CLS ตอนที่ 247: ปฏิเสธ!
ความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพนั้นพวกเขาสัมผัสได้ แม้จะไม่กระจ่างนัก แต่อย่างน้อยความโกรธของหลินห้าวพวกเขานั้นรู้ดี เห็นได้ชัดว่าหลินห้าวโกรธกับเรื่องนี้มาก ต้าเฉินถูกสังหาร นั่นก็เท่ากับการตบหน้าอาณาจักรใต้พิภพ
ทั้งหลินห้าวยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉิงเฟิงอีก เป็นธรรมดาที่เขาต้องโมโหขนาดนี้
หลังจากมองมายังพวกเขาอย่างเย็นชาคราหนึ่ง หลินห้าวก็ได้พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเวลาเหมือนกับเฉิงต้าเหริน ข้าจะขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ที่อาณาจักรใต้พิภพส่งเฉิงต้าเหรินมานั้น แน่นอนว่ามีเรื่องต้องประกาศ ซึ่งเรื่องนี้ก็คือการขอให้ทุกคนเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ!”
เพิ่งจะคุยเรื่องของเฉิงเฟิงจบ ตอนนี้ก็มาต่อด้วยเรื่องการเสนอให้เข้าร่วม การขอให้เข้าร่วมนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การเข้าร่วมตามปกติ
“ตราบเท่าที่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเรา ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรมหาศาล รวมถึงการคุ้มครองจากพวกเรา ส่วนทรัพยากรที่ว่านั้นก็เป็นจำพวกวิชายุทธ์และอื่นๆ เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าอาณาจักรใต้พิภพของพวกเรานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าทุกสำนักในที่แห่งนี้!”
คำพูดของหลินห้าวนี้ไม่มีใครแย้ง ถ้าไม่แข็งแกร่งจริง แล้วจะเรียกตัวเองว่าอาณาจักรได้ยังไง?
ทางด้านอาณาจักรนั้นต่างจากขุมอำนาจอย่างพวกเขามาก พวกเขาสามารถครอบครองทวีป รวมทั้งสั่งการสำนักเล็กและใหญ่ได้ทุกสำนัก ยังไงก็ตาม ทวีปเทียนจิ่งนั้นเป็นข้อยกเว้น ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตสุญญากาศ ซึ่งไม่มีอาณาจักรไหนเข้าครอบครอง
เนื่องเพราะทวีปแห่งนี้อยู่ห่างไกล ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะควบคุม ทั้งยังมีแบ่งแยกเป็นอาณาเขตมากมาย ดังนั้นจึงมีสำนักก่อตั้งขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีบางอาณาจักรอยากจะครอบครอง
ยังไงก็ตาม ทวีปตี้จิ่งนั้นอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรเทียนหลง แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาไม่ได้เข้าไปยุ่งกับกิจการของสำนักที่อยู่ในทวีปนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรใต้พิภพนั้นอยู่ในสภาพคุมเชิงกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่จะตกลงกันได้ง่ายๆ ทำให้อาจจะเกิดสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ
คำพูดของหลินห้าวนี้ไม่ได้ทำให้เหล่าประมุขประหลาดใจมากนัก พวกเขาคงไม่ได้เชิญพวกเขามากินอาหารเฉยๆ อย่างแน่นอน แต่เป็นการให้พวกเขาเข้าร่วมกับพวกเขา
“หากเลือกเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราก็จะมอบทรัพยากรจำนวนมากเป็นการตอบแทน แต่ยังไงก็ตาม พวกเจ้าก็ต้องทำตามคำสั่งของพวกเรา พวกเราให้เจ้าทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ห้ามมีข้อโต้แย้ง! แน่นอนว่าพวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่ทำตามคำสั่งของพวกเราเท่านั้นก็พอ”
“แต่ถ้าเลือกที่จะปฏิเสธ พวกเราก็จะไม่บังคับ พวกเจ้าสามารถตัดสินใจเองได้”
หลินห้าวมองไปที่พวกเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจ การมอบทรัพยากรให้ แน่นอนว่าต้องมีการเข้าไปจัดการภายในสำนัก ถ้าเกิดมอบทรัพยากรจำนวนมากให้ แต่ไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรได้ แล้วจะรับสมัครไปเพื่ออะไร
รับสมัครมาก็เพื่อใช้งาน แต่จะให้ทำอะไรนั้นก็สุดแล้วแต่จะรู้
กับเรื่องนี้ จำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วน ว่าที่จริงแล้วเป็นความจริงหรือโกหก
หลายสำนักในตอนนี้พากันเงียบ ที่จำเป็นต้องมาก็มาแล้ว ยังไงก็ตาม ก็มีบางสำนักที่ไม่จำเป็นต้องคิด พร้อมกับตอบรับในทันที
“พวกเราเต็มใจเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ พวกเราเต็มใจเป็นพลังให้อาณาจักรใต้พิภพ!” คนที่พูดเป็นคนแรกคือหนานเฟิงหยุนจากวังเสินเหวิน ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอาณาจักรใต้พิภพนั้นค่อนข้างดี การเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเป็นที่เข้าใจได้ ก่อนหน้านี้ก็เท่ากับเข้าร่วมอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ทำให้เป็นทางการขึ้นเท่านั้น
หลินห้าวพยักหน้า การแสดงออกของหนานเฟิงหยุนทำให้เขารู้สึกพอใจ
“พวกเราเต็มใจที่จะเข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน!”
“พวกเราด้วย!”
มีทั้งสำนักที่เลือกเข้าและไม่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ อาจเพราะไม่อยากกังวลว่าจะถูกตอบโต้หรือเปล่า ดังนั้นจึงเลือกที่จะเข้าร่วมด้วยความจำใจ
“ต้องขอบคุณสำหรับคำเชิญของอาณาจักรใต้พิภพ แต่พวกเราวังไป๋เหลียนคงต้องขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วม” ในตอนนี้เอง สาวงามในชุดสีขาวก็ได้เลือกที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญนี้
เธอคือประมุขของวังไป๋เหลียน เป็นตัวแทนของของวังไป๋เหลียนทุกคน ทั้งระดับของเธอยังไม่ต่ำทราม มีพลังถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 เมื่อดูจากหน้าตาแล้ว อายุยังดูท่าจะน้อยกว่าหลินห้าวอยู่หลายปี สามารถจินตนาการได้ว่าพรสวรรค์ของเธอนั้นสูงส่งขนาดไหน
ประกายตาที่อ่อนโยนของหลินห้าวพลันมีแสงเย็นชาวาบผ่าน จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร อาณาจักรใต้พิภพของเราเคารพในการตัดสินใจของทุกคนอยู่แล้ว จะไม่มีใช้กำลังบีบบังคับอย่างแน่นอน”
คำพูดนี้ใครจะรู้ว่าจริงหรือหลอก? วังไป๋เหลียนเป็นขุมอำนาจชั้น 3 แต่ก็เป็นขุมอำนาจชั้น 3 ระดับสูง มีพลังอำนาจเป็นของตัวเอง พูดได้ว่าถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ พวกเธอคงต้องคิดให้มากกว่านี้ คงไม่กล้าปฏิเสธออกมาตรงๆ เพราะสุดท้ายแล้ว แม้อาณาจักรใต้พิภพจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมากเช่นกัน
“พวกเราก็ขอไม่เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน ต้องขอบคุณสำหรับคำเชิญเป็นอย่างมาก…..” คราวนี้ได้มีประมุขอีกคนก้าวออกมา ทั้งยังพูดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
สามารถออกมาพูดคำนี้ได้ แน่นอนว่าต้องมีพลังที่แข็งแกร่งหนุนหลัง อนาคตเป็นไปได้มากที่จะกลายเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักร
หลินห้าวก็ไม่พูดอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด พวกเขาทำได้แค่ดูเท่านั้น
อย่างรวดเร็ว ทั้ง 14 สำนัก เหลือเพียงสำนักเดียวที่ยังไม่ให้คำตอบ นั่นก็คือวังเทียนจี๋! ไม่มีใครคิดว่าวังเทียนจี๋จะปฏิเสธ พวกเขาคิดว่าวังเทียนจี๋จะต้องตอบรับอย่างแน่นอน ถึงยังไงการได้กอดขาอาณาจักรใต้พิภพ ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับพวกเขาหรอกเหรอ?
ขณะที่สายตาของแขกในงานมารวมอยู่ที่ร่างของอี้เทียนหยุนกับพวก ผู้อาวุโสใหญ่ก็กระซิบกับเขาว่า “ท่านประมุข พวกเราจะตอบรับหรือปฏิเสธ?”
ในใจพวกเขาแน่นอนว่าย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว การเข้าร่วมก็เหมือนกับการสูญเสียอิสรภาพ กระทั่งหากมีคำขอให้ส่งมอบเคล็ดวิชาเซวียนเทียนออกไป พวกเขายังต้องส่งมอบให้อย่างจำยอม! ไม่อย่างนั้น การเข้าร่วมก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย แต่หลังจากเข้าร่วม พวกเขายังจำต้องส่งมอบของล้ำค่าออกไป นี่เป็นเรื่องที่อาณาจักรใต้พิภพกระทำทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงความชั่วร้ายของอาณาจักรใต้พิภพคงไม่กระจายออกมาอย่างนี้
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่พอใจอยู่แล้ว การเข้าร่วมนี้ก็ไม่ต่างจากการถูกกลืนกิน แต่ถ้าปฏิเสธ นี่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการหาที่ตาย
อี้เทียนหยุนไม่ตอบคำถามของผู้อาวุโสใหญ่ แต่ก้าวเดินออกไป มองไปยังหลินห้าวและพูดขึ้นว่า “ต้องขอบคุณต้าเหรินสำหรับคำเชิญ แต่วังเทียนจี๋ของเขาขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วม พวกเราต้องการพัฒนาสำนักของพวกเราด้วยตัวพวกเราเอง”
อะไรนะ!
คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่ากลางแจ้ง ทำให้เสียงเซ็งแซ่ระเบิดออกมาในทันที พวกเขากล้าปฏิเสธอาณาจักรใต้พิภพจริงๆ นี่ศีรษะของเขาคงไม่ได้ถูกลาเตะมาใช่ไหม? มีขาใหญ่ไว้ให้กอด แต่กลับเลือกที่จะปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง!
เรื่องนี้ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ พวกเขาต่างพากันคิดว่าวังเทียนจี๋จะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน ใครจะคิดว่าพวกเขาจะปฏิเสธ? ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขามีปัญหากับอาณาจักรใต้พิภพล่ะก็ พวกเขาจะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน
แท้จริงแล้ววังเทียนจี๋ที่กำลังตกต่ำนั้น การได้ใกล้ชิดกับขุมอำนาจใหญ่ถือว่าเป็นโอกาสชั้นยอดเลยทีเดียว แต่ตอนนี้มันต่างกัน คนของพวกเขาถูกสังหารไปมาก ทั้งยังมีหลายคนทรยศ ตัวประมุขยังถูกทำให้ไม่ต่างไปจากคนพิการ แล้วอย่างนี้พวกเขาจะเข้าร่วมได้เหรอ
ถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายหลายร้อยครั้ง แล้วอย่างนี้จะให้ตัวเองยิ้มรับและทำเหมือนไม่มีอะไรอย่างงั้นเหรอ!