CLS ตอนที่ 213: มู่เซียนเอ้อ
“ศิษย์น้อง เจ้าสร้างปัญหามากไปแล้ว….. พวกเขามาจากกลุ่มเดียวกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป มันจะต้องมีคนมากกว่านี้มาหาเรื่องเจ้าแน่” หยางซีเสวี่ยเดินมา พร้อมกับพูดอย่างกังวล
“ท่านพี่ ท่านกลัวอะไร พี่ใหญ่ออกจะร้ายกาจ ท่านไม่เห็นฝ่ามือเมื่อกี้หรือยังไง….” เมื่อหยางอวี่เห็นความร้ายกาจของอี้เทียนหยุน ในใจก็รู้สึกเลื่อมใส ความกล้าหาญนี้ ทำให้เขาเชื่อมั่น
“อย่าเอาแต่สร้างปัญหา!” หยางซีเสวี่ยถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง หยางอวี่ไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่พาตัวหลบออกไป “แม้ข้าจะรู้ว่าระดับของศิษย์น้องนั้นไม่ต่ำ แต่ยังไงก็ต้องรู้จักระวังไว้ พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ศิษย์น้องอี้ พวกเขาจะต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้ผู้จัดการเหอมาจัดการเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น เจ้าจะต้องถูกพวกเขาตามพัวพันไม่หยุด”
“ถ้าพวกมันกล้ามาก็ให้มา ข้าไม่รังเกียจที่จะต้องตบพวกเขาสองสามครั้ง” อี้เทียนหยุนอยากจะสั่งสอนเจ้าพวกนายน้อยหัวรุนแรงพวกนี้ กล้ามาอวดเก่งต่อหน้าเขา นั่นต้องดูดด้วยว่าตัวเองมีความสามารถพอไหม!
“เอาเถอะ….” หยางซีเสวี่ยรู้ว่าห้ามไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดว่า “ศิษย์น้องอี้ ยังไงก็แล้วแต่ เจ้าต้องระวังให้มาก ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้มาหาพวกเรา พวกเราพี่น้องแม้จะไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก แต่ถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็พอจะช่วยได้อยู่บ้าง”
เธออยากจะแก้ปัญหาเรื่องเฟิงยู่หลง แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้มีกระทั่งเจี่ยผิงเข้ามาเกี่ยว ความโกรธของพวกเขา กลัวว่าแม้แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดได้
“ก็ได้” อี้เทียนหยุนพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอ่อใช่ แล้วผู้จัดการเหอจะกลับมาเมื่อไหร่?”
อยู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ ในตอนนี้ ได้มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่พวกเขา เพราะหยางซีเสวี่ยและหยางอวี่ ต่างก็เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีมาก
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บ้างครั้งผู้จัดการเหอก็ออกไปนานมากกว่าจะกลับ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาอย่างแน่นอน” หยางซีเสวี่ยพูด
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ถ้าไม่กลับมา เขาคงต้องจากไปก่อน เวลาค่อนข้างกระชั้น เดือนหน้าเขายังต้องไปที่ตำหนักซิงเฉินอีก
“ศิษย์น้องอี้ พวกเรายังมีเรื่องต้องทำ คงต้องขอตัวก่อน” หยางซีเสวี่ยลากหยางอวี่ไปด้วยกัน หยางอวี่จึงได้แต่โบกมือให้เขา
“ลูกพี่ ไว้เจอกันใหม่นะ!” หยางอวี่ตะโกนออกมา
อี้เทียนหยุนส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา หยางอวี่คนนี้ มีความหมายจริง
ขณะที่เขาเดินออกมาจากหอคอยเทียนหลิง ก็ได้มีหญิงสาวนางหนึ่งเดินมา รูปลักษณ์ของเธองดงามมาก สวมชุดกระโปรงสีขาว พร้อมกับผมสีดำขาวประบ่า เพราะว่าระดับไม่ต่ำ ทำให้ทั่วร่างของเธอดูคล้ายกับนางเซียน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลัง
หญิงสาวนางนี้ดูแล้วค่อนข้างเด็ก เกือบจะพอๆ กับเขา! ไม่คิดเลยว่าตำหนักเทียนเหวินแห่งนี้จะสามารถหาหญิงสาวที่มีอายุพอๆ กับเขาได้คนหนึ่ง แค่จากกลิ่นอายที่ปล่อยออกมา อี้เทียนหยุนก็รู้แล้วว่าหญิงสาวนางนี้ไม่ธรรมดา
พวกเขาต่างพากันมองหน้ากัน นัยน์ตาที่น่าดึงดูดของหญิงสาวมองเขาขึ้นๆ ลงๆ อย่างไร้ซึ่งความอาย จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคงจะเป็นอี้เทียนหยุนที่เข้ามาใหม่คนนั้นสินะ?”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงจะเป็นมู่เซียนเอ้อที่อยู่ในอันดับที่สองนั่น” เขาเดามาจากสิ่งที่เขารู้ จากป้ายจัดอันดับก่อนหน้า ในตำหนักเทียนเหวินแห่งนี้ จำนวนของศิษย์ชายและหญิงนั้นต่างกันมาก ดังนั้น ผู้หญิงจึงมีอยู่ค่อนข้างน้อย
และเรื่องของมู่เซียนเอ้อคนนี้เขาก็เคยได้ยินมา ได้ยินว่าเธอเป็นเด็กอายุประมาณ 16-17 ปี และหญิงสาวที่ปรากฏตรงหน้าเขาตอนนี้ ก็เป็นคำยืนยันต่อสิ่งที่ได้ยินมาอย่างไม่ต้องสงสัย! ในโลกนี้มีอัจฉริยะอยู่มากมาย จากที่ได้ยินมา พรสวรรค์ของมู่เซียนเอ้อคนนี้นั้น น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
ยังเด็กขนาดนี้แต่ก็เป็นถึงนักสลักอาคมชั้นสองระดับสูงสุดแล้ว กระทั่งมีบางข่าวลือบอกว่า เธอได้ทะลวงเข้าสู่นักสลักอาคมชั้น 3 แล้วด้วยซ้ำ!
“ไม่คิดเลยว่าท่านจะรู้จักข้าด้วย” มู่เซียนเอ้อยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ดูท่าทางขี้เล่น ไม่เหมือนเป็นอัจฉริยะที่อยู่ในอันดับที่สองเลยสักนิด แต่ดูราวกับเด็กสาวข้างบ้านที่ซุกซนมากกว่า
“ข้าก็แค่เดาดู แต่คิดว่าน่าจะไม่ผิด” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ฮิฮิ ขอบคุณพี่ใหญ่ท่านสำหรับคำชม ขอให้การทดสอบเดือนหน้าของท่านได้อันดับที่ดีเช่นกัน!” มู่เซียนเอ้อยิ้มหวาน ดูแล้วน่ารัก ทั้งยังสุภาพ ไม่มีการถือตัวแม้แต่น้อย
“อืม ขอบใจมาก” หลังจากอี้เทียนหยุนแสดงความขอบใจแล้วก็หมุนตัวเตรียมจากไป
แต่ในพริบตานี้เอง นัยน์ตาที่งดงามของมู่เซียนเอ้อก็ได้เผยความหลักแหลมออกมา มือที่ละเอียดอ่อนพลันโยนกระดาษสลักอาคมออกมา แปะเข้าที่หลังของเขาอย่างเงียบเชียบ เหมือนกับว่าไม่ได้ทำอะไร
หลังจากเรียบร้อย เธอก็หันหลังวิ่งหน้าตั้งไปทันที แต่ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะเร็วกว่า เขาแกะกระดาษที่ติดอยู่หลังออกมาแปะใส่หลังของเธออย่างรวดเร็ว! ขณะเดียวกันก็หันมองตามหลังเธอ ตัดสินใจจะยืนอยู่ที่นี่ มองไปที่เธอด้วยท่าทางสนใจ
มู่เซียนเอ้อหลังจากที่วิ่งมาได้เล็กน้อย ก็ได้หันกลับไปดูรอบๆ และเมื่อเห็นอี้เทียนหยุนมองมาด้วยที่ตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสนใจ ก็คิดว่ามีอะไรแปลกๆ
“พี่ใหญ่ มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?” มู่เซียนเอ้อมองตอบเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสา แต่หน้าตาแสดงออกให้เห็นเลยว่าอยากจะเห็นความโชคร้ายของอี้เทียนหยุนเร็วๆ
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่มองดูเจ้า” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มสบายๆ มาให้
“ท่าน….”
“ปัง!”
ทันใดนั้น กระดาษข้างหลังเธอก็ระเบิดออก กลายเป็นคลื่นอัดอากาศ ส่งเธอปลิวไปราวกับลูกบอล พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมา!
“อุบายเล็กๆ แค่นี้ก็อยากจะเล่นกับข้า ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแม่มดน้อยนางหนึ่ง…..”
พริบตาที่มู่เซียนเอ้อแปะกระดาษใส่หลังเขา เขาก็รู้ตัวแล้ว จากนั้นจึงทำการแปะคืนอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับที่มากกว่ามู่เซียนเอ้อมาก ถ้าไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เขาคงระดับสูงเสียเปล่าแล้ว
แต่ที่เขียนบนกระดาษนั้นไม่ใช่ค่ายกล แต่เป็นอาคม ซึ่งก็คืออาคมระเบิดเพลิง ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีผลถึงตาย แต่ถ้าจะเอาไว้ส่งคนบินเล่นๆ ล่ะก็ มันก็ให้ผลลัพธ์ที่น่ากลัวใช้ได้เลยทีเดียว
ดังนั้น หลังจากที่ระเบิดออก มู่เซียนเอ้อจึงถูกส่งให้บินไป ขณะที่อี้เทียนหยุนก็มองไปที่เธอด้วยสายตาขบขัน และตอนนี้ มู่เซียนเอ้อที่บินมาราวกับลูกบอลก็ได้หล่นลงมาจากอากาศ พร้อมกับพุ่งตรงมาที่เขาอย่างไม่คาดคิด!
ดูจากสีหน้าตอนตกลงมานั้น ใบหน้าที่งดงามของเธอในตอนนี้ได้เปลี่ยนสีไป พร้อมทั้งแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่แท้มู่เซียนเอ้อคนนี้ก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับเจ้าสิ่งนี้….. และในพริบตาที่กำลังจะตกนี้ เขาก็ได้รับตัวมู่เซียนเอ้อไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับหมุนตัวสลายแรง ก่อนที่จะหยุดลง
ยังไงก็ตาม มือที่แข็งแกร่งนั้นก็ได้ตบลงที่ก้นของเธอ “เพี๊ยะ” ทำให้ร่างที่บอบบางของเธอสั่น พร้อมกับแข็งค้างไป จากสีหน้าที่หวาดกลัวกลายเป็นตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าตบก้นเธอจริงๆ!
“คิดจะเล่นกับข้าเหรอ ยังเร็วไปร้อยปี!”
จากนั้นอี้เทียนหยุนก็ปล่อยเธอลง หญิงสาวคิดจะเล่นงานเขา แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่โดนจะเป็นเธอเอง