CLS ตอนที่ 218: ผุพัง
ผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน!
เมื่อข่าวนี้ถูกเอ่ยออกมาก็ทำให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกคาดไม่ถึง เหอเชียนหานมองไปที่อี้เทียนหยุน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ปรากฏผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนขึ้นมาล่ะ?
อี้เทียนหยุนคิดว่าเหอเชียนหานต้องประสบกับความลำบากอย่างมาก เขาเห็นถึงความทุ่มเทที่เหอเชียนหานมีต่อวังเทียนจี๋ ดังนั้นจึงอยากช่วยเหลือคนๆ นี้ ถึงยังไงเขาก็ทำได้แค่ทุ่มเทจิตใจให้กับนิกายเทียนเฉวียน ช่วยทำให้นิกายเทียนเฉวียนแผ่ขยายออกไป ส่วนที่นี่ก็ได้แต่ทิ้งไว้อย่างนี้
ถ้าก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้ไปที่ตำหนักเทียนเหวิน เขาก็คงจะไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทำให้วังเทียนจี๋ตกต่ำ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ถ้าตำหนักอื่นๆ เป็นเหมือนกันแล้วล่ะก็ ไม่แปลกที่จะไม่มีใครอยากเข้าร่วมวังเทียนจี๋ มีกลุ่มนายน้อยจากตระกูลร่ำรวยคอยสร้างปัญหาอยู่รอบๆ แล้วอย่างนี้จะให้ฝึกฝนได้ยังไง
เห็นได้ชัดว่าเพื่อขยายอำนาจตัวเอง ทำให้วังเทียนจี๋รับตระกูลเหล่านี้เข้ามา ทั้งตอนแรกยังต้องมีข้อเสนออย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วกลับเป็นการนำปัญหามาสู่ตัวเอง
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเหอเชียนหานเป็นสายเลือดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน เขาก็จำเป็นต้องออกหน้า ตามทฤษฎีแล้ว เขาเท่ากับเป็นศิษย์ครึ่งหนึ่งของราชาวิญญาณเซวียนเทียน ทั้งนิกายเทียนเฉวียนยังต้องพึ่งพาซากโบราณสถานเทียนเฉินเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณที่ได้รับมานี้
“เจ้าเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน น่าขำ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าพูดอะไรออกมา?” ผู้จัดการกวนหัวเราะเยาะ “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านดูสิ คนที่ผู้จัดการเหอพามาคนนี้ กล้ามาหลอกว่าเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน! พูด เจ้ามาที่นี่ แท้จริงแล้วมีเป้าหมายอะไร คิดจะขโมยทรัพยากรของวังเทียนจี๋เราอย่างนั้นใช่ไหม?”
อึดใจต่อมา สายตาของอี้เทียนหยุนก็มีแสงเย็นชาวาบผ่าน พร้อมกับฟาดฝ่ามือออกไป บนฝ่ามือนั้นมีลำแสงสีฟ้าจางๆ คลุมอยู่ “เพี๊ยะ” ผู้จัดการกวนถูกตบจนปลิว จนไปชนเข้ากับกำแพงหนา
แรงปะทะที่รุนแรงทำให้กำแพงถึงกับสั่น เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือนี้รุนแรงแค่ไหน
ภายใต้ฝ่ามือนี้ ใบหน้าของผู้จัดการกวนถึงกับบวม ฟันร่วงลงมามากมาย ฝ่ามือที่ฟาดออกมาอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้จัดการกวนถึงกับมึนงง หลังจากลุกขึ้นมา เขาก็ชี้มาที่อี้เทียนหยุนพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้า เจ้ากล้าตบข้า…. นี่ นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียนอย่างงั้นเหรอ?”
บนฝ่ามือของอี้เทียนหยุนมีลำแสงที่คล้ายกับผลึก นี่คือผลยามเมื่อใช้เคล็ดวิชาเซวียนเทียน ซึ่งสามารถควบแน่นให้ผลึกแข็งขึ้นคลุมร่างไว้ชั้นหนึ่ง ช่วยต้านรับการโจมตีที่เข้ามา ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนไม่ได้ใช้มันออกมา ไม่ใช่เพราะว่าวิชานี้ไม่ดี แต่เพราะว่าเพียงแค่พลังของเขาก็สามารถสังหารศัตรูทุกคนได้ในพริบตาแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องป้องกัน
เมื่อคนอื่นๆ เห็นผลลัพธ์นี้ ทันใดนั้นก็รู้ว่านี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน! ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของราชาวิญญาณเซวียนเทียน หากไม่ใช่ศิษย์สายตรงแล้วล่ะก็ จะไม่มีทางรู้วิธีฝึกวิชานี้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งสายเลือดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนอย่างเหอเชียนหานเอง ก็ยังไม่มีเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ให้ฝึก
จนกระทั่งทุกวันนี้ วังเทียนจี๋ยังไม่มีเคล็ดวิชาเซวียนเทียนที่สมบูรณ์อยู่กับตัว ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้เห็นก็พากันตกใจ ยิ่งกว่านี้ พวกเขายังเชื่อในทันทีว่านี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน
“ฮึ่ม นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียน บอกว่าข้าแกล้งเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนอย่างงั้นเหรอ นี่มันใส่ร้ายข้าชัดๆ! คุณชายอย่างข้าจำเป็นต้องแกล้งด้วยอย่างงั้นเหรอ!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา
“ท่านคือผู้สืบทอดของท่านบรรพชน” เหอเชียนหานเอามือกุมปากด้วยท่าทางมีความสุข ทั้งตกใจ รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออย่างมาก
“ใช่แล้ว ข้าคือผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน” อี้เทียนหยุนพยักหน้า
มู่เซียนเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ มีท่าทางตกตะลึง เด็กหนุ่มลามกตรงหน้านี้ กลับเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน? ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินว่าเป็นอาจารย์สลักอาคมชั้น 4 นี่มันจะไม่ท้าทายสวรรค์มากไปหน่อยเหรอ?
“นี่ นี่คือเคล็ดวิชาเซวียนเทียนจริงๆ ดี ดีมาก!” ความเจ็บปวดบนใบหน้าของผู้จัดการกวนเหมือนกับหายไป เขารีบพูดขึ้นว่า “เร็ว รีบส่งเคล็ดวิชาเซวียนเทียนมาซะ นี่เป็นสมบัติของวังเทียนจี๋เรา!”
“ใช่ เคล็ดวิชาเซวียนเทียนเป็นสมบัติของวังเทียนจี๋เรา โปรดมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนคืนมาด้วย!” ในตอนนี้เอง คนที่พูดขึ้นมาไม่ใช่ผู้อาวุโสใหญ่ แต่เป็นชายชราอีกคนที่เดินออกมาจากข้างใน ระดับของเขาอยู่ที่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 4 นับว่าไม่อ่อนแอ
หลังจากชายชราคนนี้ออกมา ก็มีชายชราอีกคนออกมาด้วย ชายชราคนนี้ก็มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 4 เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโส
สายตาที่พวกเขามองมาที่อี้เทียนหยุนราวกับมองมายังสมบัติ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ทั้งลึกลงไปในแววตายังมากไปด้วยความโลภ
“ผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสาม ท่านมาแล้ว!” ผู้จัดการกวนรีบวิ่งไป ราวกับพบคนหนุนหลัง
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามาจากไหน แต่เคล็ดวิชาเซวียนเทียนเป็นสมบัติของวังเทียนจี๋เรา โปรดมอบมันให้เราด้วย!” ผู้อาวุโสรองมองมาที่เขาแล้วพูดอย่างจริงจัง
อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ได้ยินว่าเป็นมีเคล็ดวิชาเซวียนเทียน จึงรีบบอกให้เขาส่งมอบออกไป ไม่คิดเลยว่าราชาวิญญาณเซวียนเทียนจะไม่ทิ้งเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไว้ที่นี่ เขาต้องมีเป้าหมายของเขาอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสรอง ก่อนหน้านี้บรรพชนของข้าไม่ได้บอกอย่างนี้ ท่านบอกว่าวิชานี้ส่งมอบให้แก่ศิษย์ของตนเท่านั้น ไม่ได้ส่งมอบให้สำนัก!”
อี้เทียนหยุนยังทันได้พูดอะไร เหอเชียนหานก็พูดออกมาก่อน ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงของเธอยังเป็นการปกป้องอี้เทียนหยุนอีกด้วย
“อืม คำพูดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนพวกเราต้องทำตาม” ผู้อาวุโสใหญ่พูดขึ้นมาจากอีกฝั่ง คิ้วของเขาขมวดมุ่น ไม่พอใจกับคำพูดของผู้อาวุโสรอง
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้ามีคำถาม ถ้าเขาเป็นผู้สืบทอดจริง ทั้งยังไม่ส่งมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกมาอีก หรือท่านจะยอมให้เขาเป็นผู้อาวุโสของวังเทียนจี๋?” ผู้อาวุโสรองพูดอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ทำไมไม่ฝึกมันล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดแทรกขึ้นมา
ผู้อาวุโสรองคนนี้ช่างน่าขำนัก คำพูดแบบนี้ยังกล้าพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นข้ออ้างที่จะบังคับเอาเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไปจากเขา
“ท่านบรรพชนไม่ได้ทิ้งเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไว้ ตราบเท่าที่ใครก็ตามสามารถฝึกวิชานี้ได้ ก็เท่ากับเป็นผู้สืบทอด! และตามเงื่อนไข คนๆ นั้นสามารถขึ้นเป็นผู้อาวุโสของวังเทียนจี๋ได้!” เหอเชียนหานพูดอย่างเย็นชา
เธอพร้อมจะต่อสู้เพื่อความปรารถนาสุดท้ายของบรรพบุรุษตัวเอง ไม่ว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นใคร ถ้าเขาฝึกวิชาเซวียนเทียน เขาก็คือผู้สืบทอด
“ผู้จัดการเหอ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร แต่พวกเราไม่รู้จักเขา ยิ่งกว่านั้น วังเทียนจี๋ของเราตอนนี้ยังอยู่ในขั้นวิกฤต ถ้าไม่ส่งมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกมา ก็อย่างหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้!” ผู้อาวุโสรองก้าวออกมา พร้อมกับประทุพลังระดับก่อแกนวิญญาณออกมา แพร่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ผู้อาวุโสสามที่อยู่ใกล้ๆ ก็ปลดปล่อยพลังออกมาเช่นกัน พร้อมทั้งทำการปิดเส้นทางไว้ ไม่ปล่อยให้มีช่องหลบออกไป
“ท่านจะทำอะไร!” เหอเชียนหานยืนขวางหน้าอี้เทียนหยุน พร้อมกับพูดอย่างไม่ยอมถอย “ท่าน ท่านคิดจะละเมิดความหวังสุดท้ายของท่านบรรพชนอย่างงั้นเหรอ!”
“ไม่ พวกเราทำอย่างนี้เพื่อวังเทียนจี๋ สำหรับราชาวิญญาณเซวียนเทียนนั้น….. แต่แรกแล้ว พวกเราก็ไม่รู้ว่าราชาวิญญาณเซวียนเทียนหายไปไหน ทั้งยังไม่ยอมกลับมาอีก กระทั่งกระดูกยังไม่เห็น บางทีอาจจะเป็นเจ้าหนูนี่เป็นคนเก็บได้ก็ได้!” ผู้อาวุโสรองพูดเหน็บ “แล้วอย่างนี้เจ้ายังจะให้ข้ายอมรับมันอย่างงั้นเหรอ? นี่เหมือนกับเป็นการทำร้ายราชาวิญญาณเซวียนเทียนชัดๆ!”
บิดเบือนความจริง นี่เป็นสิ่งที่เดรัจฉานมักทำกัน
สายตาของอี้เทียนหยุนพลันมีแสงเย็นเยียบแวบผ่าน เขาคิดว่าการเปิดเผยฐานะจะทำให้พวกเขายอมรับตนเอง แต่ใครจะรู้ว่าจะเป็นการนำกลุ่มคนโลภเข้ามาแทน จากสายตาพวกเขา เห็นราชาวิญญาณเซวียนเทียนอยู่ในสายตาซะที่ไหน เห็นได้ชัดว่าคิดลงมือกับตัวเอง!
เคล็ดวิชาเซวียนเทียนช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ทำให้มีโอกาสสูงมากที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้ยังไง?
ดูเหมือนว่าวังเทียนจี๋แห่งนี้จะมาถึงจุดที่แม้แต่ความหวังสุดท้ายของบรรพชนยังต้องผุพังลง แล้วอย่างนี้จะไปพูดถึงเรื่องการขยับขยายอะไรอีก?