CLS ตอนที่ 236: เม็ดยาโชคร้าย ออกฤทธิ์!
“ศิษย์พี่ ท่านว่าใครจะชนะ?” จ้าวอวี่ที่มองมาด้วยสายตาเป็นประกายถามขึ้น “ข้าว่าผู้ชนะต้องเป็นเจิ้งหวู่อะไรนั่นแน่ๆ!”
“ข้าว่าประมุขอี้ออกจะบ้าบิ่นเกินไป ทำให้มั่นใจเกินตัว” ดวงตาที่งดงามของอวี่ชีเชียนจับจ้องไปที่ร่างของอี้เทียนหยุน
“ข้าไม่รู้ว่าจะเขาแกล้งทำหรือเปล่า แต่ท่านเห็นไหมว่าเขายังดูใจเย็นอยู่เลย ดูแล้วไม่มีอาการหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย” จ้าวอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นพวกเรามาพนันกันหน่อยเป็นไง ถ้าเจิ้งหวู่อะไรนั่นชนะ ครั้งหน้า ศิษย์พี่ต้องไปเจอคุณชายหัวกับข้านะ!”
“จะให้ข้าไปพบคุณชายหัวกับเจ้าทำอะไร ทำไมเจ้าไม่ไปคนเดียว?” อวี่ชีเชียนกลอกตาใส่เธอ
“ก็…. ก็ข้ารู้สึกว่ามันไม่เหมาะนี่นา” จ้าวอวี่ยิ้มอย่างอายๆ
“ก็ได้ ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!” อวี่ชีเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องไปฝึกเป็นเพื่อนข้าเช่นกัน!”
“ศิษย์พี่ ท่านบ้าฝึกเกินไปหรือเปล่า?” จ้าวอวี่รีบร้อนพูดออกมา “ข้าจะไม่แพ้ สายตามองคนของข้ามักจะแม่นยำเสมอ!”
ขณะที่หลายคนกำลังรอดูผลสรุปสุดท้ายนั้น อี้เทียนหยุนก็ได้จับกระบี่น้ำแข็งเทวะในยืนนิ่งอยู่ ราวกับรอให้การโจมตีของเจิ้งหวู่เข้ามา ดูแล้วไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนไม่เห็นคู่ต่อสู้อยู่ในสายตา เพราะว่าฝั่งตรงข้ามยังไม่มีคุณสมบัติพอจะให้เขาเป็นคนโจมตีก่อน!
“ตายซะ!” จิตสังหารของเจิ้งหวู่ทะลักออกมา พร้อมกับเล็งไปยังจุดตายของอี้เทียนหยุน เห็นได้ชัดว่าคิดสังหารโดยไม่ปรานี
ค่ายกลชั้น 5 บนกระบี่เปล่งแสงออกมาถึงขีดสุด ยิ่งมาพลังยิ่งแข็งแกร่ง ปะทุพลังทั้งหมดออกมา
แต่ในพริบตาที่กระบี่กำลังจะแทงอี้เทียนหยุนนั้น เขาก็ได้ตวัดกระบี่น้ำแข็งเทวะในมือออกไป พร้อมกับปะทะกับกระบี่ของอีกฝ่ายอย่างทื่อด้าน!
“เคร้ง!”
เสียงปะทะดังออกมา เจิ้งหวู่รู้สึกเหมือนแขนราวกับจะหลุดจากร่าง ไม่สามารถถือกระบี่ต่อไปได้ ทำให้กระบี่ล่วงหลุดมือไป อึดใจต่อมา ร่างของอี้เทียนหยุนก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับเสือร้าย ถีบเข้าที่ร่างของเจิ้งหวู่อย่างแรง
“เปรี้ยง!”
เจิ้งหวู่ถูกถีบกระเด็นไป เปลี่ยนเป็นดาวตก พุ่งผ่านหัวคนหลายคน จนสุดท้ายก็กระแทกเข้ากับกำแพง ก่อนที่จะกระตุกน้อยๆ พร้อมกับเลื่อนไถลหลุดจากกำแพง ร่างคนทรุดยวบลงกับพื้น ลมหายใจอ่อนแรงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะสัมผัสลมหายใจไม่ได้อีก
ส่วนกระบี่ที่หลุดจากมือนั้น หลังจากม้วนอยู่ในอากาศหลายตลบ ก็ปักลงกับพื้น ด้วยความคมของกระบี่ ทำให้ตัวกระบี่ปักลงกับพื้นไปถึงครึ่งเล่ม แสดงให้เห็นว่ากระบี่เล่มนี้คมแค่ไหน
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สังหารเจิ้งหวู่ได้ในพริบตา ไม่ได้มีความยากแม้แต่น้อย ราวกับการบี้แมลงวัน ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
“ติ๊ง ท่านสังหารเจิ้งหวู่สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 170,000, ค่าความคลั่ง 2,600, ค่าความชั่ว 30, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 500, วิชาดัชนีเทพ, เคล็ดวิชารวมลมปราณ”
เจิ้งหวู่ถูกเขาถีบจนตาย ด้วยพลังของเขา แม้ว่าร่างจะไม่แตกออก แต่เขาก็ได้โจมตีจุดสำคัญของเจิ้งหวู่ แล้วจะไม่ให้เขาตายได้ยังไง
“นี่ นี่….”
ทุกคนพากันตกใจ หนานเฟิงหยุนถึงกับสะดุ้ง ระดับของเจิ้งหวู่ที่เขาส่งออกไปได้อ่อนแอแม้แต่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะถูกสังหารในพริบตา ทำให้คนที่มองอยู่พากันตกใจ แม้ว่าระดับของเจิ้งหวู่จะไม่สูงมาก แต่อย่างน้อยก็เป็นถึงระดับหลอมรวมขั้นที่ 6
แต่ตอนนี้กลับถูกอี้เทียนสังหารทิ้งไปอย่างผ่อนคลาย ไม่มีความลำบากแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้พวกเขาตกใจ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่าระดับของอี้เทียนหยุนเมื่อเทียบกับเจิ้งหวู่แล้วแข็งแกร่งกว่ามาก แต่ในสายตาของพวกเขา เจิ้งหวู่ก็ประมาทเกินไป ทำให้ถูกสังหารไปอย่างง่ายดายอย่างนี้
“ศิษย์น้อง เจ้าแพ้แล้ว จากนี้เจ้าต้องไปฝึกเป็นเพื่อนข้า” อวี่ชีเชียนฟื้นจากอาการตกใจ พร้อมกับเอามือปิดปากแล้วหัวเราะคิกคักออกมา
“นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง ประมุขอี้คนนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ? ดูยังไงเขาก็มีอายุแค่ 16-17 ปีเท่านั้น หรือว่าเขาอยู่ในระดับหลอมรวมแล้ว?” จ้าวอวี่พูดอย่างตกใจ
เฉิงเฟิงกับพวกก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะอยู่ในระดับหลอมรวมก็ไม่ควรต่างกันขนาดนี้ แต่ความจริงก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขาแล้ว ทั้งยังสังหารเจิ้งหวู่ไปในพริบตาด้วย ทั้งที่ความต่างระหว่างอาวุธของทั้งสองก็ไม่ได้มากขนาดนั้น
หนานเฟิงหยุนสีหน้าดำคล้ำในทันที เขาไม่คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ และในตอนนี้เอง คนคุ้มกันที่อยู่ใกล้ๆ ที่คอยคุ้มกันหลินเฟิงเมื่อก่อนหน้าก็ได้เข้ามาพูดอะไรกับหนานเฟิงหยุนอยู่หลายคำ ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที “ทำไมเจ้าไม่รีบบอกข้า ขยะเอ๊ย!”
พวกเขาพูดอะไรกันนั้น ต่อให้อี้เทียนหยุนไม่ได้ยินก็สามารถเดาได้ เขาคงจะบอกเรื่องความแข็งแกร่งของเขา ตัวเขาสามารถถีบผู้คุ้มกันคนนั้นจนกระเด็นได้ ระดับของเขาจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่แน่ชัดว่าระดับจริงๆ ของเขานั้นอยู่ระดับไหน
หนานเฟิงหยุนคิดว่าแค่ส่งศิษย์ระดับหลอมรวมออกมาก็สามารถจัดการอี้เทียนหยุนได้แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดตื้นเกินไป
“ประมุขหนาน ไม่ทราบว่าการประลองนี้ทำให้ข้าเหมาะสมกับตำแหน่งประมุขแล้วหรือยัง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ย่อมเหมาะอยู่แล้ว!” หนานเฟิงหยุนเกือบจะกลายเป็นการกัดฟันพูด แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถส่งคนออกมาได้อีก เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นเพียงแค่การประลองกันสนุกๆ ดังนั้นแค่ส่งคนออกมาแค่คนเดียวก็พอแล้ว ยิ่งกว่านั้น ถ้าจะต้องส่งอีกคนออกไป คนนั้นก็ต้องเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโสแล้ว
ซึ่งความต่างระหว่างอายุของทั้งสองนั้นคงจะต่างกันเกินไป ต่อให้หนานเฟิงหยุนจะหน้าหนาแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆ
“……”
ในตอนนี้เฉิงเฟิงพลันปรบมือขึ้นมา พร้อมกับมองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยสายตาอ่อนโยน ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยความเย็นชา “ดี ดี วีรบุรุษเกิดจากคนหนุ่มจริงๆ ยังหนุ่มแต่มีพลังถึงระดับนี้ ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ วังเทียนจี๋สามารถฝึกเจ้าได้เช่นนี้ ถือว่ามีความสามารถมาก ในอนาคต เจ้าจะต้องกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”
“แต่ดูเหมือนว่าพลังของอาวุธจะยังไม่ได้แสดงออกมาเลยนะ? ยังไงประมุขอี้ก็ออกมาแล้ว ทำไมไม่ประลองกันต่ออีกสักรอบล่ะ? ในนี้ไม่รู้ว่ามีศิษย์ที่โดนเด่นที่อายุพอๆ กับประมุขอี้อยู่อีกไหม ช่วยมาประลองให้พวกเราดูหน่อย จะได้ให้พวกเราได้เห็นว่าประมุขอี้มีความสามารถมากแค่ไหน”
คำพูดของเฉิงเฟิงทำให้หลายคนตกใจ นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการเล็งเป้าไปยังวังเทียนจี๋ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวังเทียนจี๋ ทำไมถึงได้ถูกเล็งเป้าอย่างนี้?
พวกเขาไม่รู้ แต่อี้เทียนหยุนจะไม่รู้ได้ยังไง เขาได้ฆ่าผู้คุ้มกันเงาพวกนั้นไปหลายคน แล้วอย่างนี้เฉิงเฟิงจะกล้ำกลืนความแค้นได้ยังไง ดังนั้นแล้ว เฉิงเฟิงจึงได้ฉวยโอกาสนี้แก้แค้นพวกเขาต่อหน้าขุมอำนาจอื่น
อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา คิดในใจว่า เม็ดยาโชคร้ายยังไม่ออกฤทธิ์อีกเหรอ?
“ทำไมเม็ดยาโชคร้ายยังไม่ออกฤทธิ์อีก รีบๆ ออกฤทธิ์เร็วเข้า!”
“ติ๊ง เม็ดยาโชคร้ายได้ออกฤทธิ์แล้ว เวลาคงเหลือ 5 นาที!”
ในตอนนี้เอง เสียงระบบก็ดังขึ้น ทำให้เขาพลันตกใจ ที่แท้แล้ว เม็ดยาโชคร้ายนี้ต้องให้เขาเป็นคนสั่งหรอกเหรอถึงจะทำงาน! เขาก็คิดว่าปล่อยให้เม็ดยาเข้าไปในร่างเฉิงเฟิงแล้วจะออกฤทธิ์เองซะอีก ไม่คิดว่าจะต้องรอคำสั่งเขาก่อน เขาก็สงสัยอยู่แล้วเชียว แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะทำงานอย่างนี้?