CLS ตอนที่ 219: รวมหัว
ขณะที่อี้เทียนหยุนเตรียมจะพูดอะไรอยู่นั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็ได้ออกมายืนด้านหน้าเหอเชียนหาน พร้อมกับเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสรอง แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าจะเอาอย่างนี้จริงๆ? นี่คือความหวังสุดท้ายของราชาวิญญาณเซวียนเทียน ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ เฒ่าชราอย่างเจ้าควรจะรู้ เขาเป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียน นอกจากเขาจะเต็มใจมอบให้เองแล้ว ไม่มีใครสามารถบีบบังคับเขาได้! ราชาวิญญาณเซวียนเทียนพูดเอาไว้ว่า ท่านจะส่งมอบมันให้กับลูกศิษย์ของท่านเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ ข้าคิดว่านี่ก็เป็นเหตุผลของมันอยู่แล้ว!”
เหตุผลนี้ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สักทีว่าทำไมวังเทียนจี๋ถึงได้ตกต่ำ เพราะขาดเคล็ดวิชาเซวียนเทียนฉบับสมบูรณ์ ทำให้สุดท้ายแล้วไม่มีใครในวังเทียนจี๋สามารถไปถึงระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยทำให้ระดับพลังแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ก็ไม่ใช่ความปรารถนาของราชาวิญญาณเซวียนเทียน
ด้วยเหตุที่ว่าเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไม่เหมาะให้ศิษย์หมู่มากเป็นคนฝึก ซึ่งง่ายมากที่จะก่อให้เกิดปัญหากับวังเทียนจี๋ ยิ่งกว่านั้น เงื่อนไขในการฝึกยังไม่เหมือนเกณฑ์ทั่วไป จึงส่งผ่านเพียงแค่ศิษย์ของตนเท่านั้น ให้แต่ละรุ่นทำการขัดเกลากันไป ซึ่งจะช่วยทำให้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนพัฒนาขึ้น
พูดตรงๆ แล้ว วิชานี้ส่งต่อให้ศิษย์ของตนเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับศิษย์คนอื่นในวังเทียนจี๋หรือสายเลือดของตน
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านอยากจะให้วังเทียนจี๋ยอมรับสิทธิ์นี้จริงๆ น่ะเหรอ?” ผู้อาวุโสรองสายตาเย็นชา จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “อย่าว่าแต่ข้าเท่านั้น กระทั่งประมุขเองก็เห็นชอบด้วยเช่นกัน ท่านลองคิดดู เคล็ดวิชาเซวียนเทียนมีชื่อเสียงขึ้นที่นี่ ทั้งราชาวิญญาณเซวียนเทียนยังเป็นคนของวังเทียนจี๋ ข้าคิดว่า ถ้าราชาวิญญาณเซวียนเทียนยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็ต้องเลือกสนับสนุนเราอย่างแน่นอน!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม ทุกคำพูดล้วนแต่ทำเพื่อวังเทียนจี๋
“ผู้อาวุโสรอง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ ที่ท่านต้องการเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะท่านไม่สามารถเลื่อนระดับได้มาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงต้องการฝึกเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้!” เหอเชียนหานเปิดเผยความในใจของพวกเขาออกมา “ป่าวประกาศว่าเพื่อบรรพชน เพื่อวังเทียนจี๋ แต่แค่ความหวังสุดท้ายของบรรพชนท่านยังไม่เห็นอยู่ในสายตา? แล้วถ้าเกิดท่านได้เคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ไปจริงๆ ท่านเต็มใจที่จะส่งต่อให้กับศิษย์คนอื่นๆ หรือเปล่า?”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ตราบเท่าที่ศิษย์คนนั้นมีพรสวรรค์มากพอ ทำคุณประโยชน์มากพอ ก็สามารถฝึกเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ได้!” ผู้อาวุโสรองพูดออกมาอย่างเที่ยงธรรม
“เดี๋ยวก่อนนะ” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกมาขัดขวางการทะเลาะกันของพวกเขา ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องมา “พูดไร้สาระกันพอหรือยัง ข้าไม่สนว่าจะเพื่อสำนักหรือว่าอะไรก็ตาม ตอนนี้ข้าคือผู้สืบทอด เป็นคนเดียวที่รู้วิธีฝึกเคล็ดวิชาเซวียนเทียนนี้ ถ้าข้าไม่ให้ พวกเจ้าจะทำยังไง?”
“วางใจได้ ข้ามีเป็นร้อยวิธีที่จะทำให้เจ้าพูด!” ในสายตาที่มองมาของผู้อาวุโสรองปรากฏลำแสงดุร้ายวาบผ่าน
“ข้าก็มีเป็นร้อยวิธีที่จะจัดการเจ้าคนลุกไม่ขึ้น” อี้เทียนหยุนพูดเยาะ “ถ้าเก่งจริงก็ลองลงมือกับข้าดู?” เขาก้าวออกไป ยืนขวางหน้าผู้อาวุโสใหญ่ พร้อมกับส่งสายตาให้พวกเขาลงมือ
“โอหังนัก ไม่คิดว่าเคล็ดวิชาเซวียนเทียนจะตกมาอยู่ในมือขยะอย่างเจ้า! เมื่อเป็นอย่างนี้ วันนี้ข้าก็จะขอกวาดล้างสำนักเพื่อราชาวิญญาณเซวียนเทียน!” ผู้อาวุโสรองยิ้มเย็นชา ถีบเท้าลงกับพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อี้เทียนหยุนราวกับพายุเฮอริเคน ระหว่างที่พุ่งมา เขาก็ยื่นมือเป็นกรงเล็บเหยี่ยวออกมา ตรงใส่ร่างอี้เทียนหยุน
ผู้อาวุโสใหญ่รีบมาขวางอยู่ข้างหน้าอี้เทียนหยุนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสรอง หยุดมือ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ดูเหมือนท่านจะเลอะเลือนแล้ว ถ้าอย่างนั้นโปรดระวังตัวด้วย!” ผู้อาวุโสรองไม่สนใจผู้อาวุโสใหญ่ พร้อมทั้งปะทุพลังทั้งหมดออกมาทันที คลื่นพลังที่ปล่อยออกมานั้น แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้ามาก เป็นการระเบิดพลังทั้งหมดออกมาเพื่อจัดการศัตรูให้สิ้นซาก
ผู้อาวุโสใหญ่ก็ปะทุพลังออกมาเช่นกัน เขาที่ออกมาขวางหน้าอี้เทียนหยุนไว้ เห็นได้ชัดว่าสนับสนุนความหวังสุดท้ายของราชาวิญญาณเซวียนเทียน
“ท่านปู่ ท่านบาดเจ็บอยู่นะ…..” มู่เซียนเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ ร้องออกมา
ขณะที่กำลังจะปะทะกันนั้น ทันใดนั้นก็มีร่างๆ หนึ่งโผล่เข้ามาขวาง พร้อมกับเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสรอง
“เปรี้ยง!”
เสียงปะทะกันดังสนั่นทั่วทั้งตำหนัก ผู้อาวุโสรองถูกฝ่ามือนั้นซัดจนปลิวไปอัดกับกำแพง หลังจากกระอักเลือดออกมาคราหนึ่งก็หล่นตุบลงมา ปากกระอักเลือดออกมาเป็นสาย คอเอียงไปด้านข้าง ราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส
“นี่คือวิธีแรก ตบหน้าเจ้ายังไงล่ะ! ข้าเพิ่งจะใช้วิธีนี้ไปเร็วๆ นี้เอง คนบางคนนั้นใช้การไม่ได้ แต่หนังหนาหน้า พูดจาโกหกได้โดยที่ไม่กระพริบตา!”
อี้เทียนหยุนเดินมา ความเร็วที่น่าตื่นตะลึง ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่!
ผู้อาวุโสรองลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าลูกสำส่อน ตายซะ!” ขณะเดียวกัน เขาก็ทำการตบพื้น พร้อมกับกระโจนเข้าใส่เขาด้วยพลังระดับก่อแกนวิญญาณ ความเร็วที่พุ่งเข้ามานี้ ราวกับเสือร้ายที่กำลังตะปบเหยื่อ
สายตาของอี้เทียนหยุนมีแสงเย็นชาแวบผ่าน ถีบเท้าพุ่งออกมา ความเร็วที่ใช้ออกยังเร็วกว่าของผู้อาวุโสรองเสียอีก เมื่อไปถึงด้านหน้าผู้อาวุโสรอง เขาก็ทำการฟาดขาออกไปอย่างแรง ราวกับสายฟ้าฟาด เร็วจนผู้คนเห็นไม่ถนัดตา
“เปรี้ยง!”
ผู้อาวุโสรองเป็นราวกับลูกหนัง ถูกแข้งหวดกระเด็นจนไปติดกำแพง หน้าอกยุบลงเป็นโพลงใหญ่ ไม่รู้ว่าซี่โครงหักไปกี่ซี่
“นี่คือวิธีที่สอง อัดให้จำ!”
อี้เทียนหยุนพูดจบก็เดินตรงเข้าหาผู้อาวุโสรอง เหอเชียนหานกับพวกพากันตกใจ พลังที่อี้เทียนหยุนแสดงออกมาน่ากลัวนัก จัดการกับผู้อาวุโสรองได้ง่ายราวกับปอกกล้วย! ผู้อาวุโสรองมีระดับอะไรกัน เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 4 แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ถูกอี้เทียนหยุนจัดการได้อย่างง่ายดาย นี่หมายความว่าระดับของเด็กหนุ่มคนนี้ก็อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณเช่นกันอย่างงั้นเหรอ?
“ช่วย ช่วยข้าด้วย…..” ผู้อาวุโสรองกระทั่งมือยังยกไม่ขึ้น รีบร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสสาม
และในตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสสามได้สติ เขามองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาแตกตื่น “เจ้าเด็กนี่ได้รับเคล็ดวิชาเซวียนเทียนแล้วจริงๆ สมกับเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่อย่างนั้น เด็กหนุ่มคนนี้คงไม่สามารถมีระดับที่น่าตื่นตะลึงขนาดนี้ได้……..”
เขาหยิบแผ่นหยกออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบดขยี้มัน ขณะที่จ้องไปที่อี้เทียนหยุนแล้วพูดขึ้น “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าไปหน่อย แต่ตอนนี้เจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว…..” เขาเลียริมฝีปาก พร้อมกับมองมาอี้เทียนหยุนราวกับมองสมบัติ
น้ำเสียงเขาเพิ่งจะจบ ก็พลันมีร่างหลายร่างปรากฏขึ้นจากสี่ทิศแปดทาง คนหลายคนนี้สวมชุดสีดำ มองไม่เห็นหน้าตาของพวกเขา แต่บนตัวของพวกเขากลับเปล่งกลิ่นอายผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณออกมา
“นี่ นี่คือผู้คุ้มกันเงาจากอาณาจักรใต้พิภพ!!” ผู้อาวุโสใหญ่ร้องออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้า เจ้ารวมหัวกับอาณาจักรใต้พิภพ…… ถ้าอย่างนั้น คนที่ลอบโจมตีข้าเมื่อสองวันก่อนก็เป็นผู้คุ้มกันเงาพวกนี้สินะ!”
“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสใหญ่ เจ้าก็ไม่ได้โง่นี่ การลอบโจมตีครั้งนั้นเจ้ารอดมาได้ ถือว่าโชคดีมาก ข้าคิดที่จะครอบครองวังเทียนจี๋แห่งนี้มานานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าผู้สืบทอดเคล็ดวิชาเซวียนเทียนจะโผล่ออกมาได้ถูกเวลาอย่างนี้!” ผู้อาวุโสรองยิ้มเยาะ “ถ้าเอาเคล็ดวิชาเซวียนเทียนไปมอบให้กับอาณาจักรใต้พิภพได้ล่ะก็ ข้าจะต้องได้รางวัลอย่างงามอย่างแน่นอน!”
“ท่านประมุข…..” ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าซีดขาว
“ประมุขอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสรองยิ้มเยาะ “เขาได้ถูกพวกเราควบคุมไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้ายังอุตส่าห์คิดถึงเขาอีกนะ? ตอนนี้เขาถูกทำลายเส้นชีพจรพร้อมกับขังเอาไว้ในห้องใต้ดิน….. เป็นเพราะเขาไม่ยอมจำนน จึงทำให้ต้องเป็นแบบนี้!”
“เจ้า เจ้ามันกบฏ!” ผู้อาวุโสใหญ่หน้าแดง พร้อมกับกระอักเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บหนัก
“ท่านปู่…..” มู่เซียนเอ๋อรีบเข้าไปประคองผู้อาวุโสใหญ่
อี้เทียนหยุนมองไปยังผู้เชี่ยวชาญรอบๆ พร้อมกับยิ้มออกมา “นี่มันก้อนประสบการณ์ชัดๆ….. ตอนแรกว่าจะมาดูว่าสถานที่ที่ราชาวิญญาณเซวียนเทียนเติบโตมาว่าเป็นยังไง ตอนนี้ดูเหมือนว่าต้องช่วยทำความสะอาดสำนักให้ซะแล้ว!”