CLS ตอนที่ 234: ข้านี่แหละประมุข!
มีบางสำนักที่ไม่ประทับใจในอาณาจักรใต้พิภพนี้อย่างมาก แต่ก็ยังต้องให้ของขวัญ ซึ่งนี่ยิ่งทำให้พวกเขาเกลียดขึ้นไปอีก แต่ถ้าพวกเขาไม่มอบของขวัญ โชคร้ายคงจะต้องตกเป็นของพวกเขาแทน
ใครให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวแทนของอาณาจักรใต้พิภพล่ะ อาณาจักรใต้พิภพนั้นมีอำนาจมาก ยิ่งกว่านั้นยังแสดงความแข็งแกร่งอย่างโหดร้ายกับพวกที่ไม่ยอมเชื่อฟังตั้งแต่เริ่มให้ดู จากขุมอำนาจที่มีพลังพอๆ กับพวกเขา ตอนนี้ได้หายไปจากทวีปเทียนจิ่งแล้ว
“ประมุข พวกเราจะทำยังไงดี….. เหมือนว่าของที่พวกเรานำมาจะไม่พอนะ” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างอึดอัด วังเทียนจี๋แม้จะไม่ถึงขั้นยากจนจนกลวงโบ๋ แต่ของล้ำค่ากลับมีอยู่น้อยนิด
ดูจากสถานการณ์ที่พวกเขามอบของขวัญคนแล้วคนเล่า อย่างน้อยต้องเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง ไม่อย่างนั้นฝั่งตรงข้ามดูเหมือนจะไม่ชอบใจนัก และเรื่องของเรื่องก็คือพวกเขาไม่มีศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องน่าอึดอัด ศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางพวกเขาก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้นำมาด้วยในครั้งนี้
“ไม่เป็นไร ข้าพอจะมีเก็บไปอยู่บ้าง”
ศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงเขามีอยู่จริงๆ ก่อนหน้านี้เขาได้สังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณไปบ้าง ทำให้ได้รับศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงจากพวกเขามา บ้างก็ขายไปแล้ว แต่บางชิ้นก็ยังไม่ได้ขาย ส่วนที่เหลือกะว่าหลังจากกลับไปยังนิกายเทียนเฉวียนแล้ว จะเอาออกมาให้พวกเธอใช้สักหน่อย
ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกตกใจ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะเป็นประมุขของพวกเขา แต่การที่ต้องให้เขามาช่วยในคราวนี้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าอึดอัดอย่างยิ่ง
“คิดแล้วก็น่ารังเกียจนัก….. ประมุขของพวกเราต้องถูกทรมานอย่างนั้น แต่พวกเขากลับต้องมอบของขวัญให้กับอาณาจักรใต้พิภพ….. ข้าล่ะเกลียดจริงๆ เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอ ไม่มีแรงที่จะทำอะไรได้!” ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด นี่เท่าได้กับถูกอีกฝ่ายตบหน้าเข้าอย่างจัง แต่ก็ยังต้องยิ้มรับการกระทำนั้น ช่างน่าดูถูกยิ่งนัก
“ใจเย็น ข้าจะทำให้มันต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนมองไปที่เฉิงเฟิงที่อยู่ตรงหน้าแล้วแสยะยิ้มออกมา
“ประมุข ท่านอย่าได้วู่วาม!” ผู้อาวุโสใหญ่ตกใจ เขารู้ว่าอี้เทียนหยุนใจกล้าพอ แต่นี่เป็นถึงตัวแทนของอาณาจักรใต้พิภพเชียวนะ ถ้าลงมือขึ้นจริงๆ ล่ะก็ วังเทียนจี๋ของพวกเขาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน!
“วางใจน่า ข้าไม่วู่วามหรอก” อี้เทียนหยุนไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าศัตรูเป็นยังไง ถ้ามีแค่เขา เขาคงไม่กลัวว่าจะสร้างเรื่อง แต่ตอนนี้เขามีวังเทียนจี๋ให้คอยปกป้อง ทำให้ไม่สามารถทำอะไรเกินเลยได้
ขณะที่พวกเขากำลังจะพูดอะไรต่อนั้น หนานเฟิงหยุนก็ได้เดินมา จากนั้นก็ได้ส่งกล่องหยกออกไป พร้อมกับพูดด้วยความเคารพว่า “เฉิงต้าเหริน นี่คือศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง….. ยิ่งกว่านั้นยังเป็นศาสตราจิตวิญาณที่สลักค่ายกลชั้น 5 เอาไว้ ข้ารับรองว่าท่านจะต้องชอบอย่างแน่นอน!”
พูดจบก็เปิดกล่องหยกนี้ออก ทำให้กระบี่ยาวปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน ทันใดนั้น ดวงตาของเฉิงเฟิงก็เป็นประกาย พร้อมกับรับมาดูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพอใจ “เป็นศาสตราจิตวิญญาณที่ดีมาก ค่ายกลชั้น 5 นี้ช่วยเพิ่มพลังโจมตีด้วยนี่?”
“ถูกแล้ว ค่ายกลนี้ช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้อีก 2 ขั้น รับรองว่าท่านจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน!” หนานเฟิงหยุนยิ้ม แต่ความจริงในใจเขากำลังเป็นทุกข์อย่างมาก นี่คือกระบี่ของเขา ตอนนี้กลับต้องมอบมันให้กับเฉิงเฟิง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเป็นทุกข์ได้ยังไง?
ใจความหลักคือเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ใครจะไปเตรียมของขวัญได้ทันกัน? ดังนั้นจึงได้แต่หยิบเอากระบี่ที่คาดเอวออกมา หรือไม่งั้นก็ต้องเตรียมสมุนไพรวิญญาณส่งมอบให้ แต่ภายนอกเขาไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ จึงได้แต่ยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกไป
“อืม ดี ข้าได้ยินมาว่าวังเสินเหวินมีศักยภาพที่ดี ตอนนี้ดูแล้วจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ” เฉิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เร็วๆ นี้เราเพิ่งจะจับผู้เชี่ยวชาญของเผ่าภูตมาได้ที่เมืองหลวง ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถแนะนำให้เจ้าไปแลกตัวมาได้นะ ว่ายังไง?”
“ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าภูต…..” หนานเฟิงหยุนตาเป็นประกาย พร้อมกับรีบแสดงความขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณเฉิงต้าเหรินมาก!”
ของชิ้นนี้ทำให้หลายคนต้องเผยสายตาอิจฉาออกมาในที่สุด วังเสินเหวินขาดแคลนที่สุดก็คืออักษรรูนนี่แหละ ซึ่งเผ่าภูตก็เป็นเผ่าที่ชำนาญในเรื่องนี้สูง ถ้าสามารถแลกมาได้ แม้จะพูดไม่ได้ว่าพวกเขาจะได้รับอักษรรูนหายากไหม แต่จะต้องได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแน่นอน
จากนั้น หนานเฟิงหยุนก็หันไปมองทางอี้เทียนหยุนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงทีของวังเทียนจี๋แล้ว? ไม่รู้ว่าวังเทียนจี๋เตรียมของขวัญอะไรมา ได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้วังเทียนจี๋กำลังเกิดปัญหา ศิษย์จำนวนมากพากันถอนตัวเพราะทรัพยากรไม่เพียงพอ….. เมื่อขาดแคลนทรัพยากร ก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งผู้คนเอาไว้ได้”
หนานเฟิงหยุนคนนี้แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยโอกาสในการเอาคืนคราวนี้ไป อี้เทียนหยุนรู้ว่าค่าความชั่วของตนสูงมาก ทำให้เจ้าโง่นี้มุ่งเป้ามาที่เขา
สีหน้าอี้เทียนหยุนยังคงเฉยชา ก้าวเดินออกไปข้างหน้า สายตาของผู้คนก็มารวมกันที่ร่างของเขา รู้สึกแปลกใจ ทำไมเขาถึงเป็นคนมามอบของขวัญด้วยตัวเอง แต่ไม่ให้ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนมา แค่ประมุขไม่มาก็เป็นการเสียมารยาทมากพอแล้ว แล้วนี่ยังจะให้ศิษย์เป็นคนมอบของขวัญให้อีก ทำให้หลายคนคิดว่าวังเทียนจี๋จะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน
อย่างเฉิงเฟิงจะไม่รู้ได้ยังไงว่าสถานการณ์ของวังเทียนจี๋เป็นแบบไหน ตัวประมุขอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย แล้วอย่างนี้จะให้มาด้วยตนเองได้ยังไง?
“วังเทียนจี๋ใจกล้ามาก!” เมื่อหนานเฟิงหยุนเห็นอี้เทียนหยุนมามอบของขวัญด้วยตัวเอง ก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ประมุขไม่มาก็เป็นการดูถูกเฉิงต้าเหรินพอแล้ว ตอนนี้ยังไม่ยอมให้ผู้อาวุโสมามอบของขวัญให้อีก นี่มันหมายความว่ายังไง!”
หนานเฟิงหยุนทำราวกับเป็นผู้ติดตามของเฉิงเฟิง ทำเป็นโกรธแทนอยู่ใกล้ๆ
เฉิงเฟิงสีหน้าก็ไม่น่าดูเหมือนกัน เขารู้ว่าวังเทียนจี๋ตอนนี้อยู่ในสภาพไหน แต่เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนเป็นคนมาส่งของขวัญเอง เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอย่างมากอยู่ดี
“ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น ข้านี่แหละประมุข มีปัญหาอะไรไหม?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนตกใจ กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่กับพวกเองก็ด้วย พวกเขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะพูดมันออกมาที่นี่
“อะไรนะ เจ้าน่ะเหรอประมุข?” หนานเฟิงหยุนตกใจก่อนในคราแรก จากนั้นก็หันไปถามผู้อาวุโสใหญ่ “ผู้อาวุโสวังเทียนจี๋ เขาเป็นประมุขของพวกเจ้าจริงๆ อย่างงั้นเหรอ!”
“ใช่ เขาเป็นประมุขของพวกเรา!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างมีพลัง ไม่คิดว่ามีอะไรให้ต้องเสียหน้า
หลังจากคำพูดยืนยันออกมา ก็ราวกับมีฟ้าผ่ากลางแจ้ง ที่นี่พลันระเบิดออกในทันที ทุกคนล้วนพากันตกใจ ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสใหญ่จะไม่ทำอะไร ที่แท้เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือประมุขของวังเทียนจี๋!
หนานเฟิงหยุนหัวเราะออกมา “วังเทียนจี๋เอ๊ยวังเทียนจี๋ พวกเจ้านี่ช่างตกต่ำจริงๆ กล้ากระทั่งให้เด็กหนุ่มโง่ๆ คนหนึ่งเป็นประมุข หรือว่าวังเทียนจี๋ของพวกเจ้าไม่มีใครแล้ว!”
“มีคนหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” อี้เทียนหยุนไม่สนใจหนานเฟิงหยุน ทำให้หนานเฟิงหยุนรู้สึกโกรธ เขาอยากจะลงมืออย่างมาก แต่ต่อหน้าเฉิงเฟิง เขาจะไปกล้าได้ยังไง
จากนั้น เขาก็มาถึงตรงหน้าเฉิงเฟิง พร้อมกับหยิบเอาศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงออกมา พริบตานั้น กลิ่นอายเย็นเฉียบก็ถูกปล่อยออกมา พร้อมกับอธิบายว่า “นี่คือกระบี่น้ำแข็งเทวะ เป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง หวังว่าเฉิงต้าเหรินจะรับไว้”
กระบี่นี้ดูแล้วค่อนข้างดี ใจความหลักคือวังเทียนจี๋สามารถเอาศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงออกมาได้ด้วย นี่ไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินว่ากำลังตกต่ำเลยจริงๆ
“ดี ดี เป็นอาวุธที่ดี ไม่ด้อยไปกว่าของขวัญที่หนานเฟิงหยุนมอบให้เลย ข้าจะรับมันไว้…..” เฉิงเฟิงพยักหน้า พร้อมกับหรี่ตาแล้วพูดว่า “ยังหนุ่มแต่ก็ได้เป็นถึงประมุข ดูท่าอนาคตของเจ้าคงจะไร้สิ้นสุด…..”
“ขอบคุณเฉิงต้าเหรินที่ชม!”
อี้เทียนหยุนประสานมือพร้อมกับยิ้มออกมา ในขณะเดียวกันก็ดีดนิ้วออกไปเบาๆ ทำให้แสงสลัวซึมเข้าไปในร่างของเฉิงเฟิง ซึ่งการกระทำนี้ทุกคนไม่สังเกตเห็น กระทั่งตัวเฉิงเฟิงเอง
ของที่เขายิงออกไปนั้นก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเม็ดยาโชคร้ายที่เขาได้มาเมื่อก่อนหน้า เขาไม่รู้ว่าของสิ่งนี้มีไว้ใช้ทำอะไร แต่ตอนนี้ก็ได้ใช้มันไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน
ของสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องกินเข้าไป เพียงแค่ต้องการก็ปลดปล่อยออกไปได้ทันที ทำให้มันซึมเข้าไปในร่างของเฉิงเฟิง แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงผลลัพธ์ออกมาตอนไหน