CLS ตอนที่ 226: เพิ่มระดับอย่างต่อเนื่อง!
พวกเขายกบัตรเชิญขึ้นมาดู บนนั้นไม่ได้เขียนหัวข้ออะไรไว้ เพียงแต่ใช้ตัวอักษรทองแดงสลักไว้ข้างบน “อาณาจักรใต้พิภพ(幽冥帝国)” สี่ตัวอักษร ที่เหลือเป็นสถานที่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีก กระทั่งว่าส่งถึงใครยังไม่บอก
ยังไงก็ตาม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะคงไม่มีใครกล้ามอบบัตรเชิญให้คนอื่น ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่สามารถจินตนาการได้
อี้เทียนหยุนในตอนนี้ยังไม่กล้าหาเรื่องขุมอำนาจระดับอาณาจักร เขาในตอนนี้สามารถต่อกรได้แค่กับปรมาจารย์ระดับผันแปรวิญญาณทั่วไปเท่านั้น ถ้าต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ กลัวว่าคงถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่อย่างนั้นด้วยท่าทางอวดดีของตัวแทนเมื่อกี้นี้ คงถูกเขาตบไปแล้ว
เพราะงั้นอย่าทำตัวอวดดี ถ้ายังไม่มีความสามารถระดับท้าทายสวรรค์?
และแน่นอนว่าตัวแทนนั้นไม่ได้มีความสามารถระดับท้าทายสวรรค์ ระดับของเขายังไม่เข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณด้วยซ้ำ อยู่เพียงแค่ระดับก่อแกนวิญญาณเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าผู้มาใหม่นี้จะแย่มาก ส่งบัตรเชิญให้เราอย่างนี้ เหมือนกับกำลังบอกให้เราไปขออภัยโทษอย่างไงอย่างงั้น” อี้เทียนหยุนอ่านบัตรเชิญในมือ ราวกับกำลังถือถ่านร้อนๆ
“อืม นี่เพราะว่ามีผู้คุ้มกันเงาหลายคนถูกฆ่า พวกเขาจะต้องคิดว่าพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ เมื่อพวกกบฏตาย ที่เหลือคงมีแต่ขออภัยโทษถ่ายเดียวแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่คิดได้แค่ทางนี้ทางเดียว
อี้เทียนหยุนหรี่ตา เขาอยากจะไป แต่เขาก็วางแผนว่าจะไปที่ตำหนักซิงเฉินเช่นกัน ตอนนี้เขาต้องไปในนามของวังเทียนจี๋ ซึ่งความสำคัญของมันนั้นต่างกันโดยสมบูรณ์ เพราะสำหรับตำหนักซิงเฉินแล้ว เขาก็แค่พอรู้จัก ถึงยังไงก็ไม่ใช่สำนักของตน
ตอนนี้วังเทียนจี๋ได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาในตอนนี้เทียบเท่ากับประมุข วังเทียนจี๋อยู่ในความรับผิดชอบของเขา ถ้าแค่ขอขมาทั่วๆ ไปก็คงดี สามารถแสร้งทำเป็นยอมจำนนได้ แต่ถ้าคิดจะส่งตัวแทนเข้ามาจัดการเรื่องภายใน นั่นก็เป็นเรื่องที่ยากจะจัดการแล้ว
“เวลาเหลือไม่มากแล้ว ดูเหมือนว่าจะต้องไปตอนนี้ด้วยซ้ำ” อี้เทียนหยุนมองไปยังเวลาที่เขียนไว้บนบัตรเชิญ นั่นก็คืออีกเกือบสองสัปดาห์
ส่วนสถานที่นั้นเป็นเมืองจื้อหลง ซึ่งไม่ห่างจากตำหนักซิงเฉินเท่าไหร่ แต่ว่าเมืองจื้อหลงนี้เป็นดินแดนของอาณาจักรใต้พิภพ ซึ่งก็เท่ากับต้องเข้าไปยังเขตแดนของอีกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย
“อืม เวลากระชั้นจริงๆ พวกเรามีเวลาเตรียมตัวแค่นิดหน่อยเท่านั้น” ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าแล้วพูดออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ท่านไปที่เมืองจื้อหลงก่อน ส่วนข้าจะตามไปทีหลัง” อี้เทียนหยุนคิดแล้วพูดออกมา
“ตกลง ข้าจะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเทียนหยุนในเมืองจื้อหลง เมื่อท่านมาแล้วให้ไปหาข้าที่นั่น โรงเตี๊ยมนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสใหญ่เคยไปที่นั่นมาแล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยชื่อโรงเตี๊ยมออกมาได้
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ออกจากวังเทียนจี๋มา ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ถามอะไรสักคำ เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นก็เพราะว่าเขาเคารพในการตัดสินใจของอี้เทียนหยุน สิ่งที่อยากจะพูดก็ได้พูดไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบ่นพร่ำเพรื่ออะไรอีก
สถานที่อี้เทียนหยุนจะไปแน่นอนว่าคือตำหนักซิงเฉิน แต่ไม่ใช่เพื่อไปทักทาย แต่ไปเพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณจากสระเทียนหลิงยี่ แม้ว่านี่จะไม่ยุติธรรมต่อตำหนักซิงเฉิน แต่เพื่อที่จะเลื่อนระดับให้เร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น
“จ๋อม” เขามุดลงไปในสระ พร้อมกับเข้าไปยังห้องลับตามเส้นทางด้านล่าง ซึ่งคราวนี้ไม่มีปัญหาเหมือนก่อนหน้า เพราะที่นี่ไม่มีใครมา
เมื่อเข้ามาที่นี่อีกครั้ง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มหาสถานที่ พร้อมกับเริ่มฝึกในทันที
“เคล็ดวิชากลืนสวรรค์ เปิด!”
“มหาเวทดูดดาว เปิด!”
“เคล็ดวิชาเทพอุดรทมิฬ เปิด!”
หลังจากเปิดใช้งานทุกอย่าง แรงดูดกลืนมหาศาลก็ได้ถูกปล่อยออกไปจากร่างของเขา ทำให้พลังวิญญาณม้วนตัว โถมเข้ามาในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นค่าประสบการณ์ให้แก่เขา เขาวางแผนว่าจะฝึกอยู่ที่นี่จนกว่างานจะเริ่ม หวังว่าจะเพิ่มระดับได้สักระดับสองระดับก็ยังดี
และเวลาก็ได้ผ่านไป ของเหลวที่อยู่ในสระยิ่งมายิ่งเบาบาง ยิ่งดูยิ่งใส ราวกับเป็นแค่น้ำธรรมดา กระทั่งห้องลับที่สร้างจากหินวิญญาณหยกก็เริ่มใสขึ้นทีละน้อย
เห็นได้ชัดว่าห้องลับกับสระเทียนหลิงยี่นี้เชื่อมต่อกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ถ้าพลังวิญญาณฝั่งไหนลดน้อยลง อีกฝั่งก็จะลดลงด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นเวลานาน แน่นอนว่าจะไม่มีอะไรเหลือ
อย่างรวดเร็ว สถานการณ์นี้ก็ถูกคนของตำหนักซิงเฉินสังเกตเห็น ขณะที่บางคนเพิ่งจะเข้ามาเพื่อดูดซับพลังวิญญาณ อยู่ๆ ก็ได้พุ่งออกมาจากข้างใน พร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจอย่างมากว่า “นี่ สระเทียนหลิงยี่นี้ไม่มีพลังวิญญาณแล้ว แต่ยังให้ข้าลงไปดูดซับอีก รีบคืนศาสตราวิญญาณข้ามา!”
ผู้ฝึกตนคนนี้ได้ใช้ศาสตราจิตวิญญาณหลายชิ้นเพื่อเข้าไปในนั้น แต่ไม่คิดว่าพลังวิญญาณที่หนาแน่นจะเบาบางขนาดนั้น เบาบางขนาดที่ข้างนอกยังมีมากกว่า ซึ่งนี้มันไร้ความหมายสำคัญเขา
“เป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้พลังวิญญาณยังหนาแน่นอยู่เลย แล้วจะไม่มีพลังวิญญาณได้ยังไง?”
ผู้อาวุโสหยุนขมวดคิ้ว ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาไม่ใช่พลังวิญญาณที่หนาแน่นอีกต่อไป แต่เป็นพลังวิญญาณที่บางเบาอย่างมาก ต่างจากก่อนหน้ามากเกินไป
“จะ จริงๆ ด้วย….” ผู้อาวุโสหยุนตกใจ พลังวิญญาณพวกนี้อยู่ๆ ก็หายไปได้ยังไง? เขาหันไปมองยามที่อยู่ใกล้ๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้มีคนเข้าไปหรือเปล่า?”
“ไม่มี ที่นี่บางครั้งก็ถูกผนึกไว้ ไม่มีใครเข้าไปแน่นอน” พวกเขาเป็นคนเฝ้าที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน สถานการณ์ในตอนนี้น่ากลัวมาก พลังวิญญาณแห้งเหือดจนเกือบหมด เหมือนกับถูกดูดกลืนเป็นเวลานาน หลักฐานที่เด่นชัดก็คือน้ำในสระที่ใสแจ๋ว
ถ้าผู้ฝึกตนคนนี้ลงไป มันไม่ต่างอะไรไปจากอาบน้ำเลย
“ไม่มีคนเข้าไป แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้…..” ผู้อาวุโสหยุนขมวดคิ้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน มันจะเป็นปัญหาอย่างมาก
“ผู้อาวุโสหยุน แล้วเรื่องของข้าจะแก้ไขยังไง!” ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่พอใจอย่างมาก
“นี่น่าอายอย่างมาก พวกเราจะคืนศาสตราจิตวิญญาณให้ พวกเราไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น” ผู้อาวุโสหยุนรีบกล่าวขอโทษ
“โชคไม่ดีจริงๆ เสียเวลาชะมัด” ผู้ฝึกตนคนนี้แค่นเสียงออกมา จากนั้นก็เดินจากไป กว่าจะมาที่นี่ได้ครั้งหนึ่งยากมาก แต่ไม่คิดว่าจะทำได้เพียงแค่อาบน้ำจนตัวเปียก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง?
ปกติแล้วผู้ฝึกตนที่มาที่นี่ บ้างก็เป็นศิษย์จากสำนักใหญ่ที่มาแต่ไกล แต่เมื่อเข้ามาแล้วกลับพบว่าไม่สามารถดูดซับพลังวิญญาณได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คิดว่าก็คงไม่พอใจไม่ต่างกัน
หลังจากส่งผู้ฝึกตนคนนี้จากไปแล้ว ผู้อาวุโสหยุนก็พูดอย่างจริงจังว่า “เริ่มตรวจสอบเดี๋ยวนี้เลย ดูว่ามันเรื่องอะไรกันแน่!”
คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในสระเทียนหลิงยี่นี้พร้อมกับเริ่มตรวจสอบทันที ตรวจดูทุกซอกทุกมุม ดูว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน
ขณะที่ด้านนอกวุ่นวาย อี้เทียนหยุนที่อยู่ในห้องลับก็ดูดกลืนพลังวิญญาณอย่างสบายใจ ด้วยค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เขาเพิ่มระดับขึ้น 1 ขั้นอย่างรวดเร็ว!
“ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 9!”
แต่เขายังไม่พอใจ ยังคงดูดกลืนพลังวิญญาณต่อ เขาคิดจะดูดกลืนพลังวิญญาณจนระดับของเขาเลื่อนไปยังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นสูงสุด จากนั้นค่อยใช้บัตรเพิ่มระดับเพื่อเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะมีพลังเพียงพอที่จะต่อต้านขุมอำนาจชั้น 3 ต่อต้านอาณาจักร!
แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าเมื่อตัวเองเลื่อนเข้าสู่ระดับผันแปรวิญญาณแล้วจะสามารถต่อต้านอาณาจักรได้จริงๆ