CLS ตอนที่ 182: ทำเหมือนเดิม!
“ภารกิจต่อเนื่องนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่เจอ แต่ก็รู้สึกดีจริงๆ ทั้งยังดีมากๆ ด้วย”
อี้เทียนหยุนพอใจกับค่าความชำนาญที่ได้รับมาอย่างมาก ถ้าได้มากกว่านี้ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก จากขั้นกลางขึ้นไปสู่ขั้นสูง ค่าความชำนาญที่ต้องใช้ไม่ต่ำเลย แต่ก็ไม่ได้สูงมาก เพียงแค่ 10,000 แต้มเท่านั้น
ยังไงก็ตาม การไปถึงขั้นสูงไม่ใช่เป้าหมายของเขา แต่เป็นการไปถึงระดับอาจารย์สลักอาคมต่างหาก ซึ่งค่าความชำนาญที่ต้องการนั้นไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอน
“การประลองรอบที่สองนี้ ที่จริงแล้วไม่ยาก แต่ขึ้นอยู่กับความเร็ว…..” อี้เทียนหยุนหรี่ตา หัวข้อในคราวนี้สามารถทดสอบระดับของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
แต่สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้ยากเลย เขาสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่พวกเขากำลังผ่อนคลายนั้น หลี่เทียนหลงก็ได้พูดขึ้นอีกว่า “การประลองรอบนี้ ไม่เพียงแต่ทดสอบเรื่องความชำนาญเท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบเรื่องความเข้มข้นของพลังวิญญาณ และการจัดการเวลาอีกด้วย ข้าหวังว่าทุกคนจะทำได้ดี ได้รับคะแนนที่สูง”
คำพูดของเขาไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร แต่พูดให้กับทุกๆ คน บางคนสามารถสร้างค่ายกลชั้น 2 ได้เร็วมาก ภายในเวลา 1 ชั่วยามนี้ สามารถสร้างออกมาได้เป็นสิบอัน นี่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคะแนนนั้นจะต้องสูงมากอย่างแน่นอน
หลังจากที่เขาพูดจบ ผู้เข้าแข่งกันก็พากันคิดว่าจะสร้างค่ายกลชั้นไหนดี แน่นอนว่าตัวเลือกจะต้องเป็นค่ายกลที่ใช้ความสามารถที่มีได้คุ้มที่สุด ทั้งยังได้คะแนนสูงอีกด้วย
“เจ้าตำหนักหลี่ แล้วค่ายกลซ้อนทับจะได้คะแนนเพิ่มไหม?” ในตอนนี้เอง ได้มีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งถามขึ้น
“แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นการประลองรอบที่แล้ว ความยากของค่ายกลซ้อนทับมีความยากเทียบเท่ากับค่ายกลชั้น 3 ดังนั้นจึงถือว่ามีคะแนนเทียบเท่าค่ายกลชั้น 3” หลี่เทียนหลงพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “แต่ค่ายกลซ้อนทับนี้จำเป็นต้องใช้เวลามาก ถ้าคิดจะทำจริงๆ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง มีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลวอยู่มาก ถ้าจะให้ดีควรจะสร้างค่ายกลธรรมดาดีกว่า”
กฎของการประลองก็ได้ถูกกล่าวออกมาหมดแล้ว คะแนนในรอบนี้เหมือนจะเยอะมาก ทั้งยังเป็นการทดสอบเรื่องการคิดวิเคราะห์อีกด้วย
จากนั้น ผู้จัดการก็จัดหากระดาษมามอบให้ผู้เข้าแข่งขัน คราวนี้ไม่ได้วาดลงบนเครื่องป้องกัน แต่ให้วาดลงกระดาษนี้แทน การวาดค่ายกลลงกระดาษนี้ สามารถแสดงผลลัพธ์ได้เหมือนกับอาวุธและเครื่องป้องกันเช่นกัน ทั้งยังสะดวกกว่าด้วย
หลังจากวาดลงไป ค่ายกลก็จะแสดงผล สามารถแสดงประสิทธิภาพของค่ายกลออกมาได้
“ข้าหวังว่าเจ้าจะยังทำค่ายกลชั้น 1 แบบซ้อนทับอีกนะ….” หลินหลี่พูดเหน็บแนมออกมา เขาหวังว่าอี้เทียนหยุนจะทำแบบนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นการรนหาที่ตาย
ถ้าใช้ความเร็วในการสร้างค่ายกลเหมือนรอบที่แล้ว อี้เทียนหยุนคงจอดสนิท การสร้างค่ายกลที่ใช้เวลานานนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าในรอบที่สองนี้ท่านจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้โง่เหมือนเจ้าสักหน่อย” อี้เทียนหยุนตอบกลับไปเบาๆ บรรยากาศรอบข้างพวกเขากลายเป็นนิ่งสนิท
“ฮึ่ม ข้าล่ะอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะวาดค่ายกลชั้นไหนออกมา!” หลินหลี่ไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นนักสลักอาคมชั้น 3 ไปได้ หรือว่าเขาจะเป็นแกนหลักที่สำนักหรือตระกูลปิดบังไว้จริงๆ? ถึงยังไงเขาก็ยังเด็กมาก บนเวทีนี้เขาเป็นคนที่เด็กที่สุด แล้วอย่างนี้จะให้เขาเชื่อได้ยังไง
หลังจากทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อย หลี่เทียนหลงก็บอกให้ผู้จัดการที่อยู่ใกล้ๆ ทำการคว่ำนาฬิกาทรายลงอีกครั้ง เมื่อทรายในแก้วร่วงหล่น นั่นก็หมายความว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว!
พริบตาที่เริ่ม ทุกคนก็เริ่มสร้างค่ายกลในทันที ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา โคจรจนถึงจุดสูงสุด! ความใส่ใจเมื่อเทียบกับรอบแรกแล้ว ต่างกันมากนัก
รอบแรกแม้เวลาจะจำกัด แต่หลายคนก็สร้างค่ายกลอย่างสบาย แต่รอบนี้ต่างออกไป พวกเขาจำเป็นต้องคว้าทุกนาทีเอาไว้ ถ้าช้าไปแม้แต่นิดเดียว นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
และในตอนนี้ สายตาของคนทั้งหลายก็มาตกลงที่ร่างของอี้เทียนหยุน อยากจะรู้ว่าคราวนี้เขาจะสร้างค่ายกลชั้นไหนออกมา ถ้ายังคิดจะสร้างค่ายกลชั้น 1 อยู่ นั่นก็คงจะน่าหัวเราะอย่างมาก การสร้างค่ายกลชั้น 1 ออกมามีความหมายอะไรด้วยเหรอ? ต่อให้เขาทำสำเร็จ คะแนนที่ได้ก็ต่ำมากอยู่ดี
เมื่อเมื่ออี้เทียนหยุนเริ่มวาด ความจริงก็ปรากฏให้ทุกคนเห็นในทันที เป็นค่ายกลชั้น 1 จริงๆ ด้วย ทั้งเขายังวาดด้วยความเร็วไม่เร็วไม่ช้าอีกต่างหาก
“ค่ายกลชั้น 1?”
ผู้คนพากันตกใจ พวกเขาคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นค่ายกลชั้น 2 แต่ไม่คิดว่าจะยังคงเป็นค่ายกลชั้น 1 อยู่อีก ทุกคนที่อยู่บนเวทีนอกจากเขาแล้ว ต่างก็พากันสร้างค่ายกลที่ไม่ต่ำกว่าชั้น 2 ไม่มีใครสร้างค่ายกลชั้น 1 เหมือนอย่างเขาเลยสักคน
“ฟุฟฟฟ….” เจ้าตระกูลหวังเผลอหัวเราะออกมา พร้อมกับชี้ไปอี้เทียนหยุนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักแค่ค่ายกลชั้น 1 เท่านั้น ไม่แปลกที่สามารถวาดค่ายกลชั้น 1 แบบซ้อนทับได้ สร้างได้เพียงค่ายกลชั้น 1 แน่นอนว่าต้องทำอย่างนั้นได้อยู่แล้ว”
“ใช่ ค่ายกลชั้น 1 นี้ต่ำไปจริงๆ หลินลี่ยังสร้างค่ายกลชั้น 3 เลย หากสำเร็จเขาก็จะได้รับ 5 คะแนน เทียบได้กับค่ายกลชั้น 1 ถึง 5 อันเลยทีเดียว” เจ้าตระกูลที่อยู่ใกล้ๆ ก็เออออห่อหมก ร่วมหัวเราะเยาะอี้เทียนหยุนไปด้วยกัน
ในสายตาของพวกเขา ตัวแทนของเจ้าตระกูลจู้ล้วนแต่เผยระดับของตนออกมาหมดแล้ว ไม่สามารถสร้างค่ายกลที่สูงไปกว่านี้ได้
“ยังจะสร้างค่ายกลชั้น 1 อยู่อีก ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยสงสัยว่าเจ้าอาจจะไม่มือใหม่ แต่เป็นถึงนักสลักอาคมชั้น 3 ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคิดผิด เจ้ามันทำได้เพียงค่ายกลชั้น 1 เท่านั้นจริงๆ!” หลังจากที่ได้เห็น ตอนแรกหลินหลี่ก็อ้าปากค้าง จากนั้นก็หัวเราะออกมา นี่มันต้องโง่ขนาดไหนกัน เขาต้องวาดค่ายกลกี่ชิ้นถึงจะแซงพวกเขาได้?
จู้เทียนหงก็ตกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวอี้เทียนหยุน ตอนนี้ใบหน้าพลันจมลงโดยทันที ยังจะสร้างค่ายกลชั้น 1 ต่ออีก นี่เจ้าไม่สามารถสร้างค่ายกลชั้น 2 ได้จริงๆ?
เสียงสงสัยจากผู้ชมรอบๆ ดังขึ้นมา
“ยังจะวาดค่ายกลชั้น 1 อยู่อีก นี่เขาคงไม่ได้วาดเป็นแค่ค่ายกลชั้น 1 จริงๆ หรอกนะ?”
“อาจจะจริงก็ได้ ไม่งั้นทำไมเขายังคงวาดค่ายกลชั้น 1 อยู่อีกล่ะ?”
“ข้าก็คิดว่าอัจฉริยะที่ซ่อนความสามารถไม่อยากเปิดเผยเสียอีก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแค่เด็กที่วาดเป็นแค่ค่ายกลชั้น 1 จริงๆ….. เพราะสร้างเป็นแค่ค่ายกลชั้น 1 ดังนั้นจึงทำค่ายกลชั้น 1 แบบซ้อนทับออกมาได้อย่างงั้นเหรอ!”
ไม่นาน พวกเขาก็ยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมา ด้วยวิธีนี้ แต่คิดจะไล่ตาม? หลักฐานก็คือเขาไม่คิดจะเปลี่ยนแผน ยังคงสร้างค่ายกลชั้น 1 ต่อไปจริงๆ!
“น้องสาว ผู้อาวุโสอี้ทำได้แต่ค่ายกลชั้น 1 จริงๆ เหรอ? หรือว่าบางทีเขาอาจจะสร้างค่ายกลซ้อนทับขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง มันเหมือนจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นะ?
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ความคิดของผู้อาวุโสอี้ข้าเดาไม่ถูกหรอก แต่ในเมื่อเขาเลือกที่สร้างค่ายกลชั้น 1 ในการแข่งขันรอบนี้ ก็แสดงว่าเขาจะต้องมีเหตุผลของเขา” จู้อวี่เหว่ยพยักหน้า ในใจเชื่อมั่นในตัวอี้เทียนหยุนอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่ว่าอี้เทียนหยุนจะทำอะไร จู้อวี่เสวียนก็เชื่อมั่นในตัวอี้เทียนหยุนเช่นกัน เพียงแต่เธอแค่สงสัยเท่านั้นเอง เพราะว่าเธอไม่ได้ใช้เวลากับอี้เทียนหยุนนานนัก ดังนั้นเธอจึงรู้เกี่ยวกับตัวเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้จะยินบางเรื่องจากปากของน้องสาวของตน แต่ส่วนใหญ่เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่