CLS ตอนที่ 256: บาปที่ไม่ควรอภัย!
“ผู้มีพระคุณ!” ในตอนนี้เอง หยางซีเสวี่ยก็มองมาที่อี้เทียนหยุนด้วยความตกใจ ใบหน้าที่อี้เทียนหยุนใช้ในตอนนี้คือใบหน้าที่ใช้ช่วยเหลือพวกเธอเมื่อก่อนหน้า แน่นอนว่าเธอจะต้องจำได้ในทันที
“อะไรนะ เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยพี่อย่างงั้นเหรอ?” หยางอวี่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็คว้ามือเขามาจับ แล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพี่สาวข้าไว้! ไม่แปลกที่พี่สาวของข้าจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ที่แท้สหายท่านนี้ก็ยังหนุ่มนี่เอง ทั้งยังหน้าตาดีอีกด้วย เพียงแค่ดูก็รู้แล้วว่าเหมาะที่จะมาเป็นพี่เขยของข้า!”
“หยางอวี่!” หยางซีเสวี่ยตีน้องชายของเธอ ทำให้เขาหยุดพูดอย่างรวดเร็ว
“พี่ ไม่ใช่ว่าท่านเอาแต่ใจลอยมองออกนอกหน้าต่างประจำหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดเรื่องนี้หรือยังไง…..”
“ยังจะพูดอีก!” หยางซีเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยความโกรธ ใบหน้าที่งดงามของเธอแดงก่ำ ก่อนหน้านี้เธอตกหลุมรักอี้เทียนหยุนจริงๆ จากสถานการณ์นั้น การที่มีหนุ่มหล่อเข้ามาช่วยตนเอง แล้วอย่างนี้ผู้หญิงจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างงั้นเหรอ?
“พอได้แล้ว!” ในตอนนี้เอง เฟิงยู่หลงที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้มองมาที่พวกเขาด้วยความโมโห ภายใต้เม็ดยาฟื้นฟู ทำให้เขาในตอนนี้กลับมาเดินได้แล้ว แต่บนหน้ายังมีรอยฝ่ามือประทับอยู่ ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาเมื่อก่อนหน้ากลายเป็นมีตำหนิไป “เจ้าเป็นคู่หมั้นของพวกเราตระกูลเฟิง ยังกล้าไปตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นอีก! ซีเสวี่ย ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า เลือกมาอยู่ข้างข้าซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน!”
“อยู่ข้างเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างดูถูก “เป็นไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังไม่ใช่คนทรยศสำนักอย่างเจ้าด้วย!”
“ทรยศสำนักอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงหัวเราะเยาะ “นี่เรียกว่ารู้จักเลือก วังเทียนจี๋ที่ตกต่ำนี้มีอะไรดี? การเลือกมาอยู่กับวังเสินเหวินต่างหากถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
“ข้ารู้ว่าวังเทียนจี๋ตกต่ำ แต่ใช่ว่าคิดจะทรยศสำนักได้ตามใจ? ถ้าอยากจะออกไปจากที่นี่ ก็จำเป็นต้องทำตามกฎ การที่เจ้าทรยศสำนักอย่างนี้ ก็เหมือนกับการกบฏนั้นแหละ!” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา
“ทำตามกฎอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงยู่หลงหัวเราะ “มันไม่ต่างอะไรไปจากจ่ายเงิน เจ้าคิดว่าตำหนักเทียนเหวินให้อะไรกับพวกเราบ้าง? ก็แค่เม็ดยาถูกๆ ไม่ก็วิชาห่วยๆ ของอย่างนี้ใครจะไปทนได้!”
เขาพูดออกมาตรงๆ เพื่อที่จะออกจากสำนัก จำเป็นจ่ายทรัพยากรออกไปจำนวนหนึ่ง ตัวอย่างเช่นเม็ดยาชั้น 3 ชั้น 4 อย่างนั้นถึงจะออกจากสำนักได้
เขาฝึกที่นี่มานาน พร้อมทั้งใช้ทรัพยากรไปจำนวนมาก การจากไปอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าผิดกฎ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฟิงยู่หลงก็พลันระเบิดออกมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและดูถูก เขารู้สึกว่าการดูแลของวังเทียนจี๋นี้ไม่ต่างอะไรไปจากเลี้ยงสุนัข
ทั้งศัตรูตรงหน้ายังเอาแต่พูดคุยแต่เรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง เขามองไปที่พวกเขาด้วยความโกรธ ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขาก็คือผู้อาวุโสสองคน ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณ ทั้งยังมีระดับผู้จัดการอีกหลายคน กำลังมองมาที่นี้ด้วยสายตาเย็นชา
พวกเขาไม่รีบที่จะลงมือ แต่ปล่อยให้หนุ่มสาวพวกนี้ส่งเสียงดังตามต้องการ นี่ถือเป็นการเหยียบหน้าวังเทียนจี๋ทางหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าประมุขของพวกเขาตายแล้ว เพราะว่าข่าวไม่ได้ส่งมาเร็วขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่กล้าอวดดีอย่างนี้ ทั้งยังกล้ามาเรื่องอย่างรวดเร็ว
“แม้ว่าวังเทียนจี๋จะมีทรัพยากรย่ำแย่ แต่ก็ยังมอบให้พวกเจ้าอย่างเต็มที่ เอาใจใส่ในการฝึกฝนพวกเจ้า! ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าวังเทียนจี๋น่าผิดหวัง งั้นทำไมถึงเลือกเข้าร่วมตั้งแต่แรก!” อี้เทียนหยุนออกหน้า มองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการฝึกจากวังเทียนจี๋ ข้าคิดว่าแม้แต่ประตูหน้าของวังเสินเหวินพวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้!”
นี่เป็นเรื่องจริง แม้ว่าตระกูลของพวกเขาจะไม่เล็ก แต่ก็ขาดทรัพยากร อย่างเช่นความรู้ในการสลักค่ายกลต่างๆ ซึ่งตระกูลเล็กๆ พวกนี้ไม่มีทางมีอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะวังเทียนจี๋ต้องการประโยชน์จากพวกเขา แม้แต่ประตูสำนักพวกเขาก็ไม่สามารถเข้ามาได้!
แต่พวกเขากลับเอาแต่ตำหนิ ขณะที่ฉวยทรัพยากรส่วนใหญ่ไป แล้วอย่างนี้จะไม่ให้โมโหได้ยังไง! เขาเกลียดการทรยศที่สุด ทั้งยังเป็นการทรยศสำนักที่เลี้ยงดูมาอีก สำนักมอบพลังให้กับพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่พอใจ ทั้งยังโลภไม่รู้จักพอ ทั้งยังช่วยวังเสินเหวินมาสร้างความวุ่นวายอีก
“เจ้าหนู เจ้าพูดว่าไงนะ!” เฟิงยู่หลงโมโห ชี้ใส่หน้าอี้เทียนหยุนแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้านั่นแหละที่แม้แต่ประตูหน้าก็เข้าไม่ได้ ผู้มีพระคุณบ้าบออะไร เจ้าหลอกได้ก็แต่คนตาบอดนั่นแหละ! ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า มาติดตามข้าซะ! ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะทำให้เจ้าต้องพบกับความเสียใจอย่างแน่นอน!”
“เฟิงยู่หลง ข้าบอกไปแล้วว่าจะไม่มีทางไปกับเจ้าอย่างแน่นอน!” หยางซีเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคนทรยศ!”
“ดี ดี ดี!” เฟิงยู่หลงใช้สายตาเย็นชากวาดมองทุกคน พร้อมกับหัวเราะเยาะออกมา “ดีมาก! ข้าจะบอกอะไรให้ ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กอวดดีนั่นได้สังหารศิษย์ของท่านประมุขไป ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา คราวนี้วังเทียนจี๋ของพวกเจ้าจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน!”
“อะไรนะ สังหารศิษย์ของประมุขวังเสินเหวินอย่างงั้นเหรอ?”
พวกเขาพากันตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสร้างเรื่องใหญ่อย่างนี้ออกมา ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
“ผู้อาวุโสของพวกเจ้าล่ะ!” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยเดินออกมา กวาดตามองพวกเขาคราหนึ่ง แต่นอกจากอี้เทียนหยุนและผู้จัดการคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น
“เรื่องที่นี่ข้าเป็นคนจัดการเอง มีเรื่องอะไร?” อี้เทียนหยุนเปิดปากพูดออกมา
“เจ้ารับผิดชอบได้อย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “ก็ได้ ศิษย์ของประมุขของพวกเราถูกสังหาร ตอนนี้ส่งตัวฆาตกรมาให้พวกเราจับตัวไปให้ท่านประมุขลงโทษด้วยตัวเอง แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ อย่างนี้ เจ้าต้องชดใช้โดยการมอบเม็ดยาและอาวุธให้กับพวกเราได้ ถ้าพวกเจ้าไม่มอบให้ พวกเราจะเข้าไปหยิบด้วยตัวเอง”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ท่าทางของเขาอวดดีถึงที่สุด ทั้งยังปลดปล่อยพลังออกมาด้วย แถมยังไม่ใช่การปลดปล่อยเพียงเล็กน้อย แต่เป็นการปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
การกระทำของเขาทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่เปลี่ยนไป เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่แปลกที่พวกเขาจะพาคนมากขนาดนี้มาที่วังเทียนจี๋
“ชดใช้อย่างงั้นเหรอ!” หยางอวี่พูดอย่างโมโห “นั่นต้องเป็นเพราะคนของพวกเจ้าไปหาเรื่องพี่ใหญ่แน่ๆ ไม่อย่างงั้นพี่ใหญ่คงไม่ลงมือหรอก! ถ้าจะต้องชดใช้ล่ะก็ พวกเจ้าก็ควรจะชดใช้ให้พวกเราเช่นกัน! ทรยศสำนัก พวกเจ้าจะต้องทำการการฝึกตนของตัวเองซะ!”
“ผู้อาวุโสเซียว เหมือนพวกมันจะหัวแข็งจนไม่เข้าใจอะไร……” เฟิงยู่หลงหัวเราะเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าว่าพวกเราสังหารมันทิ้งดีกว่า ให้พวกมันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่อย่างนั้นพวกมันจะคิดว่าวังเสินเหวินของพวกเรารังแกได้ง่ายๆ! สังหารนายน้อยของพวกเรา แถมตอนนี้ยังคิดต่อต้านอีก ถือเป็นความผิดที่ไม่ควรได้รับการอภัย!”
ในใจเฟิงยู่หลงตอนนี้โมโหอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ต้องการเพียงจับพวกหยางอวี่มาลงโทษ เพื่อดับความโกรธของเขาลง!
ผู้อาวุโสเซียวเจี๋ยมองไปยังผู้คนแบบผ่านๆ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนพวกเจ้าอยากจะให้พวกเราไปเอามาด้วยตัวเอง ดี ไปเก็บมาให้ข้าให้หมด ไม่วาจะเป็นอะไรก็ตาม! ใครที่เก็บมาได้มากยิ่งได้ความดีมาก! ไว้ท่านประมุขหนานกลับมา ข้าจะเป็นคนรายงานท่านด้วยตัวเอง!”
“ดี!” เสียงโห่ร้องดังมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นเต้นกันขนาดไหน!
อึดใจต่อมา พวกเขาก็พากันโถมเข้ามา เฟิงยู่หลงเป็นคนนำหน้าขบวน หยางอวี่กับพวกก็เตรียมตัวต้านรับเช่นเดียวกัน
แต่กลับมีร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่พวกเขา พร้อมกับยกเท้าถีบใส่หน้าเฟิงยู่หลงจนปลิวไป เฟิงยู่หลงม้วนตลบกลางอากาศ ใบหน้ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะกระตุกหลังจากลงสู่พื้น จากนั้นก็ตายไป
“ทรยศสำนักต้องทำลายพื้นฐานฝึกตน แต่พาคนอื่นมาทำลายสำนัก ถือเป็นบาปที่ไม่ควรอภัย!” คำพูดของอี้เทียนหยุนนี้มาพร้อมกับโทษตายของเฟิงยู่หลง ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เห็นได้ชัดว่าเขานั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน ส่วนเรื่องบาปที่ไม่ควรอภัยนั้น ยังจำเป็นต้องพูดอยู่เหรอ!