CLS ตอนที่ 177: รางวัล
และตอนนี้เอง ได้มีผู้เชี่ยวชาญเดินเข้ามาพร้อมกับคนอีกหลายคน เมื่อเขาเห็นจู้เทียนหงก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าตระกูลจู้ ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ทราบว่าคราวนี้ท่านเตรียมตัวมายังไงบ้าง? ถ้าเป็นเหมือนก่อนหน้าที่ผลออกมาไม่ดีเท่าไหร่ มันจะน่าอับอายซะเปล่าๆ”
“เจ้าตระกูลหวัง คราวนี้ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราเตรียมตัวกันมาอย่างดีแล้ว” จู้เทียนหงสีหน้าเย็นชา ท่าทางที่มีต่อเจ้าตระกูลหวังไม่เป็นมิตรอย่างมาก
“ก็ดี หวังว่าคราวนี้ท่านจะเป็นผู้ชนะนะ….. หือ แล้วเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน อย่าบอกข้านะว่าเขาเป็นนักสลักอาคมที่ท่านจะส่งเข้าร่วมประลองในคราวนี้?” เมื่อเจ้าตระกูลหวังเห็นอี้เทียนหยุนก็อดไม่ได้ต้องยิ้มออกมา “ท่าทางดูนุ่มนิ่มอ่อนแอเสียจริง….. อยากมากคงจะเป็นนักสลักอาคมชั้น 2 อย่างนั้นสินะ?
อี้เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ๆ ไม่แสดงสีหน้าอะไร ค่าความชั่วของเขามีค่อนข้างสูง ทำให้ง่ายที่จะดึงดูดความเกลียดชัง แม้ว่าเขาจะยืนอยู่เฉยๆ แต่ระบบก็ยังหาเรื่องมาให้เขาจนได้ ไม่รู้ว่ามันทำงานแบบไหน ถ้าเป็นแบบเปิดใช้งานตลอด แล้วมันคำนวณมาจากอะไร?
“เรื่องนี้ท่านไม่จำเป็นต้องรู้!” จู้เทียนหงแค่นเสียงออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการเปิดเผยความลับของอี้เทียนหยุน
“เจ้าตระกูลจู้ ท่านก็อย่ากังวลนักเลย ข้าก็แค่อยากจะเตือน ข้าพึ่งนึกออก ก่อนหน้านี้ที่ท่านเชิญคนนอกมาช่วยผลลัพธ์ไม่ดีนัก ตอนนี้กลับส่งเด็กหนุ่มอย่างนี้มาอีก ถ้าเจ้าตระกูลจู้ขาดคนนักล่ะก็ ข้าสามารถส่งคนมาช่วยท่านได้นะ อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าให้เด็กหนุ่มอย่างนี้ลงแข่ง จริงไหม?” เจ้าตระกูลหวังยิ้มอย่างดูถูก เห็นได้ชัดว่าไม่ถูกกับเจ้าตระกูลจู้
“ข้าจะทำอะไรมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่าน!” จู้เทียนหงตอบกลับออกไป แต่ถ้าพูดไปแล้ว เมื่อเทียบกับคนที่เจ้าตระกูลหวังเชิญมา พวกนั้นระดับแย่กว่ามากจริงๆ
“แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าก็แค่เป็นห่วงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างท่านก็เท่านั้น…. ฮ่าๆๆ!” เจ้าตระกูลหวังโบกพัดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง “พวกเราไป การแข่งขันใกล้จะเริ่มแล้ว”
“พวกเราไป!” จู้เทียนหงใบหน้าเย็นชาสุดๆ นำคนเดินเข้าไปข้างใน
อี้เทียนหยุนหรี่ตาสำรวจรอบๆ ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ภายในของตำหนักซิงเฉินนี้แย่มากจริงๆ ตอนนี้ได้มาเห็นกับตาแล้วนับว่าจริงอย่างที่ว่า
หลังจากหยุดพักเล็กๆ พวกเขาก็เข้ามายังสถานที่ที่ใช้ประลอง
อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปในที่ประลอง รอบๆ นั่งไว้ด้วยคนหลายคน ที่นี่แยกไปตามแต่ละเขต ในแต่ละเขตล้วนแต่มีตระกูลคอยจัดการ
จำนวนตระกูลในตำหนักซิงเฉินนี้ไม่มากเท่าไหร่ มีเพียงแค่ 5 ตระกูลเท่านั้น และแต่ละตระกูลต่างก็ส่ง 5 นักสลักอาคมลงแข่งขัน ซึ่งแต่ละคนสามารถส่งผู้ช่วยลงไปช่วยได้ แต่จำกัดจำนวนผู้ช่วยอยู่ที่ไม่เกิน 5 คน
เมื่อนับๆ ดู จำนวนทั้งหมดก็จะเป็น 25 คน จำนวนนี้นับว่าไม่มากเท่าไหร่ แต่จากที่เจ้าตระกูลหวังพูดก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าตระกูลจู้หาคนมาได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น สามารถจินตนาการได้ว่าระดับของเขานั้นน่าผิดหวังแค่ไหน
อี้เทียนหยุนกวาดตามองรอบๆ คนที่มาในวันนี้เยอะมาก ดูแล้วอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ น้อยสุดอยู่ที่ประมาณ 23-24 ปี มากสุดไม่เกิน 30 ปี ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีการจำกัดอายุ ถ้าเกิดไม่มีการกำหนดอายุ เกิดปรมาจารย์สลักอาคมเข้าร่วมด้วย แบบนั้นพวกเขาไม่ตายเหรอ?
“นี่เป็นตราตัวแทนของเจ้า เป็นเครื่องหมายว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลจู้เรา” จู้เทียนหงส่งตราให้กับเขา ตรานี้มีตัวอักษร “จู้” สลักอยู่ เป็นเครื่องหมายแทนตัวของตระกูลจู้
การแข่งขันภายในนี้ ผู้ตัดสินคือเจ้าตำหนักสาขาใหญ่ เพื่อเป็นการตรวจสอบระดับของสาขาทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ระดับของเขาจึงไม่ต่ำ นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสลักอาคมที่เก่งกาจทีเดียว! ยิ่งกว่านั้น เพื่อที่จะเป็นผู้ตัดสินได้ เขายังมีระดับที่น่าตื่นตะลึงอีกด้วย ระดับของเขาก็คือระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2!
นี่เข้ากฎที่ว่าพลังเป็นใหญ่ ระดับของเจ้าตำหนักสาขาใหญ่ที่มีระดับผันแปรวิญญาณ แม้ว่าเขาจะคาดไว้แล้ว แต่เมื่อมาเห็นกับตา ก็ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกตกใจอยู่ดี
นี่คืออำนาจของขุมกำลังชั้น 3 เจ้าตำหนักของแต่ละสาขาต่างก็อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณ ไม่ต่ำไม่สูง แต่ก็ไม่มีใครต่ำกว่าระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 5 ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นระดับผู้จัดการ แต่นี่ก็เป็นเพียงยอมของภูเขาน้ำแข็ง เมื่อนับรวมพลังทั้งหมดแล้ว พลังของพวกเขากระทั่งแข็งแกร่งว่าวังชิงเซวียน
สามารถจัดการตำหนักที่มูลค่าขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมไม่ขาดอำนาจ เพื่อที่จะปกป้องขุมสมบัติ อย่างแรกที่ต้องมีคือความแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถรักษาสมบัติในมือได้
อี้เทียนหยุนรับตรามา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นถาม “หัวข้อการประลองคราวนี้คืออะไร?”
จู้เทียนหงส่ายหัว จากนั้นก็พูดว่า “จากสถิติแล้ว หัวข้อการประลองจะเป็นอะไรนั้น ไม่มีใครรู้ นอกเสียจากตัวเจ้าตำหนักใหญ่เอง”
ในขณะที่แต่ละตระกูลกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บนเวทีที่อยู่ไม่ไกลก็ได้มีชายชราเดินขึ้นมา พร้อมกับรุ่นเยาว์คนอื่นๆ อีกสองสามคนเดินขึ้นมา พร้อมกับนั่งบนเวทีด้วย และในตอนนี้ เสียงพูดคุยของทุกคนก็ได้หยุดลง ทำให้พริบตานี้กลายเป็นเงียบสงบ
ชายชราคนนี้คือเจ้าตำหนักใหญ่ของตำหนักซิงเฉิน เรียกว่าหลี่เทียนหลง คนที่ขึ้นมาด้วยกันกับเขาคือผู้จัดการสาขาใหญ่ ซึ่งระดับของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา เป็นถึงอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 เป็นไปไม่ได้ที่หลี่เทียนหลงจะตรวจสอบทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องให้ผู้จัดการพวกนี้ช่วยตรวจสอบด้วย
เพียงแค่อาจารย์สลักอาคมชั้น 5 ก็เพียงพอที่จะสำเร็จภารกิจนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
หลี่เทียนหลงยืนอยู่บนเวที พร้อมกับกวาดตามองทุกคนอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนต้องสูดหายใจอย่างหนัก ไม่เสียทีที่ฝึกฝนพลังวิญญาณ พลังวิญญาณระดับนี้ไม่สามารถต่อต้าน เพียงแค่การปรายตามองเบาๆ ก็เพียงพอที่จะสังหารคนกลุ่มหนึ่งทิ้งได้ง่ายๆ เลย
หลังจากกวาดตามองคราหนึ่งแล้ว เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “การประลองภายในกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ข้าขอประกาศรางวัล 3 อันดับแรกก่อน!” หลี่เทียนหลงไม่พูดเรื่องไร้สาระ มาถึงก็ประกาศรางวัลของ 3 อันดับแรกในทันที
“อันดับที่ 1 จะได้เข้าไปฝึกฝนที่สระเทียนหลิงยี่เป็นเวลา 5 วัน!”(สระสวรรค์วิญญาณหยก ไม่รู้ว่าจะแปลยังไง)
“อันดับที่ 2 จะได้รับประสบการณ์การฝึกฝนสลักอาคมของข้า!”
“อันดับที่ 3 จะได้รับพู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณ!”
รางวัล 3 อันดับแรกน่าสนใจมาก สระเทียนหลิงยี่เป็นสถานที่ฝึกฝนในตำนาน เพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่รวบรวมพลังวิญญาณไว้มากมาย จากนั้นก็กลั่นเป็นของเหลว การที่ได้แช่ตัวในนั้นเป็นเวลา 5 วัน สามารถจินตนาการได้เลยว่าพลังวิญญาณที่ดูดซับได้จะมากมายขนาดไหน มันสามารถทำให้ระดับพลังที่ฝึกฝนก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนรางวัลอันดับที่ 2 ก็ไม่ได้แย่เช่นกัน หลี่เทียนหลงเป็นอาจารย์สลักอาคม ประสบการณ์ด้านการฝึกฝนของเขานั้น แน่นอนว่าราคาของมันจะต้องไม่ต่ำแน่ คนธรรมดากระทั่งไม่มีสิทธิ์ถาม
ส่วนอันดับที่ 3 นั้นจะได้รับพู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณ พู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณนี้ ราคาของมันแพงกว่าอาวุธระดับจิตวิญญาณธรรมดามาก อี้เทียนหยุนสามารถหลอมศาสตราจิตวิญญาณได้ แต่ถ้าจะให้เขาหลอมพู่กันสลักอาคมระดับจิตวิญญาณ อัตราสำเร็จของมันจะต้องตกลงขั้นใหญ่อย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม ของรางวัลสองอย่างหลังนั้นอี้เทียนหยุนรู้สึกสนใจ ประสบการณ์ด้านการสลักอาคม เพียงเนตรสวรรค์ที่เย่ชิงเสวียนมอบพร้อมกับความรู้ด้านการสลักอาคมที่ฝังอยู่ในสมองก็ทำให้เขาท้าทายสวรรค์มากเกินพอแล้ว มันไม่ใช่อะไรที่อาจารย์สลักอาคมผู้นี่จะเทียบเคียงได้ นี่เป็นหัวใจสำคัญของทั่วทั้งเผ่าภูติ ความสำคัญมันต่างกัน
มีเพียงสิทธิ์ในการเข้าไปฝึกฝนในสระเทียนหลิงยี่ 5 วันเท่านั้นที่น่าสนใจ เพราะที่นั่นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ด้วยวิชามหาเวทดูดดาวที่เขามี นั่นหมายความว่านั่นคือค่าประสบการณ์กองใหญ่! ทั้งยังมีสิทธิ์อยู่ในนั้นได้ถึง 5 วัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง จริงไหม?
“รางวัลของอันดับที่ 1 นั้นยอดมากจริงๆ มีสิทธิ์เข้าไปฝึกฝนในสระเทียนหลิงยี่อย่างงั้นเหรอ!”
“ของอันดับ 2 ก็ดีเหมือนกัน ประสบการณ์การฝึกฝนด้านการสลักอาคมของเจ้าตำหนักใหญ่ ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อได้!”
“ช่างเถอะ ขอแค่ติด 1 ใน 8 ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าว่าแต่ 3 อันดับแรกเลย……”
แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะไม่สนใจ แต่กับคนอื่นนั้นไม่ใช่ พวกเขาตื่นเต้นกันมาก ในดวงตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หวังว่าตัวเองจะชนะการประลองนี้โดยเร็ว
กลุ่มคนพร้อมที่จะลงประลองแล้ว แม้ว่าจะประกาศเพียงแค่ 3 อันดับแรกเท่านั้น แต่อันดับอื่นๆ ก็มีของรางวัลให้เช่นกัน เพียงแต่เป็นรางวัลภายใน ยิ่งได้ตำแหน่งสูง ยิ่งนำเกียรติมาสู่ตระกูลของตน นี่คือการแข่งขัน
ไม่จำเป็นต้องติด 1 ใน 3 ตราบเท่าที่เหนือกว่าตระกูลอื่นๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
คนรักหน้าตา ขณะที่ต้นไม้ห่วงเปลือก นี่ก็คือความจริง
หลี่เทียนหลงเห็นความตื่นเต้นที่ทุกคนแสดงออกมาก็รู้สึกพึงพอใจ รางวัลนี้จะว่าสูงก็ไม่สูง จะว่าต่ำก็ไม่ต่ำ มันเป็นแค่วิธีการเท่านั้น