CLS ตอนที่ 271: คำแซ่ซ้องจากคนนับพัน
เมื่อภารกิจนี้ปรากฏอีกครั้ง อี้เทียนหยุนก็ตกใจ เหมือนว่าภารกิจนี้จะให้ทำไปทีละขั้นอย่างนั้นสินะ? เขาเพียงต้องสอนจิ่วหลิงจวินต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง จากนั้นเขาก็จะสามารถสำเร็จภารกิจฝึกฝนนี้ได้
“การฝึกฝนของนักบุญหญิง….. นี่จะให้นิกายเทียนเฉวียนเราฝึกนักบุญหญิงออกมาจริงๆ?” อี้เทียนหยุนเอามือลูบคาง ตอนแรกเขาคิดว่าจิ่วหลิงจวินเผ่านักบุญหญิงอะไรทำนองนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนักบุญหญิงของนิกายเทียนเฉวียน!
ฝึกฝนนักบุญหญิงของนิกายเทียนเฉวียน ไม่ใช่นักบุญหญิงของสำนักอื่น
“พี่ใหญ่อี้ ข้าทำอย่างนี้ถูกไหม?” จิ่วหลิงจวินเงยหน้ามองมาที่เขาพร้อมกับถามขึ้น
“ถูกแล้ว มา ข้าจะสอนให้เจ้าสร้างค่ายกลให้เก่งขึ้น!” อี้เทียนหยุนตอนนี้ตาเป็นประกาย พร้อมกับสอนหัวข้ออื่นให้กับเธอ
อย่างรวดเร็ว หลังจากสอนไปหนึ่งรอบ จิ่วหลิงจวินก็เรียนรู้ทุกอย่าง เป็นการเรียนรู้ที่น่าสะพรึงจริงๆ! นี่จึงจะสมกับคำเรียกหาว่าอัจฉริยะ ในด้านฝึกยุทธ์ การประเมินผลของเธอมีจำกัด แต่ในด้านการสลักอาคมแล้ว ความสามารถของเธอกลับน่าสะพรึงอย่างแท้จริง
ยังไงก็ตาม คราวนี้ไม่มีภารกิจปรากฏขึ้นมา ดูท่าคงต้องเป็นไปทีละขั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสำเร็จภารกิจไหนได้เลย
“นี่คือหัวข้อในการสลักอาคมของเจ้า เจ้าจงตั้งใจฝึกฝนให้ดี จากนี้ไป คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องสลักอาคมของนิกายเทียนเฉวียนคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว!” อี้เทียนหยุนส่งต่อความรู้ความรู้ที่ได้จากวังเสินเหวิน พร้อมกับมอบพู่กันสลักอาคมให้กับจิ่วหลิงจวิน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจิ่วหลิงจวินเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั่วทั้งนิกายเทียนเฉวียนนี้ จิ่วหลิงจวินเป็นคนที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่งที่สุด กระทั่งเทียบกับอัจฉริยะจากวังเสินเหวินก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย ส่วนศิษย์จากตำหนักเทียนเหวินนั้น อี้เทียนหยุนยังไม่กล้าพูดเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยห้าอันดับแรกก็ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
“นี่ จะให้สิ่งนี้กับข้าจริงๆ เหรอ? แต่ แต่ว่านี่มันล้ำค่าเกินไป พู่กันสลักอาคมด้ามนี้เป็นถึงระดับจิตวิญญาณ ข้าไม่กล้ารับเอาไว้หรอก” จิ่วหลิงจวินหลังจากรับมาดูก็พลันส่ายหัว แค่หัวข้อที่ได้เรียนก็ยากที่จะทำความเข้าใจแล้ว หลังจากเรียนรู้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องเหยียบย่างเข้าสู่นักสลักอาคมชั้น 5 เป็นอย่างน้อย ทั้งพู่กันด้ามนี้ยังล้ำค่ามากเกินไป
“ทั่วทั้งนิกายเทียนเฉวียนนี้ นอกจากเจ้าแล้ว ไม่มีใครเหมาะกับสิ่งนี้อีกแล้ว” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปตบไหล่เธอเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้าเป็นผู้นำของศิษย์กลุ่มหนึ่งอยู่หรอกเหรอ สิ่งนี้ถือของขวัญที่ข้ามอบให้แก่เจ้า เชื่อว่าเจ้าจะต้องคู่ควรกับมันอย่างแน่นอน”
จิ่วหลิงจวินกำแหวนเก็บของแน่น จากนั้นก็พยักหน้าหนักๆ ในสายตาที่ใสกระจ่างปรากฏแววแห่งความตื่นเต้น “ในเมื่อพี่ใหญ่อี้ว่าอย่างนั้นข้าก็จะไม่ขอปฏิเสธ ตราบเท่าที่สามารถช่วยพี่ใหญ่อี้ได้ก็พอ ดังนั้น ข้าจะตั้งใจฝึกฝนให้ดี….. แม้ว่าจะไม่อาจช่วยอะไรพี่ใหญ่อี้ได้ในตอนนี้ แต่ข้าเชื่อว่าจะต้องสามารถช่วยพี่ใหญ่อี้ได้อย่างแน่นอน!”
“อย่าได้เคร่งครัดกับตัวเองเกินไป เจ้าต้องใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง พยายามเพื่อตัวเอง” อี้เทียนหยุนรู้สึกตื้นตันใจ ยื่นมือขึ้นลูบหัวเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มา พวกเราไปสร้างค่ายกลด้วยกัน ยังมีที่ฝึกอีกหลายที่ ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับที่ฝึกของศิษย์!”
“อืม!” จิ่วหลิงจวินพยักหน้า ในสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
จากนั้น พวกเขาก็ทำการสร้างค่ายกลขึ้น ทั่วทั้งห้องฝึกฝน 1 ใน 4 ส่วนล้วนแต่เต็มไปด้วยค่ายกล ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้น เมื่อเทียบกันแล้ว แข็งแกร่งกว่าหอคอยเทียนหลิงด้วยซ้ำ นี่เป็นการปรับปรุงของอี้เทียนหยุน แน่นอนว่าผลลัพธ์ต้องต่างกันเป็นธรรมดา เทียบกับหอคอยเทียนหลิงแล้ว ต้องทรงพลังกว่าเป็นธรรมดา
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกฝนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะที่จะเป็นสถานที่ฝึกอย่างแท้จริง
“ติ๊ง ท่านสร้างค่ายกลชั้น 3 สำเร็จ ได้รับค่าความชำนาญ 50”
“ติ๊ง ท่านสร้างค่ายกลชั้น 3 สำเร็จ ได้รับค่าความชำนาญ 50…..”
……
ค่ายกลที่เขาสร้างนี้เป็นค่ายกลชั้น 3 เพราะระดับค่อนข้างต่ำ ดังนั้นค่าความชำนาญจึงน้อย ยังไงก็ตาม ถ้าเขาคิดจะสร้างจนเต็มห้อง ยังต้องใช้เวลาอีกนาน ยังต้องสร้างค่ายกลอีกหลายชิ้น ค่าความชำนาญโดยรวมจึงไม่ต่ำอย่างแน่นอน
โดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดพวกเขาก็สร้างค่ายกลทั่วทั้งห้องฝึกจนเสร็จ เผาผลาญพลังวิญญาณไปไม่ได้ จิ่วหลิงจวินก็หน้าแดงไปทั้งหน้า เผาผลาญพลังวิญญาณไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน
“ในที่สุดก็สำเร็จ พวกเรามาลองดูผลลัพธ์กันไหม?”
หลังจากนั้น พวกเขาก็ทดลองค่ายกล ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้พวกเขาพอใจมาก อี้เทียนหยุนสามารถเห็นได้ล่วงหน้าเลยถึงศิษย์จำนวนมากของตึกสลักอาคมของนิกายเทียนเฉวียน ส่วนตึกหลอมศาสตราและกลั่นโอสถนั้น ยังคงมีศิษย์อยู่ค่อนข้างน้อย เรื่องนี้คงได้แต่รอเท่านั้น
“ถ้างั้นพี่ใหญ่อี้ ข้าจะไปเรียกศิษย์เข้ามาลองฝึกด้วยกันนะ!” จิ่วหลิงจวินวิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น อยากจะไปเรียกศิษย์คนอื่นๆ เข้ามาลอง
อี้เทียนหยุนยิ้ม ไม่ได้คิดจะห้ามเธอ แต่ลุกออกไปสร้างค่ายกลให้กับห้องฝึกห้องอื่น ยิ่งเขาสร้างได้หลายห้องเท่าไหร่ ก็สามารถรองรับศิษย์ได้มากเท่านั้น
อีกอย่างคือเพื่อเพิ่มค่าความชำนาญ ขาดอีกแค่นิดหน่อยเท่านั้น เขาก็จะสามารถเลื่อนระดับในการสลักอาคมได้แล้ว!
ในที่สุด ขณะที่เขากำลังสร้างค่ายกลใกล้จะแล้วเสร็จอยู่นั้น ก็พลันมีเสียงระบบดังขึ้นมา “ติ๊ง ยินดีด้วย ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เลื่อนจากนักสลักอาคมขั้นสูงเข้าสู่นักสลักอาคมขั้นเชี่ยวชาญสำเร็จ! ระดับถัดไป ต้องการค่าความชำนาญ 500,000!”
หลังจากเข้าสู่นักสลักอาคมขั้นเชี่ยวชาญ อี้เทียนหยุนก็พลันตาเป็นประกาย ความเร็วในการสลักอาคมเพิ่มขึ้นมาก จากที่ต้องใช้เวลาธูปไหม้ 2-3 ดอก เหลือเพียงแค่ชั่วธูปไหม้ดอกเดียวเท่านั้น!
ความเร็วนี้ช่างร้ายกาจจริง เป็นความเร็วที่น่าตกใจ เร็วราวกับสายฟ้า!
ในตอนนี้เอง จิ่วหลิงจวินก็ได้พาศิษย์คนอื่นมา เมื่อเห็นความเร็วในการสร้างค่ายกลที่เร็วมากของอี้เทียนหยุนก็พากันตกใจ พวกเธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ค่ายกลชั้น 3 สามารถสร้างได้เร็วขนาดนี้เชียว!
“นี่ นี่มันเร็วมาก นี่คือความสามารถของผู้อาวุโสอี้อย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสอี้อยู่ระดับไหน บางทีอาจจะเป็นระดับต้าซือแล้วก็เป็นได้?”
“นักสลักอาคมระดับต้าซือที่อายุยังน้อย นี่มันจะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยเหรอ?”
……
พวกเธอพากันเอามือปิดปากด้วยความตกใจ
“ความสามารถของผู้อาวุโสอี้ เทียบเท่ากับระดับต้าซือแล้วจริงๆ” ดวงตาที่งดงามของจิ่วหลิงจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ห้องฝึกฝนแห่งนี้ ข้าและผู้อาวุโสอี้ช่วยกันสร้าง มันจะมีส่วนช่วยในการฝึกฝนของพวกเจ้าอย่างมาก”
ถ้าอยู่ด้วยกัน เธอจะเรียกอี้เทียนหยุนว่าพี่ใหญ่อี้ แต่ถ้าอยู่กับคนนอก เธอจะเรียกอี้เทียนหยุนว่าผู้อาวุโสอี้ นี่ก็เหมือนกับการที่อี้เทียนหยุนเรียกชิเสวี่ยอวิ๋น
“มาแล้วเหรอ?” อี้เทียนหยุนยืนขึ้น ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
“ผู้อาวุโสอี้ ท่านร้ายกาจมาก ท่านเป็นนักสลักอาคมระดับต้าซือแล้วจริงๆ เหรอ?” ศิษย์บางคนถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
“ใช่แล้ว” อี้เทียนหยุนยิ้ม เขาคิดว่าเขาคงเข้าสู่ระดับนั้นแล้ว
“ร้ายกาจมาก!”
พวกเธอพากันตื่นเต้น ในสายตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส ถูกพลังของเขาดึงดูดใจ
“ติ๊ง ท่านได้รับฉายา “คำแซ่ซ้องจากคนนับพัน” ช่วยเพิ่มความสามารถในการบัญชาการขึ้น 100 แต้ม!”
เสียงระบบดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ปรากฏว่าเขาได้รับฉายา!