CLS ตอนที่ 255: ดอกเบี้ย
ขณะที่พวกอี้เทียนหยุนเดินทางกลับ ข่าวของเมืองจู้หลงก็ได้ถูกส่งไปถึงอาณาจักรใต้พิภพอย่างรวดเร็ว ชายหน้าดำคล้ำกำลังเดินไปมาอยู่ในโถงหลัก พร้อมกับคนอีกสองสามคมที่กำลังก้มหัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาชายคนนั้น พร้อมกับบนหน้าผากที่มีเหงื่อผุดขึ้นมา
“ต้าเฉินทั้งสองคนตาย ทั้งตำหนักกลางในเมืองจู้หลงยังถูกเผา….. แต่กลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ?” ชายคนนั้นหยุดเดิน พร้อมกับหันมามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
“รายงานเยว่ต้าเหริน เรื่องนี้ เรื่องนี้หาไม่เจอจริงๆ ครับ ตำหนักกลางถูกเผาจนหมด ไม่สามารถสืบหาอะไรได้” ต้าเฉินคนนั้นปาดเหงื่อ “พวกเราจะพยายามตรวจสอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”
“เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างงั้นเหรอ?” เยว่ต้าเหรินมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการเร็วที่สุด แต่ต้องคำตอบในวันพรุ่งนี้!”
เขาปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกดทับลงมายังที่นี่อย่างโหดเหี้ยม พลังที่ปลดปล่อยออกมานี้ เป็นพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ทำให้ขาทั้งสองข้างของพวกเขาต้องทรุดลงกับพื้นโดยตรง
“พวกเรา พวกเราเดาว่ามีสิทธิ์ที่จะเป็นพวกชั่วจากอาณาจักรเทียนหลงเป็นคนทำ….. มีเพียงพวกมันเท่านั้นถึงจะกล้าทำอย่างนี้ ทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญมากพอด้วย” ต้าเฉินคนนั้นรีบดึงเอาศัตรูตลอดกาลอย่างอาณาจักรต้าหลงออกมา หลังจากคิดสักครู่ก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “แต่ก็อาจจะเป็นศัตรูตัวฉกาจในปัจจุบันอย่างเผ่าภูตก็เป็นได้ อาจจะเห็นพวกเรารับสมัครขุมอำนาจจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้ลงมือทำลายทิ้งโดยสมบูรณ์”
เขาคิดต้องเป็นศัตรูคนอื่น จึงคาดเดาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้มีความคิดว่าจะเป็นทางฝั่งของวังเทียนจี๋เลยสักนิด
อี้เทียนหยุนเห็นผู้คุ้มกันที่ไหนเป็นต้องฆ่า ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหลบหนีไปทางไหน ดังนั้นจึงไม่มีใครนึกถึงพวกเขา เมื่อต้าเฉินคนนี้ไม่อาจสืบหาตัวการได้ ดังนั้นจึงได้โยนเผือกร้อนนี้ไปให้กับอาณาจักรเทียนหลง ไม่ก็เผ่าภูต
“อืม อาจจะเป็นพวกเขาก็ได้ ข้ารู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะเป็นเผ่าภูตมีมากกว่า!” ในสายตาเยว่ต้าเหรินเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ไปเตรียมตัวให้พร้อม อย่าใช้เวลานานนัก อย่าว่าแต่เผ่าภูต ต่อให้เป็นอาณาจักรเทียนหลงที่ตกต่ำนั่นก็ด้วย พวกมันทั้งหมดจะต้องถูกบดขยี้ด้วยน้ำมืออาณาจักรใต้พิภพของพวกเรา!”
ท่าทางอหังการของเขาถูกปลดปล่อยออกมา กวาดผ่านทั่วทั้งห้องโถงนี้ กวาดพัดหลายสิ่งให้ปลิวว่อนด้วยท่วงท่าของเขา มีเพียงแต่ความอหังการเช่นนี้ถึงจะแสดงผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงออกมาได้ ไม่เสียทีที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้
……
อี้เทียนหยุนพาพวกเขาบินกลับมาถึงวังเทียนจี๋อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเงียบเชียบอีกด้วย กระทั่งศิษย์ส่วนใหญ่ยังไม่สังเกตเห็น เก็บเป็นความลับไว้ได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งอี้เทียนหยุนถ่วงเวลาได้นานเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีเวลาให้เพิ่มระดับได้นานเท่านั้น ถ้าเขาเพิ่มระดับได้อย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ อาณาจักรอะไรนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป!
“ถ้าผู้ฝึกตนที่มาแข็งแกร่งกว่านี้ กลัวว่าจะไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ น่ะสิ” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว หลินห้าวนั้นแข็งแกร่งมาก ยิ่งตอนที่ทุ่มสุดตัวแล้ว พลังเทียบกับเขาได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งกว่านี้อีก 1-2 ขั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะยังทำอะไรได้ไหม
ยิ่งถ้าเป็นระดับวิญญาณเที่ยงแท้มาด้วยตัวเอง เขาก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพลังรบของอีกฝ่ายจะน่าสะพรึงขนาดไหน บางทีแค่พลังตอนที่ยังไม่ปลดปล่อยอาจจะมีพลังรบมากถึง 5-6 ล้าน หรืออาจจะน่าสะพรึงยิ่งกว่านั้นก็เป็นได้
หลังจากกลับมา วังเทียนจี๋ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ผู้คุ้มกันเงาพวกนั้นคิดจะลงมือ แต่ตอนนี้ผู้คุ้มกันพวกนั้นถูกเขาสังหารทิ้งหมดแล้ว เป็นธรรมดาที่วังเทียนจี๋จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องต่างๆ พวกเขาก็ได้ตกใจกับเรื่องที่อี้เทียนหยุนเรียกมังกรดำออกมาอย่างมาก ยิ่งตอนที่สังหารกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณกลุ่มนั้นยิ่งทำให้พวกเขาตกใจขึ้นไปอีก
“ถ้างั้น ท่านประมุขก็เป็นคนช่วยพวกหยางซีเสวี่ยอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกถามขึ้น
“ใช้แล้ว ข้าเป็นคนช่วยเอง” อี้เทียนหยุนไม่อยากจะตอบเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“แต่ แล้วทำไมหยางซีเสวี่ยถึงจำท่านไม่ได้?” เหอเชียนหานคิดว่าแปลกมาก อี้เทียนหยุนก็อยู่ในตำหนักเทียนเหวินตั้งหลายวัน ทำไมถึงจำไม่ได้ แปลกจริงๆ
“เพราะว่าเธอไม่รู้จักใบหน้านี้ของข้ายังไงล่ะ” อี้เทียนหยุนยกมือขึ้นลูบหน้า จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหน้าคนอื่น ทำให้คนที่เห็นพากันตกใจ นี่ช่างมีแต่เรื่องให้ตกใจจริงๆ
“เพราะหน้ากากนี้ ทำให้เวลาออกไปไหนจึงไม่มีใครจำได้!” พวกเขาตกใจ แต่ก็เข้าใจความจริงในที่สุด
“ตอนแรกข้าก็แปลกใจ ทำไมวังเทียนจี๋ของเราถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญเป็นสหายอยู่ด้วย?” ประมุขที่ยังนั่งในตำแหน่งเป็นคนพูดขึ้น “ที่แท้ก็เป็นผู้สืบทอดของราชาวิญญาณเซวียนเทียนนี่เอง นี่จึงจะเป็นสหายที่แท้จริงของพวกเรา การมอบตำแหน่งประมุขให้กับเจ้า ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างร้ายแรง แต่พวกเขาก็คงยังไม่พบอะไรในเร็วๆ นี้ แต่ว่าหลังจากนี้ก็ไม่แน่ ดังนั้น กลุ่มของพวกเราจึงไม่สามารถเผยตัวได้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ขอให้ทุกคนอยู่แต่ในตำหนัก เรื่องทุกอย่างให้ประมุขหลี่เป็นคนจัดการ จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในตอนนี้”
“ข้าไม่ใช่ประมุขอีกต่อไปแล้ว พลังของข้าถูกทำลายสิ้น กระทั่งผู้อาวุโสยังเป็นไม่ได้ “หลี่ซินเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม “จากนี้เรียกข้าว่าผู้จัดการหลี่ก็พอ ข้าสามารถช่วยจัดการเรื่องราวที่นี่ แค่นี้ก็พอใจได้”
ในสายตาของเขาไม่มีร่องรอยแห่งความสิ้นหวัง แม้พลังจะถูกทำลาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิต ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขายังสามารถเดินได้แล้ว
“ได้ ข้าก็วางแผนว่าจะปล่อยที่นี่ให้ท่านจัดการอยู่แล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนั้น ทันใดนั้นก็ได้มีผู้จัดการเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อย พร้อมกับพูดออกมาอย่างร้อนใจว่า “คนของวังเสินเหวินมาหาเรื่อง ยิ่งกว่านั้นยังนำคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย!”
“วังเสินเหวิน?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว เขาเพิ่งจะสังหารพวกหนานเฟิงหยุนไป แต่ไม่คิดว่าประมุขของพวกเขาเพิ่งจะถูกฆ่า ขยะกลุ่มนี้ยังมีหน้ามาหาเรื่องเขาด้วยตัวเอง
เขาคิดสักพักจากนั้นก็พูดขึ้น “ดี พาข้าไปหาพวกมัน!”
ผู้จัดการมองเขาด้วยความตกใจ เพราะว่าเขาไม่รู้จักอี้เทียนหยุน เพราะว่าอี้เทียนหยุนใส่หน้ากากร้อยแปลงอยู่ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เขาจะไม่รู้จัก
“พาเขาไป การตัดสินใจของเขาคือการตัดสินใจของข้า” หลี่ซินเหลียงยกมือขึ้น พูดโดยที่ไม่อธิบายอะไร
ผู้จัดการคนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็พาอี้เทียนหยุนเดินไปข้างนอก เขายังไม่ทันจะเดินออกไปก็พลันได้ยินเสียงจากข้างนอกดังเข้ามา “ขยะวังเทียนจี๋ กล้าสังหารนายน้อยของพวกเรา ถ้าพวกเจ้าไม่ให้คำอธิบายกับพวกเราล่ะก็ ระวังวังเสินเหวินของพวกเราจะบดขยี้พวกเจ้า!”
“วังเสินเหวินจะบดขยี้วังเทียนจี๋ของพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” หยางอวี่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆ ก็ออกมาข้างหน้า มองไปยังพวกเขาพร้อมกับพูดอย่างหาเรื่องว่า “ถ้าจะฆ่าก็มาเลย ใครกลัวกัน! คนทรยศอย่างพวกเจ้า กระทั่งสำนักตัวเองยังหักหลัง แถมตอนนี้ยังไปยืนอยู่ทางฝั่งวังเสินเหวินอีก!”
“หยางอวี่ ข้าขอให้เจ้าเชื่อฟังแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นจะตายโดยไม่รู้ตัว!” กลุ่มคนทรยศพูดเยาะเย้ยออกมา ขณะที่ยืนอยู่ทางฝั่งวังเสินเหวินด้วยท่าทางอวดดี
“เจ้า!” ขณะที่สีหน้าของหยางอวี่เต็มไปด้วยความโมโห พร้อมกับทำท่าจะพูดอะไรนั้น ก็ได้มีฝ่ามือตบลงบนไหล่ของเขาเบาๆ ทำให้เขาหยุดลง
“เอ๋ พี่ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ดูไม่คุ้นเลย?” เมื่อหยางอวี่เห็นอี้เทียนหยุน ก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร ให้ข้าจัดการเอง” อี้เทียนหยุนมองไปยังอีกฝั่ง แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลี่ห้วนนั่นเอง! ก่อนหน้านี้ถูกเขาทำให้บาดเจ็บหนัก ตอนนี้จึงยังนั่งบนเปลให้คนหาม เห็นได้ชัดว่ามาให้เขาเก็บดอกเบี้ยด้วยตัวเอง
ยิ่งกว่านั้น ตรงหน้ายังมีคนทรยศจากตำหนักเทียนเหวินคนอื่นอีก อย่างเช่น เฟิงยู่หลงก็อยู่ในนั้นด้วย!