CLS ตอนที่ 217: ผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน
เมื่อผู้จัดการกวนได้ยินว่าอี้เทียนหยุนเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 ก็เกือบจะกลืนลิ้นตัวเอง นี่มันน่าตกใจจริงๆ ทั่วทั้งวังเทียนจี๋ก็มีอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 เช่นกัน และทุกคนล้วนแต่อยู่ระดับผู้จัดการ แต่จำนวนที่มีก็น้อยจนแทบจะขาดแคลน
แล้วเด็กหนุ่มคนนี้ที่อายุเพิ่งจะ 17-18 ปี ก็เป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 ด้วย นี่มันเป็นไปได้?
“อย่างเขานี่นะจะเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 จะเป็นไปได้ยังไง!”
“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า” ผู้จัดการเหอส่งสัญญาณให้อี้เทียนหยุน จากนั้นก็พาเขาเดินเข้าไปข้างใน “คุณชายอี้ โปรดตามข้ามา ข้าจะแนะนำผู้อาวุโสคนอื่นในสำนักให้ท่านรู้จัก”
เหอเชียนหานไม่สนใจผู้จัดการกวนคนนี้อีก เธอพาอี้เทียนหยุนเดินเข้าไปในด้านใน ทำให้ผู้จัดการกวนมองตามหลังเธอด้วยความเดือดดาล หลังจากคิดอะไรบางอย่าง เขาก็เดินตามหลังมา ขณะที่มุมปากปรากฏรอยยิ้มน่ารังเกียจขึ้น
“คุณชายอี้ พรสวรรค์ของท่านช่างน่าสะพรึงนัก ไม่รู้ว่าท่านคิดจะเข้าร่วมกับวังเทียนจี๋ของเราหรือไม่?” ในตอนนี้เอง เหอเชียนหานก็พลันเอ่ยปากชักชวนด้วยใจที่เต้นรัว เมื่อได้ยินว่าอี้เทียนหยุนมาจากขุมอำนาจชั้น 2 ในใจก็เต้นอย่างแรง รู้สึกมีความสุขอย่างมาก ถ้าเป็นขุมอำนาจชั้น 3 เธอไม่มีทางเอ่ยชวนเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขามาจากขุมอำนาจชั้น 2 ก็พลันต่างออกไป แม้ว่าวังเทียนจี๋จะอยู่ในช่วงตกต่ำ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นขุมอำนาจชั้น 3 ถ้าสามารถชักชวนอัจฉริยะเข้าร่วมได้ล่ะก็ นั่นก็เท่ากับว่าวังเทียนจี๋จะมีอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้นอีกคน
“เรื่องนี้ข้าไม่ได้คิดจริงๆ” อี้เทียนหยุนปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง ตัวเขามาที่นี่เพื่อขุดคนออกไป หรือไม่ก็หาทางรวมวังเทียนจี๋เข้ากับนิกายเทียนเฉวียน เพื่อทำให้นิกายเทียนเฉวียนของเขาเป็นใหญ่ ไม่ใช่ให้วังเทียนจี๋เป็นใหญ่!
ถ้าเป็นวังเทียนจี๋อย่างแต่ก่อนเขาก็คงจะเลือกทำการอย่างช้าๆ แต่สำหรับวังเทียนจี๋ในตอนนี้ พวกเขาย่อมไม่ยินยอมที่จะรวมเข้ากับสำนักเล็กๆ อย่างแน่นอน ถึงแม้จะกำลังตกต่ำ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังเป็นขุมอำนาจชั้น 3 อยู่ดี
แต่จากที่อี้เทียนหยุนดู ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป วังเทียนจี๋จะต้องล่มสลายลงในไม่ช้าอย่างแน่นอน เมื่อภายในไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อให้พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์
“นี่….” เหอเชียนหานเผยสีหน้าที่ผิดหวังออกมา
“ถ้าผู้จัดการเหอคิดจะเข้าร่วมกับนิกายเทียนเฉวียนเรา ข้าก็จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก” ในตอนนี้เอง กลับเป็นฝ่ายของอี้เทียนหยุนที่ทำให้เหอเชียนหานเป็นฝ่ายตกใจ
ขุมอำนาจชั้น 2 กำลังชวนคนจากขุมอำนาจชั้น 3 เข้าร่วมอย่างงั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่คนโง่ล่ะก็ คงจะไม่มีใครยินยอมรับข้อเสนออย่างแน่นอน
“นี่ ต้องขอบคุณในความใจดีของคุณชายอี้อย่างมาก แต่ว่าข้ายังไม่ได้คิดอะไรในตอนนี้” เหอเชียนหานส่ายหัว เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
ภายใต้การนำของเหอเชียนหาน พวกเขาก็เข้ามายังส่วนในของตำหนัก เพิ่งมาถึง พวกเขาก็เห็นศิษย์หลักบางคนเดินไปมาในนี้แล้ว ศิษย์หลักพวกนี้ระดับฝึกตนไม่ธรรมดา บางคนกระทั่งทะลวงเข้าสู่ระดับหลอมรวมแล้ว นี่เทียบเท่ากับระดับผู้จัดการเลยทีเดียว
ผู้จัดการเหอตอนแรกก็เป็นศิษย์หลักนี่แหละ จากนั้นภายหลังจึงได้กลายเป็นผู้จัดการ ศิษย์หลักและผู้จัดการนั้นมีอำนาจต่างกันมาก ซึ่งแน่นอนว่าผู้จัดการมีอำนาจมากกว่า
และอี้เทียนหยุนก็เห็นร่างที่คุ้นเคยของมู่เซียนเอ๋อ(ตอนเอาชื่อไปอ่านด้วยกันมันออกเสียง “เอ้อ” ครับ แต่พอแยกเอาทีละตัวมันออกเสียง “เอ๋อ” ทั้งยังแปลว่าเด็กด้วย จึงขอเปลี่ยนมาใช้ “เอ๋อ” นะครับ) มู่เซียนเอ๋อกำลังคุยอยู่กับชายชรา และเมื่ออี้เทียนหยุนมองดูชายชราคนนั้น เขาก็พบว่าชายชราคนนั้นมีระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 5 เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโส
เมื่อเขาเห็นมู่เซียนเอ๋อ มู่เซียนเอ๋อก็เห็นเขาเช่นกัน ตอนแรกเธออ้าปากค้าง จากนั้นก็มองมาที่เขาด้วยความโกรธ “เป็นเจ้า!”
เสียงตะโกนที่อยู่ในตัวตำหนัก แม้ว่าจะไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในตำหนักพากันหันมามอง จากนั้นก็มองตามนิ้วที่ชี้มาของมู่เซียนเอ๋อ ทำให้พวกเขาเห็นอี้เทียนหยุนที่กำลังเดินมา
“ใช่แล้ว ข้าเอง” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เซียนเอ๋อ พบกันอีกแล้ว”
“พบกับหัวเจ้าสิ!” มู่เซียนเอ๋อมองไปที่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“เซียนเอ๋อเป็นอะไร หรือว่าเขารังแกเจ้า?” ผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ พูดด้วยรอยยิ้มใจดี
“นี่ จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไง….” มู่เซียนเอ๋อจะไปกล้าพูดได้ยังไงว่าตัวเองถูกอี้เทียนหยุนตีก้นเข้าน่ะ?
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมเจ้าต้องตะโกนใส่เขาด้วยล่ะ?” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเชิงสั่นสอน “เป็นเด็กผู้หญิง เวลาพูดต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ จะทำตัวป่าเถื่อนอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ใครจะกล้ามาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของเจ้ากัน?”
“ท่านปู่ ทำไมท่านพูดกับข้าอย่างนี้ล่ะ!” มู่เซียนเอ๋อกระทืบเท้า ท่าทางไม่พอใจอย่างมาก จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางเชิดๆ ว่า “คนที่จะมาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของข้า ตอนนี้ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!”
อี้เทียนหยุนพลันยิ้มออกมา นี่ช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่เอาแต่ใจจริงๆ ยังไงก็ตาม พรสวรรค์ของเธอก็น่าตื่นตะลึงอย่างมาก คนที่จะคู่ควรกับเธอนั้นมีน้อย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
“น้องชาย ที่เซียนเอ๋อแกล้งเจ้า หวังว่าเจ้าอย่าเอามาใส่ใจ เธอก็ซุกซนไปเรื่อยนั่นแหละ”
เห็นได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่คนนี้ตามใจหลานสาวของตนอย่างมาก แม้ว่าภายนอกจะทำเป็นสั่งสอนเธอ แต่ที่จริงแล้วกลับตามใจจนเกินพอดี
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ใส่ใจ” อี้เทียนหยุนยิ้ม
“เจ้าก็ต้องไม่ใส่ใจแน่นอนอยู่แล้ว!” มู่เซียนเอ๋อราวกับถูกเหยียบหาง ร้องออกมาในทันที
“ผู้อาวุโสใหญ่ นี่คือคุณชายอี้ที่ช่วยข้าในงานประลองของตำหนักซิงเฉิน ทั้งยังเป็นอันดับที่ 1 ในงานนั้น แต่เพราะความเข้าใจผิด ทำให้คนนึกว่าเขาเป็นศิษย์ที่ข้าแนะนำมา แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ศิษย์ที่ข้าแนะนำ” เหอเชียนหานออกมาแนะนำตัวอี้เทียนหยุน
“ผู้ชนะอันดับ 1 ในงานประลองตำหนักซิงเฉิน?”
ผู้อาวุโสใหญ่ตาเป็นประกาย มู่เซียนเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ ก็พลันสงบลงด้วยการโจมตีของข่าวนี้ เรื่องที่ตำหนักซิงเฉินเธอก็ได้ยินมา นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งเรื่องที่เหอเชียนหานถูกช่วยไว้ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจ
สามารถได้อันดับ 1 นั่นหมายความว่าจะต้องมีระดับไม่ต่ำกว่าชั้นที่ 4 ไม่อย่างนั้นไม่มีทางได้อันดับนี้ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ยังเยาว์ของเขา แต่กลับเป็นถึงอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ
“แค่พูดใครก็พูดได้ ไม่รู้ว่าที่พูดมานั้นจริงหรือหลอก? พวกเราไม่ได้ไปดู คิดจะพาใครมาก็ได้ แค่บอกว่าเป็นอันดับที่ 1 ข้าก็พามาได้!” ในตอนนี้ ผู้จัดการกวนก็ได้เดินมาพร้อมกับยิ้มเยาะ “นี่ก็เหมือนกับศิษย์ที่ผู้จัดการเหอพามาตอนแรกนั่นแหละ ตอนแรกก็บอกว่าเป็นคนที่โดดเด่น จะต้องเป็นศิษย์ที่โดดเด่นแน่ๆ แต่แล้วเป็นไง? ศิษย์ที่โดดเด่นที่ว่า พรสวรรค์ที่มีกลับน่าผิดหวัง ซ้ำยังทนการฝึกไม่ไหวจนต้องหนีไป!”
“ข้า นี่…. ข้าทำทุกอย่างเพื่อสำนัก” เหอเชียนหานรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอทำทุกอย่างเพื่อวังเทียนจี๋ ออกคนหาศิษย์ที่มีระดับดี แต่สุดท้ายกลับถูกพูดอย่างนี้ใส่
“ทำทุกอย่างเพื่อสำนัก?” ผู้จัดการกวนยิ้มเยาะ “ถ้าเพื่อสำนักล่ะก็ ทีหลังก็อย่าได้พาขยะกลับมามากมายขนาดนั้น มันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร! เอาจริงๆ นะ ถ้าเจ้าไม่ใช่สายเลือดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน เจ้าคงไม่ได้ตำแหน่งผู้จัดการนี้หรอก!”
“ผู้จัดการกวน พอได้แล้ว!” ผู้อาวุโสใหญ่คำรามเสียงต่ำ หยุดคำพูดที่ไม่เกรงใจของผู้จัดการกวน
อี้เทียนหยุนตกใจ เหอเชียนหานคนนี้เป็นสายเลือดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนอย่างงั้นเหรอ ไม่แปลกที่เธอจะทำทุกอย่างเพื่อวังเทียนจี๋ ยิ่งรู้เรื่องมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นตุๆ มากเท่านั้น
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าพูดอะไรผิดอย่างงั้นเหรอ? เธอพาศิษย์ที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์กลับมาบ่อยๆ แต่สุดท้ายกลับวิ่งหนีออกไปกันทุกคน” ผู้จัดการกวนพูดอย่างเย็นชา
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมคนที่ผู้จัดการเหอพามาถึงได้หนีไป?” อี้เทียนหยุนพลันพูดแทรกขึ้นมา “ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะวังเทียนจี๋แห่งนี้มันโคตรโสมมยังไงล่ะ! ในนี้เต็มไปด้วยการจับกลุ่มแบ่งพรรคแบ่งพวก คนใหม่ที่เข้ามาเป็นต้องถูกกดหัว ถูกบังคับให้ต้องขึ้นประลอง อย่าว่าแต่ศิษย์ใหม่ที่พึ่งมาเลย กระทั่งข้ายังอยากจะออกไปมันซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ!”
“เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย นี่เป็นเรื่องของวังเทียนจี๋เรา ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมาสอด!” ผู้จัดการกวนพูดอย่างเย็นชา
“เพราะข้าคือผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนยังไงล่ะ แค่นี้พอไหม!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา