CLS ตอนที่ 268: ต่อสู้กับศัตรูทั้งโลกเพื่อเจ้า!
“เจ้าเป็นคนของนิกายเทียนเฉวียนอย่างงั้นเหรอ? ทำไมพวกเราไม่เคยเห็น นิกายเทียนเฉวียนเรารับแต่ศิษย์หญิง ไม่เคยรับศิษย์ผู้ชายมาก่อน!” น้ำเสียงของพวกเธอแข็งขึ้น พร้อมกับจับจ้องมาที่เขาเขม็ง ไม่ยอมปล่อยให้คนแปลกหน้ารุกล้ำเข้าไป
“ไม่ใช่ว่า…. พวกเราก็มีผู้อาวุโสที่เป็นผู้ชายอยู่เหรอ? ผู้อาวุโสสี่ก็เป็นผู้ชายนี่ใช่ไหม?” อยู่ๆ ก็พลันมีเสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้พวกเธอพากันตกใจ จากนั้นก็มองมาที่เขาอย่างสงสัย
“ข้าเป็นผู้อาวุโสของพวกเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ…..” อี้เทียนหยุนยิ้ม ศิษย์ใหม่พวกนี้ช่างน่ารักจริงๆ
“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว?” หลิวเมิ่งเหลียนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน และเมื่อเห็นอี้เทียนหยุน นัยน์ตาที่งดงามของเธอก็เป็นประกาย “พวกเจ้ากำลังทำอะไร เขาเป็นผู้อาวุโสอี้ของพวกเจ้า ยังไม่รีบทำความเคารพอีก!”
“อ๊า!?”
พวกเธอพากันร้องออกมา จากนั้นก็เอามือปิดหน้า ไม่กล้ามองอี้เทียนหยุนอีก หลังจากพวกเธอได้ยินว่าอี้เทียนหยุนที่มีอายุพอๆ กับพวกเธอเป็นถึงผู้อาวุโส พวกเธอก็รู้สึกสนใจอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกเลื่อมใส แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนตรงหน้าที่พวกเธอทำเหมือนกับเป็นผู้บุกรุกคนนี้
“ผู้อาวุโสอี้ ข้า พวกเราไม่ได้ตั้งใจ…..” ตาของพวกเธอมีน้ำตาไหลออกมา ทั้งกระอักกระอ่วน ทั้งเสียใจ
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเจ้าเข้ามาใหม่ การที่จะไม่รู้จักข้าก็เป็นเรื่องธรรมดา” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็หยิบขวดยาสองสามขวดออกมามอบให้กับหลิวเมิ่งเหลียน แล้วพูดว่า “พี่สาวเสี่ยวเหลียน แจกเม็ดยาพวกนี้เป็นของขวัญพบหน้าเถอะ”
หลิวเมิ่งเหลียนพยักหน้า จากนั้นก็แจกเม็ดยาในขวดออกไป หลังจากศิษย์หญิงพวกนั้นได้รับ ก็พากันร้องออกมาด้วยความตกใจ
“นี่ นี่คือเม็ดยาปรับแต่งกายาที่หายากมากหนิ!”
พวกเธอพากันร้องออกมา เม็ดยาปรับแต่งกายานี้ไม่เพียงแต่หายากเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ฝึกตนระดับปรับแต่งกายาอย่างพวกเธออีกด้วย สามารถพูดได้ว่าเม็ดยาปรับแต่งกายานี้ เหมาะสำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ช่วยทำให้รากฐานแข็งแกร่งขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตน ถือเป็นเม็ดยาสารพัดประโยชน์
“ขอบคุณ ขอบคุณผู้อาวุโสอี้!” พวกเธอพากันร้องออกมา ในสีหน้าที่แสดงออกมาล้วนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเธอ จากนั้นก็พบว่าค่าความชอบที่พวกเธอมีให้เขาในตอนนี้ มากเกินกว่า 100 ไปแล้ว! นี่ไม่ใช่แค่ความดีความชอบของเม็ดยาปรับแต่งกายา แต่ยังเป็นเพราะได้ฟังวีรกรรมของเขาด้วย ทำให้พวกเธอรู้สึกเลื่อมใสเขาอย่างมาก ตอนนี้ได้เจอเขากับตา ทั้งยังมอบเม็ดยาปรับแต่งกายานี้อีก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ค่าความชอบเพิ่มขึ้นได้ยังไง?
นี่ทำให้เขารู้สึกว่าเด็กผู้หญิงพวกนี้ช่างหลอกง่ายจริงๆ……
หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังเตรียมจะเดินเข้าไปในนิกายเทียนเฉวียน น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้าหูเขา “กลับมาคราวนี้คงไม่ได้หลอกพาเด็กผู้หญิงคนไหนมาอีกใช่ไหม?”
ชิเสวี่ยอวิ๋นเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า มองดูแล้วยังคงงดงามเช่นเดิม ทั้งยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น เมื่อได้อยู่ด้วยกันกับชิเสวี่ยอวิ๋น ทำให้เขารู้สึกสุขใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หลังจากจากกันนาน ในที่สุดก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
“ท่านน้าล่ะก็….. ข้าเคยหลอกใครที่ไหน? ข้าก็แค่ช่วยพวกเธอจากความลำบาก จากนั้นก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้นิกายเทียนเฉวียนเราไม่ใช่หรือไง?” จริงๆ แล้วแต่ละครั้งที่อี้เทียนหยุนกลับมา เป็นต้องพาคนกลับมาด้วยทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้พามา
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าเจ้าคิดอะไรอยู่” ชิเสวี่ยอวิ๋นเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา
“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว…..” อี้เทียนหยุนมองสำรวจชิเสวี่ยอวิ๋น จากนั้นก็พูดด้วยความประหลาดใจ ทั้งยังแฝงไปด้วยความสุขว่า “ท่านน้า นี่ระดับของท่านเพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอ!”
ชิเสวี่ยอวิ๋นในตอนนี้ได้เข้าสู่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 2 แล้ว ความเร็วระดับนี้ถือว่าน่าตกใจมาก
“เทียบกับเจ้าแล้วยังมีอะไรให้ต้องคุยอีก” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ กับข้ามันต่างกัน….. เอาจริงๆ แล้ว ท่านน้า ท่านร้ายกาจมาก!” อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ที่เขาสามารถเลื่อนระดับได้ไว ต้นเหตุเพราะมีระบบอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาจะไปเลื่อนระดับได้ไวอย่างนั้นได้ยังไง
“อย่าได้พูดอย่างนั้น…..” นัยน์ตาที่งดงามของอี้เทียนหยุนเหมือนมีร่องรอยของความหดหู่ “บางครั้งข้าก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ ยามที่ต้องการ ข้ากลับช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
เธอพูดจบก็พลันเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มในครั้งนี้เต็มไปด้วยความขมขื่นและความรู้สึกกดดัน ทั้งยังมากไปด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
อี้เทียนหยุนจับมือเล็กๆ ของเธอไว้ พร้อมกับพูดปลอบว่า “ท่านจะไม่ช่วยอะไรได้ยังไง ไม่ใช่ว่านิกายเทียนเฉวียนกำลังไปได้ด้วยดีอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่ามีคำกล่าวที่ว่าผู้ชายดูแลเรื่องนอกบ้าน ผู้หญิงดูแลเรื่องในบ้านหรอกเหรอ? ข้าคอยต่อสู้อยู่ภายนอก ส่วนท่านก็คอยดูแลจัดการเรื่องภายในของนิกายเทียนเฉวียน แค่นั้นก็พอแล้ว”
“เจ้าก็ชอบพูดล้อข้าเล่นอย่างนี้อยู่เรื่อย” ชิเสวี่ยอวิ๋นยื่นมือขึ้นไปลูบใบหน้าของเขา จากนั้นก็จ้องไปที่เขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ?”
“อืม ข้าเหนื่อยมาก” อี้เทียนหยุนจับมือเล็กๆ ของเธอไว้ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่เพื่อให้ได้กลับมาเจอท่าน ข้าจึงไม่อาจตายได้”
“น่าโง่ ตายเตยอะไรกัน” ชิเสวี่ยอวิ๋นค้อนขวับให้คราวหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “บางครั้งข้าก็คิดนะ ว่าจะออกไปด้วยกันกับเจ้า เจ้าว่าดีหรือเปล่า”
“ถ้ามีโอกาสนะ” อี้เทียนหยุนยิ้ม “ใช่แล้ว คราวนี้ข้าได้ทรัพยากรมาจำนวนมาก สามารถช่วยขยับขยายนิกายเทียนเฉวียนของพวกเราออกไปก้าวใหญ่ได้อย่างแน่นอน!”
พูดจบเขาก็พาชิเสวี่ยอวิ๋นเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับหยิบแหวนเก็บของออกมา จากนั้นก็ส่งให้กับชิเสวี่ยอวิ๋น นี่เป็นแหวนเก็บของของพวกเฉิงเฟิง ในนี้เต็มไปด้วยของล้ำค่าควรเมือง นอกจากบางส่วนที่ถูกเขาทำความสะอาดแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนยังอยู่ในนี้
หลังจากชิเสวี่ยอวิ๋นตรวจดูข้างใน นัยน์ตาที่งดงามของเธอก็แสดงอาการตกใจออกมา ในนี้มีแต่ของดีจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังมีจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง วิชายุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลาง ทุกสิ่งล้วนแต่กองอยู่ในแหวนเก็บของนี้!
“นี่ ของมากมายขนาดนี้ นี่เจ้าไปทำลายสำนักไหนมาใช่ไหม?”
“ฮี่ฮี่ ท่านน้าช่างรู้ใจข้าจริงๆ มีบางสำนักมันหาเรื่องข้า ข้าขัดตาก็เลยทำลายสำนักพวกมันทิ้งเสียเลย” อี้เทียนหยุนบอกออกมาเพียงคร่าวๆ ราวกับเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“นี่เป็นของที่เจ้าหามา ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก เจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ เอาไว้เพิ่มระดับให้ตัวเอง จะได้ปกป้องตัวเองได้!” ชิเสวี่ยอวิ๋นส่งคืน ไม่ยอมรับของพวกนี้
“ท่านน้า ข้ามีแล้ว นี่เป็นของที่เก็บไว้ให้สำนัก” อี้เทียนหยุนดันกลับ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้าทำอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพราะช่วยเหลือท่านน้าหรอกเหรอ”
“เทียนหยุน….” ดวงตาที่งดงามของเธอจับจ้องมาที่เขา มองมาที่อี้เทียนหยุนอย่างขอคำยืนยัน จากนั้นก็เก็บแหวนวงนี้ไว้ แล้วพูดขึ้นมาว่า “งั้นข้าจะรับของพวกนี้ไว้ ข้าจะทำให้นิกายเทียนเฉวียนแข็งแกร่ง กลายเป็นสำนักที่ทรงอำนาจ หากเจ้าคิดจะยืนอยู่เหนือโลก ข้าก็จะทำให้ทั้งสำนักกลายเป็นร่มปกป้องเจ้า หากทั้งโลกเป็นศัตรูกับเจ้า ข้าก็จะพานิกายเทียนเฉวียนต่อสู้กับศัตรูทั้งโลกเพื่อเจ้า!”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยพลัง ทั้งยังแฝงแรงกระตุ้น มองมาที่อี้เทียนหยุนจนทำให้ในใจเขาร้อนผ่าว จนต้องดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้
“ไม่ ข้าแค่อยากจะมองรอยยิ้มของท่าน แค่นั้นก็พอแล้ว” อี้เทียนหยุนกอดเธอเบาๆ สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของเธอ แต่ในใจไม่ได้มีความคิดอื่นแม้แต่น้อย
“ข้าก็เช่นกัน…..” ชิเสวี่ยอวิ๋นหลับตาลงช้าๆ ขณะที่น้ำตาไหลลงจากหางตาของเธอ