CLS ตอนที่ 222: ประมุข
“เป็นศิษย์ของพวกเราวังเทียนจี๋….”
เหอเชียนหานตาเป็นประกาย แต่ก็อายเกินกว่าจะเอ่ยปาก ระดับของอี้เทียนหยุนแข็งแกร่งมาก เหมาะกับการเป็นศิษย์ที่ไหน? อย่างน้อยต้องระดับผู้อาวุโสแล้ว แต่ถ้าจะให้เขาเป็นผู้อาวุโสทั้งอย่างนี้ มันก็ไม่ค่อยเหมาะใช่ไหมล่ะ?
ผู้อาวุโสใหญ่หันกลับมา จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายอี้ เอาจริงๆ นะ ด้วยระดับอย่างเจ้า การจะให้เป็นผู้อาวุโสก็ไม่ใช่ปัญหา ครั้งนี้เจ้าช่วยพวกเราจัดการเรื่องกบฏไปได้มาก การจะให้เจ้าเป็นแค่ศิษย์ก็คงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเข้าร่วมวังเทียนจี๋ของเราจริงๆ ตำแหน่งผู้อาวุโสเป็นของเจ้าแน่แล้ว กระทั่งข้ายังเต็มใจที่จะลดตัวลงมาเป็นผู้อาวุโสรองเองเลย”
“นี่….” อี้เทียนหยุนเงียบไป ตามจริงแล้ว มันไม่มีปัญหามากนักที่ต้องเข้าร่วมวังเทียนจี๋
กลุ่มขุมอำนาจชั้น 2 มากมายต่างก็อยากจะให้ศิษย์ของตนเข้าร่วมกับขุมอำนาจที่ชั้นสูงกว่า ซึ่งก็เท่ากับการเข้าใกล้ความทรงอำนาจขึ้นไปอีก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาของเขาคือเขาไม่ชอบที่ต้องจัดการงานอะไรมากมาย เพราะทุกวันนี้เขาก็ยุ่งจนแทบบ้าอยู่แล้ว
“ข้ารู้ว่าสถานการณ์ของวังเทียนจี๋ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ข้าก็อยากให้เจ้าคิดดู พวกเราไม่ได้บังคับอะไร” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ว่าอะไรหากเขาจะไม่เข้าร่วม เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนอยู่แล้ว
อี้เทียนหยุนเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจความหมายของเขาผิด เขาแค่อยากจะบอกว่าเขามีเรื่องอีกหลายอย่างต้องจัดการ เขาไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนี้ ยังมีเรื่องมากมายรอคอยเขาอยู่
จากนั้น ภายใต้การนำของผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขาก็มาถึงยังห้องลับของวังเทียนจี๋ จากนั้นพวกเขาก็เดินลงไปยังชั้นใต้ดินพร้อมๆ กัน
“ที่นี่ไม่ค่อยมีคนลงมา นอกเสียจากจะมีนักโทษให้ต้องจับมาคุมขัง แต่ใครจะคิดว่าประมุขจะถูกขังที่นี่แทน…..” ผู้อาวุโสใหญ่พูดมาถึงตรงนี้ ฝีเท้าก็เร่งความเร็วขึ้น เขาเป็นห่วงอาการของประมุข
จากนั้น พวกเขาก็มาถึงอย่างรวดเร็ว กลิ่นอับชื้นโชยมาจากข้างใน ด้านหน้ามีแต่ความมือคงอยู่ ผู้อาวุโสใหญ่จุดคบเพลิงขึ้น พร้อมกับถือคบเพลิงเดินเข้าไปด้านใน รอบๆ มีแต่โซ่ตรวนที่ว่างเปล่า เดินมาได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ ดังมาจากข้างหน้า
“หึหึ พวกลูกสำส่อน คิดจะมาทรมานข้าอีกสินะ…..” เสียงที่อ่อนแรง พร้อมทั้งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังมาจากข้างใน
“ท่านประมุข!!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อไปถึง ก็ได้เห็นชายกลางคนที่ถูกโซ่ล่ามไว้ตรงกำแพง ตั้งแต่บนลงล่าง ล้วนแต่เต็มไปด้วยคราบเลือด ผมฟูยุ่งไม่เป็นทรง มองด้วยตาเปล่าก็เห็นบาดแผลบนร่างเขามากมาย โดยเฉพาะมือและเท้าที่แทบจะขาดออกจากกัน ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้ ทำได้เพียงนั่งพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง
“ผู้ ผู้อาวุโสใหญ่อย่างงั้นเหรอ?” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างในราวกับมีพลังขึ้นมาอีกหลายส่วน มองมาที่นี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
“ท่านประมุข ข้า ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่คำรามอย่างกราดเกรี้ยว เรียกกระบี่ออกมาตัดโซ่ออก ความจริงโซ่นี้ก็ไม่ได้แน่นหนานัก ทำให้ขาดออกได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ประมุขคนนี้มือและเท้าใช้การไม่ได้ ทั้งพลังฝึกตนยังถูกทำลายอีก อย่าว่าแต่หนีเลย แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็บุญแล้ว
อย่างกะทันหัน เมื่อมู่เซียนเอ๋อได้เห็นสภาพของประมุขชัดๆ ก็ร้องเสียงหลงออกมา พร้อมกับเอามือกุมปาก
สภาพของประมุขน่าสงสารมาก ยิ่งมาเห็นใกล้ๆ ยิ่งน่าสงสาร เลือดของเขายังไหลออกมาไม่หยุด กระทั่งรอบๆ ยังเต็มไปด้วยตะปูหลากหลายแบบ ดูแล้วน่ากลัวมาก ไม่รู้ว่าต้องเจอกับการทรมานแบบไหน
เมื่ออี้เทียนหยุนได้เห็นก็อดขมวดคิ้วออกมาไม่ได้ คนพวกนี้โหดเหี้ยมจริงๆ แค่หักหลังพวกเดียวกันก็น่ารังเกียจพออยู่แล้ว แต่นี่ยังทำเรื่องที่ไร้มนุษย์แบบนี้อีก
“ทะ ที่นี่อันตราย เจ้ารีบ รีบออกไป….” ประมุขรีบยกแขนขึ้น แต่ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ ทำให้ไม่สามารถยกขึ้นได้
“ไม่ พวกมันถูกจัดการแล้ว กระทั่งสุนัขรับใช้ของอาณาจักรใต้พิภพ พวกผู้คุ้มกันเงาก็ถูกพวกเราจัดการแล้ว!” ผู้อาวุโสใหญ่เบ้าตาแดงก่ำ ความกล้าหาญในใจพังทลายลงโดยสมบูรณ์ เมื่อต้องมาเห็นสภาพที่น่าสงสารของประมุขอย่างนี้ จะไม่ให้ในใจของเขาเจ็บปวดได้ยังไง
ประมุขที่มีท่าทางใจดี ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถูกทรมานอย่างนี้ ตอนนี้เขาคิดว่าฆ่าพวกมันง่ายเกินไป ความโกรธในใจของเขาได้ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
“ดี ดี….. นี่มันดีมาก” ประมุขเผยรอยยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนี้กลับดูน่าสงสารอย่างมาก
“ท่านประมุข กินยารักษานี้เร็ว จะได้รีบฟื้นตัว….” ผู้อาวุโสใหญ่รีบหยิบยารักษาออกมา แต่เมื่อประมุขเพิ่งจะกินเข้าไปก็ไอเป็นเลือดสีดำออกมา
“นี่มันอาการของคนถูกพิษ….” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นเลือดสีดำก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนพวกมันจะวางยาพิษเอาไว้ด้วย ซึ่งพิษคงออกฤทธิ์ถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ต่อให้รักษาได้ สุดท้ายก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์อยู่ดี
ถ้าอยากจะฟื้นคืนระดับฝึกตนอีกครั้งเกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก นอกจากจะได้เม็ดยาเทวะระดับชั้นยอดมา แต่กลัวว่าราคาของมันนั้น ต่อให้ขายวังเทียนจี๋ทั้งสำนักก็ไม่มีทางซื้อได้
“ไอ้พวกลูกสำส่อนนั่น!” ผู้อาวุโสใหญ่คำรามเสียงต่ำ ในใจอัดแน่นไปด้วยเพลิงโกรธ
“ข้าทำอะไรไม่ได้แล้ว…. ไม่ต้องสนใจข้าหรอก” ประมุขเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา ราวกับปล่อยวางแล้ว
“ไม่ ท่านประมุขไม่ต้องกังวล พวกเราจะไปหายาถอนพิษมาเดี๋ยวนี้ล่ะ…..” ผู้อาวุโสใหญ่เพิ่งจะยกเขาขึ้น เลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลของเขาไม่หยุด ตอนนี้อย่าว่าแต่พาเขาออกไปเลย กลัวว่าถ้าไม่รีบ กระทั่งชีวิตก็จะไม่เหลือ
ตอนนี้สภาพของประมุขย่ำแย่มาก เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถมีชีวิตได้เป็นเวลานาน
“เปล่าประโยชน์….. ยาพิษของพวกมัน ต้องใช้ยาถอนพิษเฉพาะ….” เสียงของประมุขยิ่งมายิ่งแผ่ว ราวกับเปลวไฟแห่งชีวิตกำลังจะมอดดับได้ทุกเมื่อ
สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ให้ข้าลองดูไหม?”
“เจ้าจะลองอะไร?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกตกใจ
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “รักษาประมุข” สำเร็จ เมื่อสำเร็จได้รับ ค่าประสบการณ์ 1 ล้าน, ค่าความคลั่ง 10,000, ค่าความชอบของประมุขเพิ่มขึ้น 100, ค่าความชอบของผู้อาวุโสใหญ่เพิ่มขึ้น 100, ค่าความชอบของมู่เซียนเอ๋อเพิ่มขึ้น 100, ค่าความชอบของเหอเชียนหานเพิ่มขึ้น 100, ค่าความดีเพิ่มขึ้น 100!”
อี้เทียนหยุนไม่รอช้า ยื่นมือออกไปแตะเลือด ตาทั้งสองข้างจ้องเขม็ง พร้อมกับใช้ดวงตาประเมินตรวจสอบข้อมูลของเลือดนี้อย่างบ้าคลั่ง พยายามวิเคราะห์ยาพิษข้างใน จากนั้นก็กลั่นยาแก้พิษออกมา
แล้วก็จริง ภายใต้ดวงตาประเมิน ข้อมูลของพิษก็ถูกวิเคราะห์ออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาประเมินนั้น ไม่เพียงแต่จะสามารถเห็นข้อมูลของคนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นผลลัพธ์ของเม็ดยาได้ด้วย กระทั่งสามารถวิเคราะห์ว่ายาเม็ดนี้มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
ยังไงก็ตาม กับยาระดับสูง กลัวว่าจะไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ แต่ยาพิษที่อยู่เลือด ยังสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อยู่
“กำลังวิเคราะห์…..”
“……”
“วิเคราะห์พิษในเลือดสำเร็จ, พิษผีเสื้อ, หญ้าลั่วหยุน…..”
“เข้าใจแล้ว!”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เอาเตาหลอมเพลิงม่วงศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นก็เอาสมุนไพรใส่เข้าไปข้างใน พร้อมกับเรียกเปลวเพลิงนิรันดร์ออกมา ทำให้ทั่วทั้งห้องสว่างไสว
“กละ กลั่นโอสถ?”
พวกเขาพากันตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหอเชียนหาน อี้เทียนหยุนไม่เพียงแต่จะสลักอาคมได้เท่านั้น แต่กระทั่งกลั่นโอสถก็ได้ด้วย?
แม้ว่าการเรียนสลักอาคมและกลั่นโอสถจะไม่ขัดแย้งกันก็จริง แต่ว่าเวลาที่ต้องใช้นั้นนานมาก