CLS ตอนที่ 235: เพิ่มเรื่องสนุก
หลายคนไม่ได้สนใจกับของขวัญที่อี้เทียนหยุนนำมา แต่กลับสนใจกับคำโกหกของอี้เทียนหยุนว่าเป็นประมุขมากกว่า!
แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนได้รู้ความจริงแล้วว่าอี้เทียนหยุนเป็นประมุข พวกเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอี้เทียนหยุนถึงได้ออกหน้าเป็นตัวแทนของวังเทียนจี๋ ไม่คิดเลยว่าตั้งแต่แรกแล้ว จะเป็นตัวประมุขเป็นคนออกหน้ามาโดยตลอด เรื่องนี้ทำให้พวกเขาพากันคิดไม่ถึง อวี่ชีเชียนกับพวกก็พากันตกใจ ยังหนุ่มแต่กลับนั่งในตำแหน่งประมุขอย่างไม่คาดคิด ตกลงแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
หลายคนสงสัยว่าอี้เทียนหยุนอาจจะเป็นลูกของประมุข หรือไม่ก็ต้องมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะนั่งตำแหน่งประมุขทั้งที่ยังหนุ่มอย่างนี้ได้ยังไง?
บางสำนักจริงอยู่ที่อาจจะมีการเลือกตำแหน่งขึ้นมาก่อนเวลา แต่ก็ไม่ได้ให้อำนาจสิทธิ์ขาดขนาดนี้ จำเป็นต้องมีผู้อาวุโสคอยควบคุมพวกเขาด้วย และเมื่อพวกเขาเติบโตมากพอ เมื่อนั้น พวกเขาจึงจะมีสิทธิ์ขาดในตำแหน่งประมุขอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่จากเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าอี้เทียนหยุนนั่งในตำแหน่งประมุขนี้อย่างมีสิทธิ์ขาดเต็มที่ และมีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างในตำแหน่งประมุข นี่ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกตกตะลึง
พวกเขาไม่ต้องการแข็งแกร่งขึ้นหรือไง ถึงได้ให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นประมุข หรือว่าพลังของเด็กคนนี้จะแข็งแกร่งจริงๆ? แต่นี่ก็ไม่อาจโทษพวกเขาได้ เพราะพวกเขาไม่สามารถเห็นพลังของอี้เทียนหยุน ตราบเท่าที่เขาไม่ปลดปล่อยพลังออกมา พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินได้ นอกเสียจากจะยื่นมือไปสัมผัสอี้เทียนหยุนพร้อมกับใช้พลังตรวจสอบ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยจริงๆ
“ไม่แปลกที่เขาจะมาด้วยกันกับวังเทียนจี๋ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นประมุขของวังเทียนจี๋…..” ดวงตาของหลี่เทียนหงเป็นประกาย ทั้งยังมากไปด้วยความสนใจ
คนส่วนใหญ่ต่างก็สนใจ ความคิดของพวกเขาก็เป็นเหมือนกับหนานเฟิงหยุน ยังหนุ่มแต่นั่งตำแหน่งประมุข นี่คงเพราะวังเทียนจี๋ตกต่ำจนไม่มีใครแล้วจริงๆ นั่นล่ะ!
อี้เทียนหยุนยิ้ม ไม่สนใจสายตาคนอื่น พร้อมกับเดินกลับไปยังที่ของตนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอให้ผลของเม็ดยาโชคร้ายแสดงออกมา
หนานเฟิงหยุนมองอี้เทียนหยุนมอบกระบี่น้ำแข็งเทวะอย่างเย็นชา นี่เหมือนกับการตบหน้าเขาอย่างจัง ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าอี้เทียนหยุนคงไม่มีของล้ำค่าอะไร แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาออกมาจริงๆ ทั้งระดับยังไม่ต่ำด้วย!
“เฉิงต้าเหริน อาวุธของข้าเมื่อเทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่ามาก ถึงยังไงข้าก็ได้เสริมค่ายกล 5 ชั้นเข้าไป แต่ของเขากลับไม่มีค่ายกลสลักอยู่!” หนานเฟิงหยุนยิ้มเยาะ “เอาอย่างนี้เป็นยังไง พวกเรามาหาเรื่องสนุกเล่นกันสักหน่อยดีไหม? มาดูกันว่าประมุขคนใหม่ของวังเทียนจี๋แข็งแกร่งแค่ไหนโดยผ่านการประลองเป็นยังไง”
เฉิงเฟิงก็ไม่ได้ว่าอะไร เขากลับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ข้อเสนอนี้ดี ข้าก็อยากจะเห็นพลังของประมุขคนใหม่ของวังเทียนจี๋เช่นกัน ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน? ยังหนุ่มแต่กลับนั่งตำแหน่งประมุขได้ ข้าเชื่อว่าระดับของเขาจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน แต่ว่านี่เป็นแค่การประลองเอาสนุกเท่านั้น ประมุขอี้คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
สีหน้าอี้เทียนหยุนที่อยู่ข้างล่างยังคงเฉยชา หนานเฟิงหยุนคนนี้คงคิดทำให้เขาขายหน้า อยากจะใช้โอกาสนี้ตบหน้าเขา!
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อี้เทียนหยุนเผยยิ้มบางๆ ออกมา
“ในเมื่อประมุขอี้ไม่มีปัญหา งั้นก็มาเริ่มกันเลย” หนานเฟิงหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า จะไม่เลือกคนที่อายุเยอะเกินไป วันนี้ข้าได้พาศิษย์ที่โดดเด่นมาด้วยคนหนึ่ง อยากจะให้ประลองกับเจ้า อยากจะทดสอบว่าประมุขของวังเทียนจี๋นี้ แท้จริงแล้วมีระดับอะไร”
คำพูดของเขาน่าสนใจมาก ถ้าอี้เทียนหยุนแพ้ นั่นก็หมายความว่า ตำแหน่งประมุขของวังเทียนจี๋นี้ ศิษย์ของพวกเขาก็นั่งได้เช่นเดียวกัน!
“เจิ้งหวู่ออกมา!” หนานเฟิงหยุนส่งสัญญาณให้กับศิษย์ของตน
ในขณะเดียวกัน เขาก็โยนกระบี่ขึ้นไป พร้อมๆ กับชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดขึ้นมา พร้อมกับรับกระบี่เล่มนั้นไว้ ก่อนที่จะตกลงมาอย่างช้าๆ ท่วงท่าดูแล้วงดงามมาก ก่อนจะเดินออกมายังที่ที่ถูกเว้นไว้ มือของเขาไขว้ไว้ที่หลัง ชุดสีขาวที่ใส่กระพือเบาๆ มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาดูถูก ระดับของเขานั้นไม่ต่ำ อยู่ที่ระดับหลอมรวมขั้นที่ 6 ด้วยอายุเพียงเท่านี้แต่กลับมีพลังอยู่ในระดับนี้ ถือเป็นศิษย์ชั้นเยี่ยมทีเดียว
อายุของเขานั้นเยอะกว่าอี้เทียนหยุนหลายปี นี่ทำให้หลายสำนักขมวดคิ้ว นี่เหรอที่บอกว่าจะไม่เลือกคนที่อายุเยอะมากให้? นี่ดูยังไงอายุก็ห่างกันมาก ไม่เรียกว่ารุ่นเดียวกันแล้ว
Person who however Nan Fengyun brings, indeed youngest was he.
“ประมุขอี้ นี่คืออาวุธของเจ้า รับ!” หนานเฟิงหยุนรับกระบี่น้ำแข็งหิมะที่อี้เทียนหยุนมอบเป็นของขวัญโยนให้เขาอย่างเย็นชา แต่ความเร็วของกระบี่กลับราวกับลูกศร แหวกอากาศมายังที่ที่เขาอยู่ด้วยความเร็วที่สามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว!
หนานเฟิงหยุนคิดร้ายกับอี้เทียนหยุนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่รับไว้ล่ะก็ มันจะพุ่งผ่านไปอย่างแน่นอน
แต่อี้เทียนหยุนกลับถีบเท้าเบาๆ ก่อนที่จะกระโจนขึ้นไป พร้อมกับควงมือเป็นวงกลมง่ายๆ ทำให้กระบี่น้ำแข็งเทวะค่อยๆ หมุนเป็นวงกลม ก่อนที่ด้ามกระบี่จะตกลงมายังมือของเขาอย่างช้าๆ ราวกับสายลมที่พัดผ่านปุยเมฆ ไม่มีความยากแม้แต่น้อย
“เริ่มได้หรือยัง?” การกระทำนี้ของอี้เทียนหยุนทำให้หลายคนปรบมือ ดูเหมือนว่าเขาพอจะมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ
“ฮึ่ม!” หนานเฟิงหยุนตาเป็นประกายวาบ จากนั้นก็พูดกับเฉิงเฟิงว่า “ในการประลองนั้น กระบี่ไร้นัยน์ตา ถ้าเกิดมีการเสียเลือดกันบ้าง หวังว่าเฉิงต้าเหรินจะให้อภัย”
“ไม่มีปัญหา เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ถ้ากระทั่งความกล้าแค่นี้ยังไม่มี แล้วจะต่อสู้ในสนามรบได้ยังไง?” เฉิงเฟิงหัวเราะ ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
นี่หมายความว่าอนุญาตให้ลงมือกันได้เต็มที่ ต่อให้ฆ่ากันจนตายก็ไม่มีปัญหา!
“เมื่อเป็นอย่างนี้ เจิ้งหวู่ เจ้าจงใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมา ให้เฉิงต้าเหรินได้เห็นถึงความร้ายกาจของเจ้า!” หนานเฟิงหยุนหรี่ตาพร้อมกับเผยยิ้มออกมา จากนั้นก็พูดกับอี้เทียนหยุนว่า “ประมุขอี้ ข้าก็ขอให้เจ้าลงมือเต็มที่เช่นกัน ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมามันจะไม่น่าดูได้ เจิ้งหวู่นั้นเป็นเพียงแค่ศิษย์ทั่วไปในวังเสินเหวินเรา”
คำพูดเท่ากับบอกว่า ถ้าเจ้าแพ้ ก็หมายความว่าประมุขอย่างเจ้าได้พ่ายแพ้ให้กับศิษย์ธรรมดา เมื่อเป็นอย่างนี้ แสดงว่าวังเทียนจี๋ได้ผุพังแล้วจริงๆ
“ถ้าข้าแพ้ ข้าคงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นประมุขของวังเทียนจี๋แล้วล่ะ” อี้เทียนหยุนพูดออกมาเบาๆ
คำพูดนี้ทำให้หลายคนพากันตกใจ นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ แต่หลายคนก็พากันส่ายหัว อี้เทียนหยุนยังเด็กเกินไป ระดับพลังคงไม่สูงเท่าไหร่นัก แต่กลับต้องมาเล่นละครที่หนานเฟิงหยุนเป็นผู้จัดการ ช่างน่าสงสารจริงๆ
มีเพียงทางฝั่งของพวกผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่ตาเป็นประกาย จัดการกับเจิ้งหวู่คนนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าแพ้ เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งในตำแหน่งประมุขจริงๆ นั่นล่ะ
“ช่างมีความคิดที่สูงส่งนัก งั้นก็ทำให้ข้าเห็นหน่อย ว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นประมุขจริงๆ หรือเปล่า!” ในสายตาของหนานเฟิงหยุนมีแสงเย็นชาวาบผ่าน
เมื่อการพูดคุยกันจบลง เจิ้งหวู่ก็กำกระบี่ในมือแน่น พร้อมกับแทงออกมาด้วยความเร็วดุจแสง ทำให้บนฟ้าปรากฏลำแสงเย็นเหยียบออกมา ค่ายกลชั้น 5 บนกระบี่กระพริบ พร้อมกับเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เพิ่มพลังขึ้นอีก 2 ขั้นในทันที!
นี่คือพลังของค่ายกลชั้น 5 ยิ่งระดับฝึกตนสูง ก็ยิ่งแสดงพลังได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยระดับของเจิ้งหวู่ ยังสามารถแสดงพลังต่อสู้ที่สุดยอดออกมาได้
ส่วนทางฝั่งอวี่ชีเชียนทนมองเรื่องโหดร้ายขนาดนี้ไม่ได้ ระดับของอาวุธของทั้งสองต่างกันเกินไป ทั้งน่ากลัวว่าระดับฝึกตนของทั้งสองยิ่งต่างกันมากยิ่งกว่า