CLS ตอนที่ 181: รอบสอง
“เจ้าตระกูลหวัง สหายน้อยคนนี้เราเป็นคนเชิญ ก็จริงที่เขาสร้างค่ายกลชั้น 1 ออกมา แต่ก็เป็นค่ายกลชั้น 1 แบบซ้อนทับ ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านรู้สึกยังไง?” จู้เทียนหงพลันเริ่มเหน็บแนมกลับทันที ก่อนหน้านี้เป็นพวกเขาที่เยาะเย้ยเขาอย่างหนัก ตอนนี้ถึงตาเขาเยาะเย้ยกลับบ้างแล้ว
คนที่ชอบหาเรื่อง ต้องถูกเอาคืน
จู้เทียนหงหัวเราะเสียงดัง ทั้งยังคิดว่าการตอบกลับของอี้เทียนหยุนคราวนี้ดีนัก นี่สิถึงจะสมกับคำว่าอัจฉริยะ!
จู้อวี่เหว่ยกับจู้อวี่เสวียนพลันแสดงใบหน้าดีใจออกมา นี่คือความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสอี้ของพวกเธอ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่กลับสร้างค่ายกลซ้อนทับที่ทรงพลังออกมาได้?” สีหน้าของเจ้าตระกูลหวังดิ่งลง ที่แท้ เจ้าหนูนี่ก็มีพรสวรรค์ที่น่าตื่นตะลึงขนาดนี้เชียว?
บนเวที
หลินหลี่ที่ตกใจก็พูดขึ้นมา “เป็นไปได้ยังไง ค่ายกลซ้อนทับออกจะยากขนาดนั้น ทำไมเจ้าถึงสร้างมันขึ้นมาได้?”
จากสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นความตกใจแทน ถูกความสามารถของอี้เทียนหยุนทำให้สั่นสะท้านอย่างแรง
“โอ้ ข้าสร้างได้แค่ค่ายกลชั้น 1 ควรกลับไปดื่มนมมารดาแล้วฝึกมาใหม่…. ถ้าข้าต้องกลับไปดื่มนมมารดา แล้วเจ้าล่ะ? อย่างเจ้าคงต้องกลับไปอยู่ในครรภ์มารดาเลยสินะ?” อี้เทียนหยุนปรายตาไปทางหลินหลี่ คำกล่าวเรียบๆ พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของเขา เปรียบดั่งฝ่ามือยักษ์ที่ฟาดลงบนหน้าของหลินหลี่
“เจ้าว่าอะไรนะ!” หลินหลี่ถูกคำพูดของอี้เทียนหยุนจนใบหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ลงมือ จึงทำได้เพียงจ้องไปที่เขาอย่างเดือดดาล
“ไม่ได้ว่าอะไร ข้าก็แค่พูดความจริง ก็แค่เอาคำพูดของเจ้าคืนเจ้าไปเท่านั้น” อี้เทียนหยุนส่งรอยยิ้มให้เขา หลินหลี่เป็นพวกหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองคือที่สุด ตอนนี้ต้องมาถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเข้า เขาจะไปยอมได้ยังไง?
สำหรับคนที่กล้าดูหมิ่นเขา อย่าว่าโทษหากว่าเขาจะไม่เกรงใจ! กล้าบอกให้เขากลับไปดื่มนมมารดา ถ้าอย่างนั้นหลี่หลินคงต้องกลับเข้าไปในครรภ์มารดาแล้ว!
“อย่าได้มั่นใจนัก! ข้าจะไม่รู้ระดับของเจ้าได้ยังไง ก็แค่ค่ายกลซ้อนทับ ข้าก็ทำได้เช่นกัน!” หลินหลี่ปฏิเสธอย่างดื้อด้าน พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “อย่าได้คิดว่าจะจบเพียงแค่นี้ ยังเหลือการประลองอีกหลายรอบ!”
เขายังไม่ทราบระดับของอี้เทียนหยุนดี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเยาะเย้ยมากนัก เอาไว้ระหว่างการประลองรอบต่อไป แล้วค่อยว่ากันอีกที
เขาไม่คิดว่าอยู่ๆ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงระหว่างทาง กลับมีค่ายกลซ้อนทับโผล่ออกมา บดขยี้เขาทิ้งเสียฉิบ ค่ายกลซ้อนทับเขาก็ทำได้ เพียงแต่ไม่ค่อยชินมือเท่านั้น จำเป็นต้องใช้ความแม่นยำสูง ตลอดทั้งกระบวนการต้องห้ามมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเกิดล้มเหลวขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาคงน่าสังเวชสุดๆ
โดยทั่วไปแล้วในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่มีใครเขากล้าทำหรอก
แต่อี้เทียนหยุนกลับเอากรรมาวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ออกมา ทำให้คว้าคะแนนเต็มไปได้ในที่สุด ดังนั้น เขาจึงตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งหลายในทันที การทดสอบรอบนี้เขาแสดงออกได้อย่างโดดเด่นที่สุด ไม่รู้ว่าการทดสอบรอบต่อไป เขายังจะสามารถคงความโดดเด่นนี้ไว้ได้หรือไม่?
พูดไปแล้วมันก็แค่ค่ายกลชั้น 1 แม้จะเป็นค่ายกลซ้อนทับ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ค่ายกลชั้น 1 ต่อให้คนที่เรียนแย่แค่ไหนก็สามารถสร้างออกมาได้
“ค่ายกลซ้อนทับสามารถต้านทานการโจมตีได้ถึงระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 8…..”
อี้เทียนหยุนพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เครื่องป้องกันนี้เมื่อวาดค่ายกลซ้อนทับลงไป แม้จะไม่พังทลายภายใต้พลังโจมตีระดับปรับแต่งวิญญาณขั้นที่ 8 แต่ก็ต้านรับได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถ้าเกิดโจมตีหลายครั้งเข้า มันก็ยังจะพังลงอยู่ดี
อย่างรวดเร็ว การประลองรอบแรกก็จบลง อี้เทียนหยุนคว้าอันดับที่ 1 ด้วยคะแนนเต็ม ส่วนอันดับที่ 2 คือหลินหลี่ ตัวหลินหลี่ก็ได้คะแนนเต็มเช่นกัน ดังนั้นจึงถือว่าเสมอ ยังไงก็ตาม ถ้าเทียบตามระดับแล้ว อี้เทียนหยุนยังเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย
หลังจากการประลองรอบแรก คราวนี้ก็มาถึงการประลองรอบที่ 2
“การประลองรอบแรกได้มีบางคนสร้างค่ายกลซ้อนทับออกมา ทำให้ได้รับอันดับที่ 1 ไป เรื่องนี้ทำให้ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ” หลี่เทียนหลงพูดพร้อมกับมองไปที่อี้เทียนหยุน จากนั้นก็กวาดตามองทุกคนคราหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “การประลองในรอบที่ 2 นี้ ข้าจะมีการเปลี่ยนกฎและหัวข้อเล็กน้อย จะไม่มีการตั้งคะแคนสูงสุดไว้ อย่างน้อยก็จะไม่เป็นเหมือนกับรอบแรก ถึงยังไงแต่ละตระกูลก็มีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกดีใจมาก ยิ่งแต่ละสาขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็ยิ่งจะเป็นการดีต่อตำหนักซิงเฉินของเราเท่านั้น”
เมื่อสิ้นคำกล่าว ผู้จัดการหลายคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป นี่หมายความว่าหัวข้อจะต้องเปลี่ยนไป ส่วนคนของตระกูลทั้งหลายก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะการเปลี่ยนหัวข้อนี้!
ไม่มีกำแพงใดที่จะไม่มีลมลอดผ่าน ผู้จัดการพวกนี้ต่างก็รู้หัวข้อการประลองก่อนเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีหลายตระกูลติดสินบนด้วยราคาสูง เพื่อให้รู้หัวข้อการประลองจากปากของผู้จัดการพวกนี้ แต่มาตอนนี้หัวข้อการประลองรอบที่ 2 ก็มาเปลี่ยนไป ทำให้เงินที่พวกเขาติดสินบนออกไปกลายเป็นเสียเปล่าในทันที
แต่เรื่องนี้ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้การดูถูกอี้เทียนหยุนทำให้พวกเขารู้สึกพอใจ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่พอใจแล้ว ถ้าหัวข้อเปลี่ยนไป การฝึกฝนก่อนเริ่มการประลองก็จะกลายเป็นสูญเปล่าไป
ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงภาวนาในใจ หวังว่าหัวข้อจะไม่มีการเปลี่ยนไป แค่เปลี่ยนแปลงกฎเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
หลี่เทียนหลงเป็นเจ้าตำหนักสาขาหลัก เว้นแต่ว่าเขาจะมีความลำเอียงให้กับตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะติดสินบนได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการสลักอาคม ทั้งยังเป็นเจ้าตำหนักสาขาหลัก ใครจะติดสินบนเขาได้?
หลังจากลังเลสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า “หัวข้อรอบที่สองคือ “ความเร็ว!” ภายในเวลา 1 ชั่วยาม ยิ่งวาดค่ายกลได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้คะแนนมาก! ส่วนเรื่องระดับนั้น ถ้าทำค่ายกลชั้นต่ำออกมา คะแนนที่ได้ก็จะต่ำ แต่ยิ่งค่ายกลชั้นสูงเท่าไหร่ คะแนนก็จะยิ่งสูงเท่านั้น ค่ายกลชั้น 1 จะได้ 1 แต้ม, ค่ายกลชั้น 2 จะได้ 2 แต้ม, ค่ายกลชั้น 3 จะได้ 5 แต้ม และค่ายกลชั้น 4 จะได้ 10 แต้ม! คะแนนทั้งหมดจะไม่มีการจำกัดจำนวนสูงสุด!”
หัวข้อการประลองรอบที่ 2 นี้ธรรมดาอย่างมาก คำจำกัดความของหัวข้อนี้คือ “ความเร็ว” หลังจากที่ทุกคนได้ฟัง ก็รู้ว่าหัวข้อมีการเปลี่ยนไปใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ถ้าเป็นการประลองตามปกติ หัวข้อที่ใช้จะเป็นการวาดค่ายกลโดยใช้เวลาที่สั้นที่สุด ใครที่สร้างค่ายกลในเวลาที่สั้นที่สุดและระดับชั้นสูงที่สุดก็จะได้คะแนนสูงสุดไป
นี่หมายความว่าการทำค่ายกลชั้นต่ำกลายเป็นใช้การไม่ได้ ต่อให้จะวาดค่ายกลชั้น 1 เสร็จภายในเวลา 1 วินาที คะแนนที่ได้ก็เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น เพราะว่าเป็นค่ายกลชั้นต่ำ ดังนั้นจึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก
แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว หัวข้อในคราวนี้คือ “ความเร็ว” นี่เหมือนกับการพลิกกลับของสวรรค์และโลกอย่างไงอย่างงั้น เพราะการแข่งขันในคราวนี้คือการสร้างค่ายกลออกมาให้มากที่สุด นี่เป็นการแข่งขันว่าใครจะใช้เวลาได้คุ้มที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเวลา 1 ชั่วยามนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการสร้างค่ายกลชั้นสูงเป็นเรื่องที่บ้ามาก มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ถ้าดูจากระดับสูงสุดของผู้เข้าแข่งขัน ในเวลา 1 ชั่วยามนี้ พวกเขาจะสามารถสร้างค่ายกลชั้น 3 ออกมาได้เพียงค่ายกลเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้เพียงแค่ 5 คะแนน
ถ้าเปลี่ยนเป็นค่ายกลชั้น 2 ในเวลา 1 ชั่วยาม พวกเขาจะสามารถสร้างค่ายกลชั้น 2 ได้ถึง 3 ค่ายกล ทำให้คะแนนที่จะได้เป็น 6 คะแนน เอาชนะค่ายกลชั้น 3 ไปในทันที เรื่องนี้ดูกันที่ความเชี่ยวชาญ แต่ถ้าจะวัดกันว่าค่ายกลไหนสูงกว่ากัน แน่นอนว่าต้องเป็นค่ายกลชั้น 3 อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าหัวข้อจะเปลี่ยนไป แต่ทุกคนก็ยอมรับได้
“ติ๊ง ท่านสำเร็จภารกิจต่อเนื่องขั้นที่ 1 ได้รับค่าประสบการณ์ 500,000, ความชำนาญในการสลักอาคมเพิ่มขึ้น 1,000!”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจต่อเนื่องขั้นที่ 2 “เอาชนะการประลองรอบที่ 2” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 500,000, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 1,000!”
ยังมีภารกิจต่อเนื่องมาให้อีก นี่ทำให้อี้เทียนหยุนมีความสุขอย่างมาก ที่เขาต้องการก็คือค่าความชำนาญนี้! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป การที่จะเข้าสู่ความชำนาญในการสลักอาคมขั้นสูงก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!