CLS ตอนที่ 228: หาเรื่อง
อี้เทียนหยุนไม่ได้ไปที่ตำหนักซิงเฉิน แต่กลับตรงไปยังเมืองจู้หลงโดยตรง เมื่อมีปีกฟินิกซ์ ทำให้เขาบินมาถึงเมืองจู้หลงได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงเมืองจู้หลง ที่ปรากฏตรงหน้าก็คือเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองในปกครองของอาณาจักรใต้พิภพ จู้หลงคือการรวมตัวของมังกร เป็นชื่อที่ดีอย่างมาก เมืองจู้หลงแห่งนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ดังชื่อ นอกจากความยิ่งใหญ่ของมันแล้ว ในนั้นไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญมากนัก เป็นเหมือนกับเมืองใหญ่ธรรมดา
เมืองจู้หลงแห่งนี้เป็นเมืองในปกครองของอาณาจักรใต้พิภพ แต่ไม่ใช่เมืองหลัก ดังนั้นจึงไม่มีกองกำลังอยู่ในนี้ แต่หลังจากที่บัตรเชิญถูกส่งออกไป ทำให้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันที่นี่ ทำให้เมืองจู้หลงแห่งนี้เป็นเหมือนดั่งชื่อของมัน
หลังจากเข้ามา ข้างในก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเมืองทั่วไป บนถนนที่พลุกพล่าน ที่นี่มีกลุ่มคนกำลังซื้อขายแลกเปลี่ยน ดูแล้วมีชีวิตชีวาอย่างมาก เพิ่งจะเข้ามาเขาก็พบกับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกำลังเดินคุยกันอยู่ทุกหนแห่ง
ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนฐานของผู้ฝึกตน เห็นได้ชัดว่ามากกว่าเมื่อเทียบกับเมืองทั่วไป ซึ่งนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติของเมืองจู้หลง แต่เป็นเพราะผลของบัตรเชิญ ทำให้หลายสำนักพาศิษย์ของตนเดินทางมา หรือไม่ก็มาเข้าร่วมเพื่อความสนุก
“โรงเตี๊ยมเทียนหยุน……”
อี้เทียนหยุนสอดส่องสายตาไปรอบๆ เพื่อที่จะดูว่าโรงเตี๊ยมเทียนหยุนนั้นอยู่ที่ไหน แต่ในขณะที่เขากำลังจะหาคนเพื่อถามทางอยู่นั้น ทันใดนั้น ด้านหลังของเขาก็ได้มีเสียงคำรามดังออกมา “หลีกทาง หลีกทาง!”
เขาหันกลับไปดู และก็พบกับรถบินกำลังพุ่งเข้ามาที่นี่อย่างป่าเถื่อน อินทรีย์ยักษ์ที่ลากรถไม่ได้บิน แต่กำลังวิ่งตรงมาที่นี่ โถมเข้ามาจนทำให้หลายคนตกใจรีบหลีกทางให้ ขณะที่มีผู้ฝึกตนบางคนที่หลบไม่ทัน ทำให้โดนอินทรียักษ์ตัวนั้นชนกระเด็น จนกระแทกเข้ากับร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ จนได้รับบาดเจ็บ
“มารดามันเถอะ ใครมันช่างโหดเหี้ยมนัก กล้าวิ่งฝ่ากลางถนนอย่างนี้ บิดาจะไปจัดการมัน!”
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! เจ้าเห็นตัวอักษรที่สลักไว้ข้างตัวรถไหม นั่นเป็นรถบินของอาณาจักรใต้พิภพ!”
“จริงด้วย…..”
ผู้ฝึกตนบางคนชักกระบี่ออกมาอย่างเดือดดาล หวังจะเข้าไปสั่งสอนสักหน่อย แต่เมื่อเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่ข้างรถว่า “ใต้พิภพ” สองคำก็พลันหัวหด ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งอีก ผู้เชี่ยวชาญที่นี่มีมาก ทำให้มีคนคิดจะเข้าไปจัดการอยู่หลายคน แต่เมื่อเห็นว่าเป็นรถของอาณาจักรใต้พิภพ ก็พากันถอยออกมาทันที
สำนักทั่วไปไม่มีใครกล้ามาเดินเล่นแถวนี้ ส่วนขุมอำนาจชั้น 3 ก็ไม่มีใครกล้าลงมือตามใจ ถ้าเกิดไปตอแยขุมอำนาจชั้น 3 กลุ่มอื่นเข้า มันไม่ใช่เรื่องตลก ที่สำคัญเลยคือ พวกเขากลัวว่าจะไปตอแยคนของอาณาจักรใต้พิภพเข้า ถ้าเป็นอย่างนั้น มันคงเป็นปัญหาใหญ่
ตอนนี้ที่ทำตัวดุร้ายเป็นอาณาจักรใต้พิภพ ซึ่งก็เหมือนกับเดินอยู่ในถิ่นของตัวเอง ดังนั้นถึงไม่สนใจใครหน้าไหน ชนดะไปเรื่อย ราวกับมีเรื่องเร่งด่วนอะไรที่ต้องกลับไปรายงาน
อี้เทียนหยุนมองอย่างระวัง แล้วก็จริง ที่ปีกของอินทรีย์ยักษ์ได้รับบาดเจ็บ ไม่แปลกที่จะไม่ยอมบิน
เขาหลบเข้าข้างทาง หลบการพุ่งชนของอินทรียักษ์นี้ จากนั้นก็มองตามหลังอินทรียักษ์พร้อมกับส่ายหัว
“กล้าลงมือกับอาณาจักรใต้พิภพ ดูเหมือนจะมีความกล้าไม่น้อย…..” อี้เทียนหยุนหรี่ตาจ้องไปยังบาดแผลของอินทรียักษ์ตนนั้น เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการต่อสู้ หรือเจอเข้ากับเหตุการณ์บางอย่าง ดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา
หลังจากเหตุการณ์เล็กๆ นี้ผ่านไป เหตุการณ์ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อย่างมากก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ใครจะกล้าไปหาเรื่องอาณาจักรใต้พิภพกัน
อย่างรวดเร็ว เขาก็หาโรงเตี๊ยมเทียนหยุนพบ ที่นี่ถือว่าน่าสนใจมาก การตกแต่งดูแล้วเอกลักษณ์มาก โรงเตี๊ยมอื่นๆ สร้างมาจากไม้ธรรมดา หรือไม่ก็หินสำหรับก่อสร้าง แต่นี่กลับตกแต่งด้วยไม้หอม เพิ่งจะเข้ามาก็ได้รับกลิ่นหอมที่พิเศษโชยมาแล้ว ซึ่งกลิ่นหอมนี้ก็ช่วยทำให้คนที่เข้ามารู้สึกสงบ พร้อมกับเพลิดเพลินอย่างมาก
แม้ว่าจะช่วยให้จิตใจรู้สึกสงบ แต่สถานการณ์ในโรงเตี๊ยมตอนนี้กลับไม่สงบ
“ผู้ดูแล ที่นี่ไม่มีห้องว่างอย่างงั้นเหรอ!” ชายคนหนึ่งคำรามใส่ผู้ดูแล พร้อมกับทุบโต๊ะจนเสียงดังลั่นไปทั้งโถง
“คุณชายท่านนี้ ที่นี่ไม่มีห้องว่าง เต็มหมดแล้ว….” ผู้ดูแลยิ้มอย่างขมขื่น
“อะไรนะ พวกเรามาที่นี่ล่วงหน้าตั้งหลายวัน แต่ห้องพักกลับเต็มหมดแล้ว?” ชายคนนั้นไม่พอใจอย่างมาก พร้อมๆ กับน้ำเสียงไม่พอใจที่ส่งออกมาจากสหายข้างหลังเขา
ผู้ดูแลขอโทษด้วยความจริงใจ “น่าอายจริงๆ ปกติที่นี่ไม่เคยเต็มมาก่อน แต่ช่วงนี้กลับถูกจองหมดแล้ว ไม่มีห้องว่างแล้วจริงๆ….. ถ้ามีห้องว่าง เราจะเหลือไว้ให้ท่านอย่างแน่นอน”
อาณาจักรใต้พิภพส่งบัตรเชิญให้กับขุมอำนาจจำนวนมาก ดังนั้น เมืองจู้หลงแห่งนี้อยู่ๆ จึงเต็มไปด้วยผู้คน ทำให้โรงเตี๊ยมชั้นดีถูกจองจนเต็ม เมื่อมาช้า ก็ไม่มีหนทางอื่น ทำได้เพียงเลือกโรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างแย่ หรือไม่ก็ตั้งที่พักที่ด้านนอกแทน
โรงเตี๊ยมเทียนหยุนแห่งนี้มีเอกลักษณ์ ทำให้ได้รับความชื่นชอบจากผู้ฝึกตนจำนวนมาก ดังนั้นจึงถูกจองจนเต็มนานแล้ว
“เจ้ารู้ไหมว่าพวกเรามาจากขุมอำนาจอะไร!” ชายคนนั้นทุบโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับพูดออกมาอย่างโมโห “พวกเราเป็นคนจากวังเสินเหวิน ถ้าไม่มีห้อง เจ้าตาย!”
วังเสินเหวิน?
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว วังเสินเหวินถือได้ว่าเป็นสำนักที่ทรงอำนาจ เทียบกับวังเทียนจี๋แล้วแข็งแกร่งกว่ามากนัก ไม่แปลกที่จะเอาแต่ใจขนาดนี้ ช่างบังเอิญยิ่งนัก ไม่คิดว่าจะมาเจอกับคนของวังเสินเหวินที่นี่ ก่อนหน้านี้หลินหลี่ก็ได้ทิ้งความทรงจำที่เจิดจ้าให้แก่เขา
“พวกเราไม่มีห้องเหลือแล้วจริงๆ ถ้าเป็นเรื่องอื่น พวกเราจะต้องจัดการให้พวกท่านอย่างแน่นอน…..” ผู้ดูแลโอดครวญอย่างน่าสงสาร การทำการค้า สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือลูกค้าเอาแต่ใจ
“ไปเอาสมุดบัญชีมา ข้าจะดูว่าใครเข้าพักที่นี่!” หลี่ห้วนแย่งสมุดบัญชีมา จากนั้นก็เปิดดู ดูว่าใครเข้าพักที่นี่
อี้เทียนหยุนส่ายหัว ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว จากนั้นเขาก็ส่งสายตาดูถูกไปยังพวกเขาคราหนึ่ง พร้อมกับเดินขึ้นชั้นบนไป ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่บอกเขาแล้ว ว่าจะเข้าพักที่ชั้น 3 พวกเขาพากันมาตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นจะต้องได้ห้องอย่างแน่นอน
เมื่อเขาขึ้นไปถึงชั้น 3 ขณะที่กำลังจะมองหาว่าพวกผู้อาวุโสใหญ่พักอยู่ห้องไหนนั้น หูของเขาก็พลันได้ยินเสียงคำรามดังมา “วังเทียนจี๋? ขณะอย่างวังเทียนจี๋ก็กล้าพักห้องส่วนตัวด้วย ทั้งยังสองห้องอีก!? บิดาจะไปไล่พวกมันออกมาเดี๋ยวนี้ เป็นแค่สำนักขยะ เทียบเท่าขุมอำนาจชั้น 2 แต่ยังกล้าจองถึงสองห้อง? ข้าสงสัยนักว่าอาณาจักรใต้พิภพเชิญพวกมันมาทำไม ข้าว่า 80% คงเพื่อความสนุก!”
จากนั้น หลี่ห้วนก็เดินตึงตังขึ้นมา พร้อมกับนำศิษย์กลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อขึ้นมา แต่เพราะว่าทางเดินมันแคบ ดังนั้นหลี่ห้วนจึงชนเข้ากับอี้เทียนหยุน
“เจ้าหนู หลีกไปซะ!” หลี่พูดออกมาด้วยความโกรธ
“ปัง!”
หลี่ห้วนโจมตีออกไป แต่อี้เทียนหยุนไม่ได้กระเด็นออกไป ฝ่ายที่กระเด็นกลับเป็นหลี่ห้วนเอง ทำให้เขากระเด็นตกบันไดจนไม่สามารถหยุดได้ กลิ้งหลุนๆ ลงไปข้างล่าง พร้อมกับเสียง “ตึก ตึก ตึก”
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว วังเสินเหวินนี้ช่างใจกล้านัก ถึงกับกล้ามาหาเรื่องวังเทียนจี๋ของเขาอย่างไม่คาดคิด!