CLS ตอนที่ 179: หัวเราะเยาะ
เมื่อมาถึงตรงนี้ เวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางคนก็ได้ทำเสร็จแล้ว และคนที่น่าสนใจที่สุดในรอบแรกนี้ก็คือศิษย์ของวังเสินเหวิน หลินหลี่ เขาเป็นคนที่ทำเสร็จเป็นคนแรก ทำให้เป็นที่สนใจของทุกคน ไม่เสียทีที่เป็นถึงอัจฉริยะจากวังเสินเหวิน ทำเสร็จเร็วมาก
“ผู้ช่วยที่เจ้าตระกูลหวังหามาในคราวนี้ช่างน่าตื่นตะลึงจริงๆ เสร็จเป็นคนแรกเลย!” เจ้าตระกูลที่อยู่ใกล้ๆ พูดประจบเอาใจ
“ชื่อเสียงของวังเสินเหวินใครบ้างจะไม่รู้จัก ถ้าทำไม่ได้ถึงระดับนี้ แล้วยังจะถูกเรียกว่าคนของขุมกำลังชั้น 3 ได้ยังไง?” เจ้าตระกูลหวังยิ้ม รู้สึกสุขสลายไปทั้งตัว ทั้งยังไม่ลืมเหลือบไปมองจู้เทียนหง อยากจะเห็นว่าจู้เทียนหงทำสีหน้ายังไง
ใบหน้าของเขาดำคล้ำ คนที่เขาเชิญมา พวกเขาทำได้ช้ามาก ไม่สามารถเอาไปเทียบกันได้ โดยเฉพาะอี้เทียนหยุนที่ช้าเป็นพิเศษ ทำให้เห็นความต่างได้อย่างชัดเจน
วังเสินเหวิน หลินหลี่ ก็ถูกความเชื่องช้าของอี้เทียนหยุนดึงดูดเข้า เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนวาดค่ายกลอย่างระวังก็หัวเราะออกมาแล้วพูดเสียงดังว่า “ไม่รู้ว่าตระกูลไหนส่งมากัน เด็กขนาดนี้ยังกล้าให้ขึ้นมา ไม่รู้อยู่ชั้นไหน อย่างมากคงจะเป็นนักสลักอาคมชั้น 2 ใช่ไหม?”
เขาเห็นอี้เทียนหยุนวาดอาคมได้ช้ามากๆ จึงอดไม่ได้ต้องพูดเหน็บสักประโยค สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก จากที่เห็น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังวาดค่ายกลชั้น 1
อี้เทียนหยุนเป็นธรรมดาที่จะไม่สนใจเขา เขาทำการวาดค่ายกลของตนต่อด้วยความเร็วไม่เร็วไม่ช้า
อย่างรวดเร็ว คนส่วนมากก็วาดค่ายกลเสร็จกันแล้ว อีกคนที่จู้เทียนหงเชิญมาก็วาดเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่เพียงอี้เทียนหยุนที่มีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว สถานการณ์แบบนี้ทำให้จู้เทียนหงต้องขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนกำลังทำอะไรอยู่
“ประหลาดมาก เจ้าหนูนั่นกำลังทำอะไร ทำไมถึงได้ช้าอย่างนี้?” ผู้จัดการหลิวที่อยู่ด้านข้างอดพูดออกมาไม่ได้ เขาไม่พอใจอี้เทียนหยุนอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนทำช้าอย่างนี้อีก ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจมากกว่าเดิม
พวกเขาหวังให้อี้เทียนหยุนติด 1 ใน 3 แต่ตอนนี้แม้แต่ 1 ใน 10 ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้!
“ผู้อาวุโสอี้กำลังทำอะไร เหมือนกับว่าค่ายกลที่เขากำลังวาดดูจะยากมากอย่างไงอย่างงั้น?” จู้อวี่เสวียนถามขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เราต้องเชื่อในผู้อาวุโสอี้” จู้อวี่เหว่ยส่งยิ้มออกมา ไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย
เธอเชื่อในตัวอี้เทียนหยุนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เธอคิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
ในที่สุด อี้เทียนหยุนก็วาดตัวอักษรสุดท้ายเสร็จ เขาเก็บพู่กันแล้วยิ้มออกมา “ดี…..”
คำว่าดีของเขาทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ แสดงสายตาดูถูกออกมา นี่น่ะนะดีของเจ้า? เห็นชัดๆ ว่าเป็นแค่ระดับพื้นฐาน ยังมีน่ามาบอกว่าดีอีก ความมั่นใจของเจ้ามันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?
หลังจากทรายเม็ดสุดท้ายล่วงลงจนหมด เวลาในรอบแรกก็สิ้นสุดลง ผู้จัดการสองคนที่อยู่ข้างกายหลี่เทียนหลงก็เริ่มทำการตรวจสอบ ผู้เข้าแข่งขันในรอบนี้ไม่มีคนถูกคัดออก ล้วนแต่ทำเสร็จกันทุกคน
แค่ค่ายกลง่ายๆ ถ้าทำไม่สำเร็จก็ขายหน้าแย่
จากนั้น พวกเขาก็ทำเรียกให้เข้าไปทำการทดสอบ คนแรกที่ถูกเรียกขึ้นไปก็คือเครื่องป้องกันของหลินหลี่ เพราะเขาทำเสร็จเป็นคนแรก ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่ต้องทดสอบ หลังจากรับเครื่องป้องกันชิ้นนั้นไป ผู้จัดการคนนี้ก็ทำการตรวจสอบ จากนั้นก็พูดว่า “ค่ายกลป้องกันชั้น 3 เริ่มทดสอบ ณ บัดนี้!”
ค่ายกลป้องกันชั้น 3 ก่อให้เกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาในทันที ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์วังเสินเหวิน ด้วยระดับที่แสดงออกมานี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักสลักอาคมชั้น 3
นอกจากเขาแล้ว ยังมีบางคนที่สร้างค่ายกลป้องกันชั้น 3 ขึ้นมา แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก ส่วนมากจะสร้างค่ายกลป้องกันชั้น 2 เท่านั้น หลินหลี่ที่สร้างเสร็จเป็นคนแรก ทั้งยังเป็นค่ายกลป้องกันชั้น 3 นับว่ามีระดับเหนือกว่าพวกเขาโดยสมบูรณ์!
“ปัง ปัง ปัง!”
ทันใดนั้น เครื่องป้องกันชิ้นนี้ก็ถูกผู้จัดการทำการโจมตี ขั้นแรกเขาใช้การโจมตีในระดับปรับแต่งกายาเข้าโจมตี เมื่อไม่สามารถทำลายได้ เขาก็ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นทีละขั้น เพื่อที่จะดูว่า ท้ายที่สุดแล้วขีดจำกัดของมันจะอยู่ที่ระดับไหน
ในที่สุด ภายใต้การโจมตี เครื่องป้องกันของหลินหลี่ก็พ่ายแพ้ ระดับที่ปรากฏคือระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 7! นี่เป็นแค่เครื่องป้องกันธรรมดา มีระดับเพียงแค่เหล็ก สามารถรับการโจมตีได้ถึงระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 7 นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว
จากนั้น คนอื่นๆ ก็เริ่มทดสอบอย่างรวดเร็ว ระดับของพวกเขาไม่สูงนัก อยู่ที่ระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 4 ที่ 5 บางคนกระทั่งอยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 2 เห็นได้ชัดว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขากับหลินหลี่นั้นมากขนาดไหน
ความแข็งแกร่งที่หลินหลี่แสดงออกมาทำให้คนของหลายตระกูลพากันโห่ร้อง นี่เป็นระดับที่สูงมากจริงๆ กระทั่งเหนือกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ไปช่วงใหญ่!
“ระดับของศิษย์วังเสินเหวินนี้สูงจริงๆ นำหน้าคนอื่นๆ จนไม่เห็นฝุ่น สามารถทำให้หลินหลี่มาเป็นแขกของตระกูลหวังไว้ นับว่าความสามารถของเจ้าตระกูลหวังไม่ธรรมดาจริงๆ!” เจ้าตระกูลที่อยู่ใกล้ๆ พูดประจบออกมาไม่หยุด
“ก็ไม่ขนาดนั้น….” ปากเจ้าตระกูลหวังพูดอย่างถ่อมตน แต่รอยยิ้มบนใบหน้าแทบจะฉีกถึงหู แถมยังหันไปมองทางจู้เทียนหงด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยความดูถูก
แค่การทดสอบแรกก็เหนือกว่าขนาดนี้ แล้วยังจะแข่งต่อไปเพื่ออะไร? ตระกูลจู้ในตอนนี้ถูกถีบไปไกลแล้ว!
จู้เทียนหงยังคงนิ่งเงียบ เพราะเขารู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ ทำได้เพียงรอเวลาที่จะกู้หน้าคืนเท่านั้น
เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่ใช่ว่าอี้เทียนหยุนเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 อย่างนั้นเหรอ ทำไมการแสดงออกถึงได้ต่ำขนาดนี้?
อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ก็ค่อยๆ แสดงออกมา บางคนกระทั่งต้านทานได้แค่ระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 8 นับว่าต่ำจนน่าสงสาร นี่ไม่สามารถทนได้กระทั่งระดับปรับแต่งวิญญาณ ช่างดูไม่ได้เสียจริงๆ
ด้วยเวลาที่ผ่านไป ก็ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นค่ายกลชั้น 2 น้อยมากที่จะเป็นค่ายกลชั้น 3 กระทั่งค่ายกลชั้น 3 ยังมีระยะห่างจากหลินหลี่ไม่น้อย
ทั้งที่เป็นค่ายกลชั้น 3 เช่นเดียวกันทำไมถึงได้มีระยะห่างที่มากขนาดนั้นได้ล่ะ?
นี่ต้องดูที่วิธีการ และระดับของพู่กันแล้ว ว่าจะสามารถแสดงผลลัพธ์ของทั้งสองสิ่งนี้ออกมาได้แค่ไหน
ในที่สุดก็ถึงคราวของตระกูลจู้ ผู้จัดการคนนั้นตรวจสอบเพียงเล็กน้อยก็ตัดสินออกมาทันทีว่า “ค่ายกลป้องกันชั้น 2”
และเมื่อเริ่มการทดสอบ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
“ระดับของคนที่เจ้าตระกูลจู้เชิญมาไม่ธรรมดาจริงๆ……” เจ้าตระกูลหวังพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คราวนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะได้ตำแหน่งเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ?”
ความหมายของคำพูดหมายถึงการเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด แทบจะเหยียบจู้เทียนหงติดดิน
“ฮึ่ม!” จู้เทียนหงแค่นเสียงออกมา แต่ก็ไม่ตอบโต้อะไร ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดขนาดนี้ เขาจะไปตอบโต้อะไรได้
สุดท้าย ก็มาถึงคราวค่ายกลที่อี้เทียนหยุนสร้างขึ้น ผู้จัดการเดินเข้ามาตรวจ จากนั้นก็พูดว่า “ค่ายกลชั้น 1 อย่างงั้นเหรอ?”
นี่เป็นค่ายกลชั้น 1 ที่ไม่มีอะไรพิเศษ ก่อนหน้านี้ก็มีบางคนวาดค่ายกลชั้น 1 ออกมา แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะการวาดค่ายกลระดับสูงได้ล้มเหลวหลายครั้ง เมื่อเห็นว่ามีเวลาไม่พอ จึงทำได้เพียงเลือกแผนการที่แย่ที่สุดนี้ แม้จะได้คะแนนต่ำ แต่อย่างน้อยก็ไม่ถูกคัดออก
ยังไงก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่อี้เทียนหยุนค่อยๆ ทำขึ้นตั้งแต่เริ่ม ไม่ได้ผิดพลาดใดๆ เรื่องนี้พวกเขาล้วนเห็นกันดี ตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าอย่างน้อยต้องเป็นค่ายกลชั้น 2 ชั้น 3 แต่ไม่คิดเลยว่าค่ายกลที่เขาใช้เวลาวาดตั้งนานจะเป็นเพียงค่ายกลชั้น 1?
เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ทำให้ผู้ชมล้วนพากันตกตะลึง หลังจากนั้นเจ้าตระกูลหวังก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ค่ายกลชั้น 1 อย่าบอกข้านะว่าที่ทำตั้งนานนั่นเป็นค่ายกลชั้น 1 นี้น่ะ? ทำได้แค่นี้ยังกล้าลงแข่ง ข้าล่ะก็อยากจะหัวเราะจริงๆ! แต่คิดไปแล้วก็เหมาะสมอยู่ ยังเด็กขนาดนี้ แต่ได้เป็นนักสลักอาคมชั้น 1 แล้ว สามารถวาดค่ายกลชั้น 1 ออกมาได้ นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ”
สีหน้าจู้เทียนหงจมลงในทันที ไม่ใช่ว่าเขาเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 อย่างงั้นเหรอ?
“ฮ่าๆๆ ที่แท้เจ้าก็สร้างค่ายกลชั้น 1….. สหาย นี่ไม่ที่ที่เจ้าจะทำเป็นเล่นได้นะ ข้าว่าเจ้าไสหัวกลับไปกินนมดีกว่า! ถ้าไม่มีความสามารถก็อย่าขึ้นมาสิ น่าขายหน้าชะมัด” หลินหลี่หัวเราะเยาะ เล่นทำซะนานแต่ก็ทำได้เพียงค่ายกลชั้น 1 เขาที่เห็นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“โปรดทดสอบ” เผชิญหน้ากับการดูถูกของพวกเขา สีหน้าอี้เทียนหยุนยังคงเฉยชา ไม่นำมันมาใส่ใจ พร้อมกับผายมือให้ผู้จัดการเริ่มการทดสอบ