกเว้นห้าคนนั้น” ผู้อาวุโสประจำศาลาพูดด้วยใบหน้าที่หมองหม่น ศาลาเทพเจ้าอสรพิษของพวกเขาได้ถูกเยาะเย้ยเพื่อจากสถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เจี้ยนเฉินบินออกมาพร้อมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือของเขา เขาไม่ได้เก็บโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดไป และปล่อยให้มันลอยอยู่กลางอากาศเหนือทุกคน มันเหมือนเมฆดำ ที่ทำให้รอบ ๆ ดำไปหมด
“แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ ของที่พวกเจ้าขโมยข้าไปเมื่อหลายปีก่อนอยู่ไหนแล้ว ? ” เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ฉีกเสื้อของเขาออกซึ่งเผยให้เห็นถึงเกราะไหมสีทองด้านใน เขาพูดอย่างเย็นชา “ข้าใส่มันอยู่ ถ้าเจ้ามีฝีมือก็มาเอาไปเลย”
สายตาของเจี้ยนเฉินยิ่งเย็นชากว่าเดิม “เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะใส่มัน ข้าจะเอามันคืนมาแบบเดียวกันกับที่เจ้าเอามันไปจากข้าถ้างั้น มาเลย พวกเจ้าทั้งห้าคน”
เมื่อได้เห็นว่าเจี้ยนเฉินต้องการจะสู้กับพวกเขาทั้งห้าคนพร้อมพร้อมกันอย่างเย่อหยิ่ง หลี่เฟิงซินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “เอาล่ะ เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถอนคำพูดทีหลังนะ” หลี่เฟิงซินหันไปที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และเหยียดออกมา “พวกเราไปสอนบทเรียนหนักหนักให้เจ้าหนูยโสโอหังนี่กัน”
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เหยียดพร้อมยินดีในใจ พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินในตอนนี้แข็งแกร่ง มันยากที่พวกเขาจะเอาชนะได้ในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยืนยันโจ่งแจ้งว่า เขาต้องการที่จะสู้กับทั้งห้าพร้อมกัน นี่ทำให้พวกเขามั่นใจ
หลีเฟิงซินเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6 สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรทะเล ในขณะที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 และใช้การโจมตีประสาน ทั้งสี่คนร่วมมือกันมาหลายปีและมีความเข้าใจในยุทธวิธีการต่อสู้อย่างดี เมื่อพวกเขาทั้งห้าต่อสู้พร้อมกัน พวกเขาสามารถเอาชนะได้แม้แต่เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ที้งสี่และหลี่เฟิงซินทั้งหมดเป็นสัตว์อสูร และอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็คือกรงเล็บ มือของพวกเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรใหญ่และบางคนเป็นกรงเล็บหมีขนดำทันที ซึ่งพวกเขาก็เหวี่ยงมันออกมาพร้อมกัน พลังงานที่ทรงพลังต่อเนื่องได้พุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินเหวี่ยงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไปและปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวใหญ่ก็พุ่งออกไป มันทำให้การโจมตีทั้งห้านั้นหายไป
“การโจมตีแบบนี้ทำให้ข้าบาดเจ็บไม่ได้หรอก แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดทำได้เท่านี้งั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา
สายตาของพวกแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และหลี่เฟิงซินทั้งหมดเป็นประกายดุร้าย พวกเขาทั้งหมดคำรามในขณะที่พลังงานมหาศาลก็พุ่งพวยออกมาจากพวกเขา มันขดรอบ ๆ พวกเขาและกลายเป็นมังกรอสรพิษยาว 3 เมตร 4 ตัวอย่างช้าช้า และยังมีหมีดำใหญ่อีก 1 ตัว
โฮก ! หมีดำคำรามแสบหูออกมาและยืนสี่ขาและพุ่งเข้าไปอย่างน่ากลัวที่เจี้ยนเฉิน
มังกรอสรพิษทั้งสี่ที่หนาแน่นไปด้วยพลังงานคำรามขึ้นไปที่ท้องฟ้าอย่างโกรธเกรี้ยวเช่นกัน ก่อนที่มันจะหลอมรวมกันอย่างช้าช้า
หมีดำก็เต็มไปด้วยพลังงานที่มหาศาลและพลังธรรมชาติ มันพุ่งอย่างเร็วและไปถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตา
เจี้ยนเฉินฟันไปที่หมีดำด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่เปล่งแสงสีดำจ้าที่อยู่ในมือของเขาออกไป เขายังคงสงบนิ่ง
ก่อนที่ปราณกระบี่จะปะทะเข้ากับหมีดำ หมีดำก็ระเบิดกลางอากาศไปด้วยแสงเสียดหู พายุพลังงานที่น่ากลัวเกิดขึ้นและเริ่มทำลายไปรอบ ๆ มันทำให้มิติรอบ ๆ บิดเบี้ยวและกลายเป็นภาพลางลาง
ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เจี้ยนเฉินพุ่งถอยกลับไปด้วยแรงของพายุพลังงาน นี่เป็นผลมากจากการโจมตีที่แรงที่สุดของหลีเฟิงซิน เจี้ยนเฉินไม่สามารถจะป้องกันมันเมื่ออยู่กลางอากาศได้
ในตอนนี้เอง ได้มีร่างพุ่งออกมาจากกึ่งกลางของการระเบิดไปที่เจี้ยนเฉิน กีงเล็บหมีใหญ่ 2 กรงเล็บที่เปล่งรัศมีไปด้วยพลังงานที่มหาศาลได้ตวัดไปที่คอและหัวของเจี้ยนเฉิน
ปากของเจี้ยนเฉินบิดไปด้วยรอยยิ้มเหยียด ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเขากลายเป็นแสงสีดำทันทีในขณะที่เขาสวนกลับการโจมตี
หลี่เฟิงซินตะโกนออกมา และกรงเล็บทั้งสองของเขาก็เปลี่ยนทิศทางไปจับที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเจี้ยนเฉิน ทั้งสองอาวุธเคลือบไปด้วยพลังงานที่ทรงพลัง เขาต้องการที่จะจับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเจี้ยนเฉินถ้ามีโอกาส
อย่างไรก็ตาม ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไม่ใช่อะไรที่จะถูกจับได้ง่ายดายขนาดนั้น ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เสียงขูดของเหล็กก็ดังออกมาและพลังที่รุนแรงก็ทำให้มือของเขาชา
ควับ !
ก่อนที่หลี่เฟิงซินจะทันได้ตอบโต้อะไร การโจมตีที่สองของเจี้ยนเฉินก็มาถึง ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็เปล่งแสงเป็นประกายสีดำผ่านกรงเล็บของเขาไป มันทำให้เล็บของเขาหดสั้นลง
“อ้าก ! ” หลี่เฟิงซินร้องออกมาอย่างเวทนา เขาใช้มือที่เหลืออยู่ของเขาจับไปที่กรงเล็บก่อนที่จะถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เจี้ยนเฉินกำลังจะไล่ตามเขาไป เสียงคำรามเสียดหูก็ดังขึ้นมา มังกรอสรพิษ 4 ตัวที่ถูกควบแน่นโดยแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นมังกรอสรพิษยาว 3,000 เมตรที่พุ่งอย่างมุ่งร้ายไปที่เจี้ยนเฉิน
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ร่ายทักษะลับด้วยกัน พลังและความยิ่งใหญ่ของมังกรเพียงพอที่จะทำให้เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 6 ได้รับบาดเจ็บหนักได้ และแม้แต่เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ยังต้องจริงจังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน
เจี้ยนเฉินยังคงนิ่งเฉย เขาโจมตีออกไปแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ในขั้นสูงสุดและใกล้เคียงกับชั้นสวรรค์ที่ 8 มาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับมังกรดำนั้นมากแม้ว่ามันจะมีพลังมหาศาล
เจี้ยนเฉินเหวี่ยงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไปด้วยกำลังทั้งหมดและสร้างปราณกระบี่ใหญ่ขึ้นมาเพื่อไปปะทะกับมังกรดำ มันปะทะกันอย่างแรงกลางอากาศ
รอบ ๆ มืดลงทันทีจากพลังงานที่รุนแรงที่เหลืออยู่จากการระเบิด ครั้งนี้ การปะทะระหว่างการโจมตีที่สุดยอดทั้งสองเพียงพอที่จะทำลายล้างรอบ ๆ ได้อย่างหมดสิ้น น้ำทะเลด้านบนเริ่มที่จะปั่นป่วนอย่างรุนแรงและทำให้เกิดคลื่นใหญ่ที่พื้นผิวของทะเล
ปราณกระบี่และมังกรดำขยายตัวขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะกระจายหายไปในที่สุด
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เคร่งเครียดมากกว่าเดิม การโจมตีที่เต็มกำลังของจากพวกเขาทั้งสี่ถูกหักล้างไปได้โดยง่ายจากเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้สึกถึงความแย่ในใจที่สถานการณ์เปลี่ยนไปขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ของพวกเขาทำให้พวกเขาประหลาดใจ
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาและไปถึงที่ตรงหน้าของทั้งสี่ในพริบตา มือของเขาตวัดยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอย่างแรงและมันก็เปลี่ยนไปเป็นภาพติดตาที่ล้อมแม่ทัพทั้งสี่เอาไว้ เขาโจมตีอย่างต่อเนื่องออกไปที่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปด้วยชั้นของเกล็ด ในขณะที่มือของพวกเขาในตอนนี้เป็นกรงเล็บของมังกรอสรพิษ พวกเขาใส่พลังทั้งหมดเพื่อป้องกันการโจมตีจากเจี้ยนเฉิน ในขณะที่กรงเล็บของพวกเขาหุ้มไปด้วยชั้นพลังงาน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉินในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ทุกการแทงมีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ดังนั้นพวกเขาจึงต้านไว้ได้เพียงแค่ 2 การโจมตีเท่านั้น กรงเล็บของพวกเขาถูกตัดออกทีละคนโดยเจี้ยนเฉิน ในขณะที่พวกเขาคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดต่อเนื่อง
ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้ฟันผ่านร่างของพวกเขาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่กรงเล็บของพวกเขาหายไปแล้ว และมันได้ทิ้งแผลหนักจำนวนมากไว้ที่ร่างกายของพวกเขา
เจี้ยนเฉินไม่รีบฆ่าพวกนั้น กลับกัน เขาทรมานพวกนั้นเพื่อความสะใจ เขาต้องการที่จะมอบความเจ็บปวดกลับคืนไปให้มากกว่าที่เขาได้รับมาเป็นร้อยเท่าจากสิ่งที่พวกนั้นทำเมื่อหลายปีก่อน