CLS ตอนที่ 267: ข้าเป็นคนของนิกายเทียนเฉวียน
อี้เทียนหยุนทำการเก็บมังกรดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ปีกฟีนิกซ์พร้อมกับบินกลับไปยังนิกายเทียนเฉวียน เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับผันแปรวิญญาณแล้ว ดังนั้นความเร็วของเขาจึงค่อนข้างน่าตกใจ
“ติ๊ง ท่านสำเร็จภารกิจ “ทำลายล้างวังเสินเหวิน” ได้รับค่าประสบการณ์ 10 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, กระดาษยันต์ทรราช, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุง 1 ครั้ง, ค่าความดี 100, ค่าความชั่ว 1,000!”
ตอนนี้ รางวัลจากการทำภารกิจสำเร็จก็ดังขึ้น มอบเป็นรางวัลกองใหญ่ออกมาไม่หยุด โดยเฉพาะตัวเลขต่างๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกพอใจ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มค่าความดีให้เท่านั้น แต่ยังมีค่าความชั่วด้วยเช่นกัน
ภารกิจแบบนี้ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี มีเยอะเท่าไหร่เขาก็จะทำมากเท่านั้น เพียงแต่จะมีแต่ช่วงที่ต้องเผชิญกับอันตรายเท่านั้นถึงจะมีภารกิจระดับนี้โผล่ขึ้นมา
“ดูเหมือนระบบก็จะไม่ได้ใจร้ายเกินไป ถึงได้มอบภารกิจในการกวาดล้างวังเสินเหวินนี้ออกมา” อี้เทียนหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น เขาก็เปิดลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงขึ้นมา พร้อมกับเลือกที่จะสุ่มในทันที เพราะถึงเก็บไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร
“ไม่รู้ว่ารอบนี้จะได้เป็นอะไร?” อี้เทียนหยุนรู้สึกตื่นเต้น ก่อนหน้านี้ได้คันศรน้ำค้างแข็งเทวะออกมา ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธระดับสุดยอดเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าครั้งถัดไปจะได้เป็นอาวุธขั้นสูงสุดหรือไม่ก็ของล้ำค่าอื่นๆ ขั้นสูงสุดหรือเปล่า
เขาทำการเปิดโชคดีขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยเริ่มหมุนกรงล้อรุ่นปรับปรุง จากนั้นกรงล้อก็เริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่ง
เขาคิดว่า ต่อให้ตกลงช่องไหนก็เป็นของที่เขาต้องการอยู่ดี เพราะของในกรงล้อรุ่นปรับปรุงนี้ล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น
อย่างรวดเร็ว เข็มก็ได้หยุดลง หยุดลงตรงช่องวิชายุทธ์! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดได้ช่องนี้ในกรงล้อรุ่นปรับปรุง ไม่รู้ว่าจะได้วิชาอะไรมา
“ติ๊ง ตุบ…..”
เสียงกล่องตกลงมา อี้เทียนหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เปิดกล่องออกช้าๆ จากนั้น ตำราวิชายุทธ์ก็ปรากฏตรงหน้าเขา “ร่างโคลนเงา!”
ร่างโคลนเงา : วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูง(สามารถอัพเกรดได้), สามารถสร้างร่างโคลนของตนออกมาได้ 3 ร่าง, โดยแต่ละร่างจะมีพลังเป็น 1 ใน 3 ของร่างหลัก คงอยู่เป็นเวลา 10 นาที เวลาคูลดาวน์ 1 ชั่วยาม! ยิ่งระดับสูง ร่างโคลนยิ่งแข็งแกร่ง มีสิทธิ์แข็งแกร่งเทียบเท่ากับร่างหลัก 100%!
“ของดี!”
อี้เทียนหยุนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น การมีอยู่ของร่างโคลนนี้ ก็หมายความว่าเขามีผู้ช่วยอีกหลายคน ทั้งยังทำให้ศัตรูสับสนได้ด้วย ตอนหนีก็ใช้ร่างโคลนไปถ่วงเวลาไว้ จากนั้นตัวเขาก็จะได้หนีอย่างสบาย ถือเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะยิ่งระดับสูงขึ้น พลังของร่างโคลนก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ แต่พลัง 1 ใน 3 ก็เหมือนว่าจะน้อยไปจริงๆ นี่เป็นเพียงแค่วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงเท่านั้น ถ้าอยากให้มีพลังเท่าร่างหลัก 100% ดูท่าคงต้องอัพเกรดให้เป็นระดับสวรรค์ขั้นสูงเป็นอย่างน้อย?
ซึ่งการยกระดับเหมือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แม้ตอนนี้เขาจะปล้นสมบัติได้มากมาย กระทั่งมีวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงอยู่หลายเล่ม แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนเป็นค่าความชำนาญล่ะก็ คงพูดได้เพียงว่า…. โง่ เท่านั้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นค่าความคลั่ง อย่างน้อยก็ต้องได้ค่าความคลั่งมากกว่าหมื่น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นค่าความชำนาญ อย่างมากก็ได้แค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น ถือว่าน้อยอย่างมาก ถ้าจะทำอย่างนั้น สู้เก็บไว้ให้นิกายเทียนเฉวียน หรือว่าวังเทียนจี๋ใช้ ไม่ก็ขายเป็นค่าความคลั่ง แบบนั้นดูจะคุ้มค่ากว่า
แต่ถ้าเปลี่ยนจากหลายร้อยเป็นพันกว่า แบบนั้นเขาจึงจะรู้สึกคุ้มค่าที่ทุ่มลงไปหน่อย
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันระดับปฐพีขั้นสูง ถ้าอยากจะเลื่อนเข้าสู่ระดับสวรรค์ขั้นต่ำ จำเป็นต้องใช้ค่าความชำนาญ 1 ล้าน ถ้าวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงแต่ละเล่มให้ค่าความชำนาญ 500 นั่นก็หมายความว่าต้องใช้วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงถึง 200 เล่ม ถึงจะเติมเต็มจำนวนนี้ได้
วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูง 200 เล่ม แต่ละเล่มแลกเป็นค่าความคลั่งได้ 100,000 นั่นก็คือค่าความคลั่ง 20 ล้าน! ใช้ค่าความคลั่ง 20 ล้านเพื่อเลื่อนระดับวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงเป็นระดับสวรรค์ขั้นต่ำ นอกเสียจากเขาจะมีตำรายุทธ์มากพอจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่คิดจะทำอย่างแน่นอน
แล้วความจริงเขาก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงในขุมอำนาจชั้น 3 ยังถือว่าเป็นของหายาก ขนาดระหว่างต่อสู้กับบรรพชนป้าเหลย เขาคาดว่าวิชาที่เขาใช้ออกยังเป็นแค่วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงแค่ 2-3 วิชาเท่านั้น นอกนั้นล้วนแต่เป็นวิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางทั้งนั้น
ทั้งการเพิ่มค่าความชำนาญยังต้องใช้วิชายุทธ์ระดับเดียวกันด้วย ซึ่งการยกระดับวิชายุทธ์ด้วยวิธีนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก นอกเสียจากตัวเขาจะใช้วิชานี้ออกมาไม่หยุด แบบนั้นถึงจะเพิ่มค่าความชำนาญได้
ทั้งตอนนี้อี้เทียนหยุนยังไม่คิดที่จะจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะขายของที่ไม่ใช้ออกไป หรือว่าเปลี่ยนวิชาใหม่
นอกจากวิชายุทธ์แล้ว อาวุธเขาก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาได้ทำความสะอาดครั้งใหญ่ เปลี่ยนทุกอย่างเป็นค่าความคลั่ง วิชายุทธ์ที่ได้มาจากการสังหารศัตรูก็ถูกขายไปเช่นกัน ไม่เก็บไว้แม้แต่น้อย
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าช่องเก็บของนั้นโล่งขึ้นมาก ทั้งค่าความคลั่งของเขาก็มีมากกว่า 3 ล้านแล้ว!
“เอาล่ะ ค่าความคลั่งก็มีถึง 3 ล้านแล้ว ทั้งค่าความชั่งยังมากถึง 50,000….. ค่าความชำนาญในการสลักอาคมขาดอีกแค่ 5,000 อย่างงั้นเหรอ!?”
ขณะที่อี้เทียนหยุนตรวจดูข้อมูลของตน เขาก็พบว่าค่าความชำนาญในการสลักอาคมของเขานั้น ขาดอีกเพียงแค่ 5,000 แต้มเท่านั้นก็จะเลื่อนระดับได้ นี่ทำให้เขารู้สึกทั้งยินดีและประหลาดใจด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับบัตรค่าความชำนาญ 5 เท่าเลย เมื่อใช้มันในการจัดการกับวังเสินเหวิน ทำให้ค่าความชำนาญของเขาเพิ่มขึ้นราวกับภูเขาไฟระเบิด
ถ้าเปลี่ยนเป็นการสร้างค่ายกลแล้วล่ะก็ กว่าจะได้ค่าความชำนาญมากขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานมากอย่างแน่นอน
ขณะที่เขากำลังทำสิ่งนี้อยู่ เขาก็ได้กลับมาถึงนิกายเทียนเฉวียนอย่างรวดเร็ว เพิ่งมาถึง เขาก็เห็นด้านนอกของซากโบราณสถานเทียนเฉินถูกทำความสะอาดจนกลายเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ซึ่งแยกเป็นพื้นที่สำหรับฝึกวิชาสำหรับศิษย์ ซึ่งมีศิษย์หญิงจำนวนมากกำลังฝึกวิชากันอยู่
มีบางคนเป็นหน้าใหม่ และผู้ฝึกสอนศิษย์ใหม่เหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวเมิ่งเหลียนนั่นเอง ตอนนี้ระดับของเธอไม่ต่ำแล้ว เธอได้มาถึงระดับก่อแกนวิญญาณแล้ว ซึ่งการจะรับหน้าที่สอนศิษย์ใหม่พวกนี้ ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
“ดีมาก ดูเหมือนทุกสิ่งจะเข้าที่เข้าทางดี” อี้เทียนหยุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ด้วยศิษย์ที่โดดเด่นมากมายในนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงหนทางข้างหน้าของนิกายเทียนเฉวียนแล้ว
ในขณะที่บิน รอยยิ้มก็เผยออกมา แต่หลังจากลงมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้มีหญิงสาวนางหนึ่งถือกระบี่ชี้หน้าเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คนแปลกหน้า กล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในที่ส่วนตัวของนิกายเทียนเฉวียนเรา!”
อี้เทียนหยุนตกใจ ดูท่าจะเป็นคนใหม่ คงจะไม่เคยเห็นเขาสินะ ไม่แปลกที่จะมีท่าทีแบบนี้ เสียงตะโกนของเธอทำให้ดึงดูดความสนใจของศิษย์คนอื่นที่อยู่รอบๆ ทำให้พวกเธอพากันวิ่งเข้ามา พร้อมกับยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวนากนั้น “ศิษย์พี่เสี่ยวอวี่ ขยับออกมาหน่อย อย่าได้ทำร้ายเขา!”
จากนั้นพวกเธอก็จ้องมาที่อี้เทียนหยุน แล้วพูดขึ้นว่า “กล้าเข้ามาในที่ส่วนตัวของนิกายเทียนเฉวียนเรา บอกชื่อสำนักมาซะ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษถ้าพวกเราไม่เกรงใจ!”
ที่นี่เป็นลานฝึก แม้จะอยู่ด้านนอก แต่ก็มีรั้วไม้ขวางไว้ คนที่จะเข้ามานั้น อย่างแรกต้องผ่านผู้คุ้มกันที่ด้านนอกเสียก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะเข้ามาในนี้ได้
“นี่….. ข้าเป็นคนของนิกายเทียนเฉวียน” อี้เทียนหยุนมองไปยังศิษย์หน้าใหม่รุ่นหลังแล้วอดไม่ได้ให้ยิ้มออกมา พวกเธอนี่ช่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ