CLS ตอนที่ 205: ป่าวงกต
“ไม่ตรวจสอบแล้วจะรู้ได้ยังไง? ผู้จัดการเหอไม่ได้บอกเจ้าเหรอ เจ้าที่ถูกแนะนำ เมื่อมาแล้วต้องถูกตรวจสอบก่อน จากนั้นจึงจะสามารถเข้าร่วมกับตำหนักเทียนเหวิน ซึ่งเป็นที่สำหรับฝึกสลักอาคม” หยางซีเสวี่ยมองเขาอย่างสงสัย คิดว่าเขาค่อนข้างประหลาด
แต่ที่เขารู้แน่ๆ คือ เขาไม่ได้มาเพื่อตรวจสอบ แต่มาพบเหอเชียนหาน
“แล้วผู้จัดการเหออยู่ที่นี่ไหม?” อี้เทียนหยุนถาม
“ผู้จัดการเหอยังไม่กลับมาจากข้างนอก ถ้าเจ้าอยากจะพบกับเธอคงต้องรอหลังจากนี้ ยังไงก็ตาม ต่อให้เจ้าจะไปถามเธอก็เปล่าประโยชน์ ถ้าไม่สามารถผ่านการตรวจสอบ เจ้าก็ไม่สามารถเข้าร่วมตำหนักเทียนเหวินได้!” หยางซีเสวี่ยขมวดคิ้วพูด “เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักเทียนเหวินเพื่อทำการตรวจสอบ หลังจากผ่านการตรวจสอบมาได้ เจ้าต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่!” ริมฝีปากที่น่าดึงดูดของหยางซีเสวี่ยวาดออกเป็นรอยยิ้ม ความรู้สึกจริงจังเมื่อครู่หายไปสิ้น
“ศิษย์พี่?” อี้เทียนหยุนมองสำรวจหยางซีเสวี่ย อย่างเธอเนี่ยนะจะมาเป็นศิษย์พี่ของเขา คำพูดนี่ช่างน่าตลกจริงๆ
“นี่…. เอาเถอะ งั้นก็ไปตรวจสอบกันเถอะ ศิษย์พี่” อี้เทียนหยุนคิด ทันใดนั้นก็เปลี่ยนความคิดของตน จากที่จะบอกฐานะของตนออกไป แต่คิดแล้วก็ช่างมันดีกว่า
ดีแล้วที่เจอเธอที่นี่ จากนี้จะได้สำรวจดูด้วยว่าวังเทียนจี๋นี้เป็นยังไง ทำไมถึงได้ตกต่ำลง
“เจ้าต้องผ่านการตรวจสอบก่อนถึงจะเรียกอย่างนั้นได้!” หยางซีเสวี่ยทำสีหน้าจริงจัง คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ายังไม่ทันผ่านการตรวจสอบ ดังนั้นจึงต้องปั้นหน้าจริงจัง
อี้เทียนหยุนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ สำหรับหยางซีเสวี่ยนี้ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกัน
จากนั้น หยางซีเสวี่ยก็พาเขาไปยังตำหนักเทียนเหวิน หลังจากเดินวกไปวนมา พวกเขาก็ถึงที่ด้านหลังภูเขา ซึ่งตอนนี้ปกคลุมไปด้วยป่า ดูแล้วธรรมดาอย่างมาก ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักนิด
“ซีเสวี่ย เจ้ากำลังทำอะไร?” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเด็กหนุ่มสองคนโผล่มาจากข้างหลัง พร้อมกับจ้องมาที่หยางซีเสวี่ยและอี้เทียนหยุนราวกับมองศัตรูหัวใจ
สายตาที่มองมานี้ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกแปลกๆ……
หยางซีเสวี่ยขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดออกไปว่า “โปรดอย่าเรียกข้าด้วยความสนิทสนมขนาดนั้น มันจะทำให้เข้าใจผิดเอาได้!”
“เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า ทำไมข้าจะเรียกเจ้าอย่างนี้ไม่ได้?” เฟิงยู่หลงหรี่ตาพร้อมกับยิ้มออกมา แต่กับอี้เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ๆ หยางซีเสวี่ยนั้น เขากลับแสดงสีหน้ารังเกียจราวกับกินแมลงวันเข้าไปอย่างไงอย่างงั้น
“เฟิงยู่หลง ข้าขอเตือนเจ้า นี่เป็นเรื่องที่พวกท่านพ่อเป็นคนตัดสินใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า นอกเสียจากเจ้าจะเหนือไปกว่าข้าในด้านการสลักอาคม! สำหรับข้าแล้ว ข้าจะแต่งงานกับชายที่แข็งแกร่งกว่าข้าเท่านั้น จะไม่แต่งงานกับคนที่อ่อนแอกว่าเด็ดขาด!” หยางซีเสวี่ยสีหน้าเย็นชา ไม่พอใจเฟิงยู่หลงคนนี้อย่างมาก
อี้เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ๆ พลันตาเป็นประกาย ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็มีเป้าหมายอยู่แล้ว แต่คำพูดนี้ของเธอก็พูดถูก ผู้ชายถ้าอ่อนแอกว่า แล้วมีสิทธิ์อะไรมาแต่งงานกับตนเอง? นี่ทำให้เขารู้ว่านิสัยของหยางซีเสวี่ยเป็นยังไง
สายตาของเฟิงยู่หลงที่มองมาพลันปรากฏเป็นแสงเย็นเยียบ แต่จะให้เขาพูดได้ยังไงว่าเขาอ่อนแอกว่าหยางซีเสวี่ยในทุกๆ ด้าน
“นี่เป็นเรื่องที่พวกท่านทั้งสองตัดสินใจ เจ้าคิดจะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่างงั้นเหรอ เจ้าคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว?” เฟิงยู่หลงพูดเยาะ “ข้าว่าเจ้าคิดให้ดีๆ ดีกว่า แล้วอีกอย่าง เจ้าเด็กนี่มันเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ด้วยกันกับมันสองคน?”
ผู้ชายที่ไม่สามารถเอาชนะผู้หญิง และเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นมากับผู้ชายคนอื่น ในใจก็ย่อมมีเพลิงริษยาเพิ่มขึ้น เห็นเป็นที่ขัดตาเป็นธรรมดา
“ข้าหยางซีเสวี่ยพูดคำไหนคำนั้น เจ้ามีสิทธิ์มาพูดกับข้าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เขาเป็นศิษย์น้องคนใหม่ที่ผู้จัดการเหอแนะนำมา กำลังจะเขารับการทดสอบ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เจ้าก็ไปซะ”
“คนที่ผู้จัดการเหอแนะนำมาอย่างงั้นเหรอ?”
เฟิงยู่หลงมองอี้เทียนหยุนขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสายตาสงสัย
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิด?” เฟิงยู่หลงรู้สึกน่าขัน “เด็กขนาดนี้ ทั้งท่าทางยังระดับไม่เท่าไหร่ จะผ่านเขาวงกตได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ข้าว่าคงจะแกล้งมากกว่า ไม่รู้ว่าไปเก็บป้ายได้ที่ไหน ข้าว่าจับเขาไปตำหนักลงทัณฑ์ดีกว่า!”
“ใช่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตำหนักเทียนเหวินรับศิษย์เด็กขนาดนี้ ข้าว่าต้องมาหลอกแน่ๆ! ท่าทางก็ดูยากจน ข้าว่าคงจะขโมยมามากกว่า!” เพื่อนของเฟิงยู่หลง เลี่ยวเหวินสนับสนุนคำพูดของเฟิงยู่หลงอยู่ข้างๆ
พูดไปแล้วอี้เทียนหยุนก็แต่งตัวดูยากจนจริงๆ นั่นแหละ เขาแต่งตัวธรรมดา ห่างไกลจากชุดจอมยุทธ์ของพวกเขาไม่รู้กี่แสนลี้
“เรื่องของเจ้าข้าไม่อยากจะสน ข้าแค่อยากจะทดสอบให้เร็วขึ้นหน่อย เจ้าที่อายุเท่านี้แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่าได้คิดว่าคนอื่นจะทำไม่สำเร็จเหมือนกับเจ้าด้วย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน” อี้เทียนหยุนยืนอยู่เฉยๆ ก็ถูกลูกหลง นี่เขาเกี่ยวอะไรด้วย
เจ้าพวกตัวประกอบพวกนี้ เขายืนอยู่เฉยๆ ยังถูกโจมตี ทำให้เขารู้สึกพูดไม่ออกเลยจริงๆ
“หืม? คำพูดคำจาใหญ่โตไม่เบานี่ งั้นเจ้าคงจะผ่านเขาวงกตนี้ไปได้แน่นอนงั้นสินะ?” เฟิงยู่หลงสีหน้าเย็นชา พูดเยาะว่า “ข้าว่าระดับอย่างเจ้าจะต้องถูกขังไว้ข้างในอย่างแน่นอน ชั่วชีวิตนี้จะออกมาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้? ถ้าเจ้าสามารถผ่านไปได้ใน 1 ชั่วยาม หลังจากนี้ข้าจะเดินกลับหลังให้ดูเลย!”
“พี่เฟิงพูดถูก ถ้าเจ้าสามารถผ่านได้ ชั่วชีวิตนี้ข้าก็จะเดินกลับหัวเช่นกัน!” เลี่ยวเหวินพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ที่พวกเขาพูดก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล เพราะคนที่สามารถฝึกฝนเพื่อเป็นนักสลักอาคมนั้น ล้วนแต่มาจากตระกูลใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น แล้วอี้เทียนหยุนคนนี้ดูคล้ายกับนายน้อยตระกูลใหญ่อย่างงั้นเหรอ ถ้าบอกว่าเขาเป็นเด็กที่เพิ่งมาจากบ้านนอกยังจะเป็นไปได้ซะกว่า
“ก็ดี แล้วข้าจะคอยดูเจ้าเดินกลับหลัง พร้อมกับดูเจ้าเดินกลับหัวเช่นกัน” อี้เทียนหยุนหันไปมองหยางซีเสวี่ย แล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “การทดสอบที่เจ้าบอกคือเดินผ่านเขาวงกตในป่านี้อย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ขอแค่ผ่านเป็นใช้ได้ ไม่จำกัดเรื่องเวลา เพียงแต่เวลาจะมีผลกับผลลัพธ์เช่นกัน…..” หยางซีเสวี่ยยังอธิบายไม่จบ อี้เทียนหยุนก็หมุนตัวเดินเข้าไปในป่า พร้อมกับหายไปในนั้นอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิง เจ้าหนูนี่จะอวดดีเกินไปแล้ว พูดอย่างกับว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ จริงๆ อย่างงั้นแหละ!” เลี่ยวเหวินโมโห “พวกเรามาดูกัน ว่าเจ้าหนูนี่จะออกมาจากป่าวงกตนี้ตอนไหน!”
พูดเสร็จ พวกเขาก็เดินเข้าไปยังป่าวงกต หยางซีเสวี่ยก็หายเข้าไปในป่าวงกตนี้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน อี้เทียนหยุนที่เดินเข้ามาก่อน ตอนนี้ตัวเขามองไม่เห็นพวกหยางซีเสวี่ยแล้ว เพราะว่าเขาได้เข้ามายังกลางวงกตแล้ว มีเพียงทำลายวงกตนี้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถออกไปได้
ใช้สิ่งนี้เป็นบททดสอบ นับว่าเป็นการทดสอบที่คุ้มค่าจริงๆ จะผ่านแต่ละครั้งจำเป็นต้องทำลายเป็นครั้งๆ ไป และเมื่อยิ่งชำนาญ การผ่านมันไปก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
“ป่าวงกตนี่มันอะไรกัน? ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่าง ทั้งยังดูเหมือนระดับจะไม่ต่ำด้วย ต่อหน้าอาจารย์สลักอาคมชั้น 5 กลับมองไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ไม่สนใจอะไรกับวงกตนี้อีก
จากนั้น หลังจากเขาหาตำแหน่งเจอ เขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปในทันที