CLS ตอนที่ 211: คนล่ะ?
การดวลนี้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในตำหนักเทียนเหวิน ศิษย์ทุกคนที่อยู่ว่างต่างพากันมุ่งมาที่นี่ กระทั่งเหล่าผู้จัดการก็ยังมา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นบางคนกำลังประลองพลังวิญญาณขึ้นที่นี่ ยิ่งกว่านั้น อี้เทียนหยุนซึ่งเป็นศิษย์ใหม่ก็เพิ่งจะเข้าร่วมวันนี้เอง
“พระเจ้า ลูกพี่ประลองพลังวิญญาณกับเจี่ยผิงจริงๆ นี่เขารู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่!” หยางอวี่ที่อยู่ข้างนอกเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
ถ้าอี้เทียนหยุนแพ้ เขาจะต้องกลายเป็นข้ารับใช้ของเจี่ยผิง และด้วยนิสัยของเจี่ยผิง เขาจะต้องทำเหมือนกับอี้เทียนหยุนเป็นสุนัขอย่างแน่นอน บางที อาจจะแย่ยิ่งกว่าสุนัขจริงๆ ก็ได้
“อี้เทียนหยุนคนนี้ช่างไม่รู้จักใจเย็นเลยสักนิด ถึงกับตอบรับการดวลซึ่งเกิดจากการยั่วยุ คนๆ นี้ช่างเด็กจริงๆ ขนาดความตายเข้ามาใกล้ก็ยังไม่รู้ตัวอีก”
“ใช่ เพิ่งเข้าร่วม แถมยังไม่มีความเข้าใจก็ทำอย่างนี้ซะแล้ว ไม่นานหรือหลังจากนี้คงต้องเจอดีเข้าสักวัน”
“หึหึ เขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อเจี่ยผิงในครั้งนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอหลังจากนี้หรอก”
คนรอบๆ พากันส่ายหัว คนหนุ่มที่มีความสามารถอยู่นิดหน่อยมักจะอวดดีกันอย่างนี้ล่ะ คงสักวันที่ต้องตายอยู่ข้างถนนโดยที่ไม่รู้ตัว
“มา เร่เข้ามา เร่เข้ามา!” ในตอนนี้เอง คนที่อยู่ด้านนอกบางคนก็ได้ร้องตะโกนขึ้น “มาพนันกัน ระหว่างเจี่ยผิงกับอี้เทียนหยุน ใครจะเป็นผู้ชนะ อัตราต่อรองอยู่ที่ 1 ต่อ 3!”
“โอ้ นี่ไม่ใช่ว่าเสียเงินเปล่าหรอกเหรอ ข้าลงข้างเจี่ยผิง!”
“ข้าด้วย ข้าลง 1,200!”
“ข้าลง 520!”
ส่วนใหญ่ทุกคนล้วนแต่ลงข้างเจี่ยผิงเป็นผู้ชนะกันทั้งนั้น มีน้อยมากที่ลงข้างอี้เทียนหยุนเป็นผู้ชนะ และลงกันแค่ 1-2 เหรียญเท่านั้น
“พวกเจ้าจะลงแต่อย่างนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนที่ออกมาจากป่าวงกตได้เร็วที่สุด พวกเจ้าไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือไง?” ศิษย์ที่เป็นเจ้ามือมีสีหน้าเจ็บปวด ถ้าทุกคนเอาแต่ลงข้างเดียวแบบนี้ เขาคงหมดตัวจนไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน
“ผ่านป่าวงกตเป็นแค่ความสามารถเล็กๆ เท่านั้น แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่เคยผ่านป่าวงกตมาก่อน แต่เขาจะต้องเคยเจอแบบที่คล้ายๆ กันมาแล้วอย่างแน่นอน คนที่ลงข้างเขามีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ และข้าก็ไม่ใช่คนโง่ด้วย!”
“ใช่แล้ว ปากบอกว่าไม่เคยผ่านป่าวงกตนี้ แต่ที่จริงต้องเคยผ่านมาแล้วแน่ แถมอาจจะใช้ทางลัดก็ได้!”
พวกเขาพากันหัวเราะครื้นเครง คิดว่าเจ้ามือคนนี้ คราวนี้จะต้องติดหนี้หัวโตแน่
“ข้าลงข้างเขา 3,200!” เสียงคำรามดังมาจากฝูงชน หยางอวี่เดินออกมา พร้อมกับวางเงิน 3,200 ลงข้างอี้เทียนหยุน “ข้าลงข้างเขา 3,200!”
“หยางอวี่ วิธีดึงดูดความสนใจของเจ้าดีนี่ แต่ถ้าเขาแพ้ล่ะ เจ้าจะทำยังไง?” คนที่อยู่ใกล้ๆ คนเดิมพูดเยาะเย้ย
“เรื่องของข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?” หยางอวี่ถลึงตาใส่เขา ไม่สนใจสายตาของคนอื่นอีก
หลายคนต่างก็พากันมองเขาด้วยท่าทางยโส อย่างทำตัวโง่เอง งั้นก็อย่ามาโทษว่าพวกเขาไม่บอกก็แล้วกัน
ด้านนอกยังคงเต็มไปด้วยเสียง ขณะที่ข้างในกำลังแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง อี้เทียนหยุนและเจี่ยผิงกำลังนั่งเข้าสมาธิในจุดของตน และแน่นอนว่าอี้เทียนหยุนก็ยังคงมองสำรวจอักษรรูนที่สลักตามฝาผนังด้วยดวงตาประเมินอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน
และเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เวลาล่วงเลยผ่าน พวกเขายังคงไม่ส่งเสียง
อย่างรวดเร็ว หนึ่งวันก็ได้ผ่านไป อี้เทียนหยุนยังคงไม่แพ้ เขายังคงทนได้
วันถัดมา สีหน้าของเจี่ยผิงเริ่มซีดเล็กน้อยแล้ว ด้วยระดับอย่างเขา ไม่สามารถทนได้เป็นเวลานาน แต่สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงปกติดี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
และวันที่สามก็ได้ผ่านไป สีหน้าของเจี่ยผิงกลายเป็นน่าเกลียด เขาลืมตาขึ้นเหลือบมองเล็กน้อย และก็เห็นว่าอี้เทียนหยุนยังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับไม่เป็นอะไร ทำให้เขาต้องมองไปรอบๆ ถ้าเขาไม่เห็นว่ามีคลื่นพลังวิญญาณกระเพื่อมอยู่รอบๆ ร่างของอี้เทียนหยุนแล้วล่ะก็ เขาคงคิดว่าเขายังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ
ผู้คนที่มุงอยู่ด้านนอกล้วนพากันตกใจ พวกเขาคิดว่าอี้เทียนหยุนคงจะได้สักวัน หรือไม่ก็สองวันก็ดีแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทนได้ถึงวันที่สาม!
และเมื่อถึงวันที่สี่ เจี่ยผิงก็ได้ลุกขึ้น ใบหน้าซีดขาวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยันต์ช่วยชีวิตในมือเขาในตอนนี้หยุดทำงานไปแล้ว นี่ไม่ใช่เพราะว่ายันต์ช่วยชีวิตได้แตกออก แต่เป็นเพราะว่าเวลาของเขาหมดลงแล้ว เขายื่นเรื่องลงทะเบียนไว้แค่ 4 วัน และที่จริงแล้ว 4 วันก็คือขีดจำกัดของเขา
ตอนนี้วันที่สี่ได้ผ่านไปแล้ว แต่ว่าอี้เทียนหยุนยังคงอยู่ดี ส่วนตัวเขานั้นเริ่มเดินเซแล้ว ในตอนนี้ ในใจของนักพนันก็ได้ดิ่งลง หรือว่าพวกเขาจะแพ้?
“ข้าขอเพิ่มเวลาอีก 5 วัน!” เจี่ยผิงเอ่ยกับผู้จัดการหวง
“คนหนุ่มไม่ควรเอาแต่ตามใจตน เจ้าทนได้อีกไม่นานแล้ว เป็นอย่างนั้นมันจะกลายเป็นเสียเปล่า” ผู้จัดการหวงแนะนำด้วยเจตนาดี
“ไม่เป็นไร ผู้เยาว์รู้จักตนเองดี!”
พูดจบเขาก็รับยันต์ช่วยชีวิตมา พร้อมกับกลับขึ้นไปยังชั้น 5 อย่างรวดเร็ว พร้อมกับนั่งลงเข้าสมาธิอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็เริ่มทนไม่ไหว ในวันที่ห้า เขาก็ได้กระอักเลือดออกมา ร่างกายส่ายไปมา จากนั้นก็ล้มลงไปด้านข้าง หมดสติไป!
ส่วนอี้เทียนหยุนยังคงจดจ่ออยู่กับค่ายกล แม้แต่ขนตายังไม่กระดิก มองสำรวจต่อไป ราวกับไม่ใช่เรื่องของตน
หลังจากเจี่ยผิงกระอักเลือดออกมา ยังไม่ทันที่ตัวจะถึงพื้น ยันต์ช่วยชีวิตในมือก็ได้ส่งเขาไปยังห้องรักษาในทันที ซึ่งการจะออกมาจากห้องนั้นได้ มีเพียงแต่เขารู้สึกตัวแล้วเดินออกมาเอง หรือไม่ก็ต้องให้ผู้จัดการหวงเป็นคนพาออกมา
แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน ผลลัพธ์ก็ได้ออกมาแล้ว นั่นก็คืออี้เทียนหยุนเป็นฝ่ายชนะ เจี่ยผิงได้พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ พ่ายแพ้ให้กับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามา!
เมื่อมองไปยังความว่างเปล่าตรงจุดที่เจี่ยผิงเคยอยู่ ทุกคนก็พากันตกใจ และเมื่อมองไปทางฝั่งเจี่ยผิงที่พวกเขาเดิมพันไว้ ก็พากันสะท้านขึ้นมา พวกเขาพากันวางเดิมพันข้างเจี่ยผิง ตอนนี้เจี่ยผิงพ่ายแพ้แล้ว นั่นหมายความว่า เงินของพวกเขาก็จะหายไปด้วย!
“นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ เจี่ยผิงแพ้จริงๆ?”
“สวรรค์ เงินข้า!”
“เจ้าเด็กนั่นชนะ ไม่อยากจะเชื่อ? ข้าลงเงินข้างเขา 12 เหรียญ!!”
……
คนทั้งหลายพากันกรีดร้อง ส่วนใหญ่ลงว่าเจี่ยผิงจะเป็นผู้ชนะ แต่สุดท้ายก็ทำให้พวกเขาสูญเงินไปจนหมด แม้ว่าจะไม่มาก แต่เงินสำหรับซื้อเม็ดยาของพวกเขาก็ได้บินลอยไป
“ลูกพี่ชนะ?” หยางอวี่พลันโล่งอก จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าลูกพี่จะต้องชนะ ข้าลงเงินไป 3,200 รีบเอาเงินมาให้ข้า!”
หยางอวี่ยื่นมือออกไปหาเจ้ามือพร้อมกับถามหาเงิน เจ้ามือส่งเงิน 9,200 ให้กับหยางอวี่ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เงินของเจ้า 9,200 ไว้คราวหน้ามาเล่นใหม่!”
ครั้งนี้เขาได้กำไรมหาศาล เงินที่เจ้ามือคนนี้ได้ ทำให้เขายิ้มจนปากจะถึงใบหู คิดว่าตัวเองไม่ต้องเป็นหนี้แล้ว ทั้งคราวนี้ยังได้กำไรอีก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาดีใจได้ยังไง
ตอนนี้ ชื่อเสียงของเจี่ยผิงตกต่ำจนไปถึงจุดแช่แข็ง แต่ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนกลับเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด! อันดับ 81 ชนะเจี่ยผิงในด้านพลังวิญญาณ ช่างเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ!
“ชนะ….” หยางซีเสวี่ยเอามือปิดปากด้วยความประหลาดใจ เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตกตะลึงอย่างมาก
มีหลายคนที่ไม่ชอบอี้เทียนหยุน แต่ตอนนี้เขาชนะแล้ว ยิ่งกว่านั้น เจี่ยผิงก็จบสิ้นแล้ว แต่เขายังคงฝึกฝนอยู่ข้างในต่อ! ถึงแม้จะไม่เหมือนว่าเขากำลังฝึกฝนอยู่ก็ตาม แต่ว่าคลื่นพลังวิญญาณที่กระเพื่อมอยู่รอบร่างของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังฝึกฝนอยู่จริงๆ ทั้งยังดูดกลืนพลังวิญญาณไม่หยุด
“หืม คนล่ะ?” อี้เทียนหยุนที่หันไปมองด้านข้างแล้วพูดออกมาด้วยความสงสัย
“……”
ทุกคนกลายเป็นพูดไม่ออกในทันใด
————————–