CLS ตอนที่ 260: บรรพชนทั้งสอง
“ดูนั่นเร็ว มันกล้าเข้ามาจริงๆ ดูท่าจะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก จึงไม่กลัวอะไรเลยงั้นสิ?”
“ค่ายกลสังหารเทพของพวกเรา กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสุดท้ายเข้ามายังต้องตาย!”
สีหน้าของพวกเขาดุร้าย ขณะที่หัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเตรียมตัวเป็นพยานต่อการตายของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกับมังกรดำภายใต้ค่ายกลสังหารเทพนี้!
อี้เทียนหยุนไม่คิดจะป้องกันแม้แต่น้อย ยังคงทำการทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง และในพริบตาที่เหยียบย่างเข้าไปในค่ายกลสังหารเทพ ทั่วทั้งค่ายกลสังหารเทพพลันเปล่งแสงขึ้นมา และเกือบจะพริบตานี้เอง บนท้องฟ้าก็ปรากฏดวงตาขนาดยักษ์ ที่กำลังลืมขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับลำแสงสีเทาที่ยิงมายังเขาด้วยความเร็วที่น่าตระหนก!
“!”
ลำแสงแห่งความตายถูกยิงออกมา ราวกับเป็นวันสิ้นโลก ทุกสิ่งที่สัมผัสกับลำแสงนี้ต่างก็กลายเป็นละออง ไม่ก็เริ่มเสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็ว พลังกัดกร่อนที่น่าสะพรึงขนาดนี้ อี้เทียนหยุนเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก!
พลังนี้เทียบได้กับพลังของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสุดท้าย ทั้งข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาจากดวงตาประเมินก็บอกเขาว่า การโจมตีนี้มีพลังรบมากถึง 7.3 ล้าน
“มหาเวทดูดดาวเต็มพิกัด!”
ดวงตาทั้งสองข้างของอี้เทียนหยุนเป็นประกายเย็นเยียบ ยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังดึงดูดที่น่าสะพรึงออกไป ดูดกลืนลำแสงสังหารเทพนี้ในพริบตา มาเท่าไหร่ดูดเท่านั้น! โดยที่ไม่คำนึงถึงอะไร เขาทำการใช้งานวิชามหาเวทดูดดาวออกเต็มพิกัด ทำให้สามารถดูดกลืนลำแสงของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่แม้ว่าร่างกายจะรองรับพลังมหาศาลที่ดูดเข้ามาได้ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นค่าประสบการณ์ได้ทั้งหมด
ภายใต้การดูดกลืนที่บ้าคลั่ง ช่างเป็นการต่อต้านที่ดื้อด้านจริงๆ ลำแสงสังหารเทพนี้เหมือนกับว่ากำลังถูกเขาดูดกลืน ถ้าเทียบกับสายฟ้าเมื่อก่อนหน้านี้ ยากกว่ากันแค่นิดหน่อยเท่านั้น ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา มันไม่ได้ยากเท่าไหร่
อย่างรวดเร็ว การปะทะกันก็ได้สิ้นสุดลงในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ดวงตาขนาดยักษ์เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ก่อนที่จะปิดตาลงช้าๆ จากนั้นก็หายไปจากในอากาศ ส่วนอี้เทียนหยุนกลับยังคงสภาพเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชาเซวียนเทียน ทำให้เขายากที่จะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกนั้นล้วนแต่ถูกเขาดูดกลืนจนหมด
“เขา เขาดูดกลืนพลังงานอย่างงั้นเหรอ?”
พวกที่ดูอยู่ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ ลำแสงสังหารเทพสุดร้ายกาจของพวกเขาถูกดูดกลืนไปทั้งอย่างนี้จริงๆ ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ คนอื่นถ้าต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลสังหารเทพเข้า เป็นต้องสลายกลายเป็นขี้เถ้ากันทุกคน จะมีใครที่ยืนรับลำแสงสังหารเทพตรงๆ อย่างเขาแล้วยังสามารถดูดกลืนได้อีก นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ!
ตามมาด้วยศรน้ำแข็งที่ใช้จังหวะนี้ยิงทะลุกำแพงหนา เสียบทะลุร่างของคนที่แอบอยู่ข้างในไป
“นี่ นี่…..”
พวกเขาพากันเบิกตากว้าง สัมผัสถึงศรน้ำแข็งที่ทะลุร่างของตนไป จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ
อี้เทียนหยุนหลังจากเก็บคันศรน้ำค้างแข็งเทวะแล้ว ก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ทำลายที่นี่ซะ!”
มังกรดำพลันส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นก็บุกตะลุยเข้าไป พร้อมกับพ่นเพลิงออกไปไม่หยุด เผาที่นี่จนวอดวาย อย่างรวดเร็ว ค่ายกลสังหารเทพก็ถูกเขาทำลายสิ้น ทุกที่ที่เขาเหยียบย่างเข้าไป ไม่มีที่ไหนไม่ถูกทำลาย
และเมื่อเขาบุกตะลุยเข้าไปเรื่อยๆ บนท้องฟ้าก็พลันปรากฏเมฆดำขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสายฟ้าที่แล่นแปลบปลายอยู่บนเมฆไม่หยุด ทำการเคลื่อนตัวตรงมาที่นี่ และบนเมฆดำนี้ ก็มีชายชราสองคนเหาะมายังที่นี่ พร้อมกับประกายแสงของค่ายกลที่เปล่งขึ้นจากร่างของทั้งคู่
พวกเขาทำการสลักค่ายกลไว้บนร่าง ดูแล้วราวกับเทพสายฟ้าลงมาจุติ มีสายฟ้าแล่นแปลบปลาบตามร่างของพวกเขาไม่หยุด ทั้งพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของพวกเขายังเป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณ ทำการกดทับลงมายังที่แห่งนี้
“ท่านบรรพชนออกมาแล้ว ท่านบรรพชนออกมาแล้ว!”
เหล่าผู้จัดการที่ซ่อนอยู่ตามมุมพากันตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นบรรพชนพวกนั้นออกมา ในใจพวกเขาก็ราวกับได้รับการปลดปล่อย นี่คือบรรพชน 2 คน ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากขุมอำนาจไหน แต่กล้ามาก่อกวนพวกเราทั้งสอง ทั้งยังทำลายวังเสินเหวินของพวกเราอีก ถือเป็นความผิดที่ไม่อาจอภัย!”
น้ำเสียงของบรรพชนเทียนเหลยราวกับฟ้าผ่า เพียงแค่พูดออกมาก็ราวกับมีฟ้าผ่าอยู่ข้างหู แทบทำให้หูดับ
บรรพชนเทียนเหลย: ระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 8, ร่างกายสลักไว้ด้วยค่ายกลธาตุสายฟ้า สามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ พลังรบปัจจุบัน 5,150,000! จุดอ่อน แพ้ทางการโจมตีธาตุดิน วิชาที่ใช้ ท่าเท้าประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย! เมื่อสังหารมีโอกาสได้รับ ท่าเท้าประกายแสงสำเนียงอัสนี, วิชาเทียนเหลย, ยันต์เทวะสายฟ้า, แกนพลังธาตุสายฟ้า, อื่นๆ……
บรรพชนป้าเหลย: ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด, ร่างกายสลักไว้ด้วยค่ายกลธาตุสายฟ้า สามารถปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาได้ พลังรบปัจจุบัน 6.5 ล้าน! จุดอ่อน แพ้การโจมตีธาตุดิน วิชาที่ใช้……
ทั้งสองล้วนแต่ใช้วิชาเหมือนกัน ต่างกันก็แค่ระดับเท่านั้น สามารถใช้พลังสายฟ้า โจมตีออกมาเป็นธาตุสายฟ้า ช่างเป็นพลังที่หาได้ยากจริงๆ
ส่วนทางด้านพลังรบก็ร้ายกาจเหมือนกัน บรรพชนป้าเหลยถึงกับมีพลังรบมากถึง 6.5 ล้าน นี่ยังไม่ทันได้ระเบิดพลังออกมาก็มีพลังรบที่น่าตระหนกขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ร่างเงาของจักรพรรดิใต้พิภพได้ปลดปล่อยพลังที่ดีที่สุดของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดออกมาแล้ว แต่เขาไม่คิดว่านั่นจะใช่พลังที่แท้จริงของระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด
เรื่องนี้ก็ไม่ผิดไปจากที่คาด ดังนั้นอี้เทียนหยุนจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
“นี่คือพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดที่แท้จริง……”
ในใจของอี้เทียนหยุนมากไปด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุดแล้วยังไง สุดท้ายแล้วก็ยังต้องถูกเขาฆ่าทิ้งอยู่ดี!
“ความผิดที่ไม่อาจอภัยอย่างงั้นเหรอ?”
อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ พร้อมกับหยิบยันต์ป้องกันออกมาทำลายทิ้งทันที ทำให้ปรากฏร่างเงาจักรพรรดิใต้พิภพขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับท่าทางไม่สนโลก มองเมินแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสอง
“จักรพรรดิใต้พิภพ!!”
เมื่อพวกเขาได้เห็นก็พากันตกใจ ศิษย์ของวังเสินเหวินก็พากันสะท้านเช่นเดียวกัน ทำไมจักรพรรดิใต้พิภพถึงมาปรากฏตัวที่นี่กัน?
“ทำไมยันต์ป้องกันของจักรพรรดิใต้พิภพถึงมาอยู่ในมือของเข้าได้!?” บรรพชนเทียนเหลยพูดออกมาด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นของอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ?”
“แล้วเจ้าคิดว่าไง?” อี้เทียนหยุนต้องการผลลัพธ์นี้นี่แหละ เขาต้องการทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพ ต้องการให้ศิษย์ที่พากันหนีออกไปได้กระจายข่าวลือออกไป บอกว่าจักรพรรดิใต้พิภพได้ส่งเขามาทำลายวังเสินเหวินทิ้ง นี่เป็นการโยนเผือกร้อนให้กับพวกเขา
อึดใจต่อมา ร่างเงาจักรพรรดิก็ได้ฟาดฝ่ามือเทพใต้พิภพเข้าใส่บรรพชนทั้งสอง
สุดท้ายก็ยังมีเพียงแค่รูปแบบเดียว บรรพชนเทียนเหลยพลันชี้นิ้วออกไป ปลดปล่อยสายฟ้าออกไปทำลายฝ่ามือเทพใต้พิภพจนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน! นี่เป็นความแตกต่างระหว่างทั้งสอง แม้บรรพชนเทียนเหลยจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด แต่การจะทำลายร่างเงาจักรพรรดิก็ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย
“ถ้าเจ้าเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพจริง งั้นก็ต้องเป็นเพราะวังเสินเหวินเราทำอะไรผิดสักอย่าง จึงทำให้เจ้าต้องมาทำลายวังเสินเหวินของพวกเรา!” พวกเขามองมายังอี้เทียนหยุนอย่างเย็นชา แต่ก็ยังไม่รีบร้อนลงมือ
“ผิดที่โอหัง ผิดที่อวดดี ผิดที่ชั่วร้าย!” อี้เทียนหยุนตอบกลับพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชายิ่งกว่า