CLS ตอนที่ 273: ซื้อหินวิญญาณหยก
หลังจากซ่อมแซมเสร็จ เขาก็ไม่คิดที่จะหาหินวิญญาณหยกมาใช้บินในทันที ด้วยสถานการณ์ที่วุ่นวายในตอนนี้ มันเหมาะที่จะเคลื่อนย้ายซากโบราณสถานเทียนเฉินอย่างงั้นเหรอ? วิหารบินในท้องฟ้า ถ้าไม่เรียกความสนใจจากผู้คน อย่างนั้นก็แปลกล่ะ
โดยเฉพาะถ้าบินไปยังวังเทียนจี๋ เมื่อถึงตอนนั้น คงจะนำพาคนที่สนใจมุ่งไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตายตอนไหน ถ้าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคนสำคัญก่อนที่จะแข็งแกร่งพอ อี้เทียนหยุนไม่กล้าบินมั่วตามใจหรอก ดังนั้น ภารกิจหลักนี้จึงไม่ใช่อะไรที่จะเร่งรีบทำให้สำเร็จในทันที
ยังไงก็ตาม เรื่องที่ต้องเตรียมพร้อมยังไงก็ต้องเตรียม
“ในเมื่อที่นี่เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับกันแล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ที่นี่ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่เวลาเท่านั้น ตราบเท่าที่ให้เวลาพวกเขามากพอ พวกเขาก็สามารถพัฒนาได้รวดเร็วอย่างแน่นอน!
ตอนนี้พวกเขามีทรัพยากรมากมาย รวมถึงวิชายุทธ์จำนวนมา คิดจะไม่พัฒนาคงยาก ดังนั้น ความแข็งแกร่งจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน แต่จะให้สำเร็จในไม่กี่วันคงเป็นไปไม่ได้ จากที่เขาคาดการณ์ อย่างน้อยต้องใช้เวลาอยู่ดี นิกายเทียนเฉวียนจะขึ้นเป็นสำนักชั้นยอดในขุมอำนาจชั้น 2 ในอีกไม่กี่ปี จากนั้นก็จะถึงเวลาในการเข้าสู่ขุมอำนาจชั้น 3
นี่คือสถานการณ์ที่ไม่ควบรวมกับวังเทียนจี๋ แต่ทำได้อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ทั้งยิ่งใหญ่และรวดเร็วที่สุดแล้ว ที่เหลือก็แค่ขอให้มีอัจฉริยะจำนวนมากเข้าร่วม นิกายเทียนเฉวียนมีชื่อเสีย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอัจฉริยะสักคนมาเข้าร่วม อย่าว่าแต่คนธรรมดาที่มีพรสวรรค์เลย
เขาเข้าไปทักทายชิเสวี่ยอวิ๋นกับพวก จากนั้นก็จากมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่ต่อ ตอนนี้เวลากำลังกระชั้น ทั้งสิ่งที่ต้องทำที่นี่ก็ทำเกือบหมดแล้ว ที่ต้องจัดการก็จัดการแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือก็ไม่ต้องถึงมือเขา มันสามารถพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากกลับมาถึงวังเทียนจี๋ สถานการณ์ของที่นี่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกผ่อนคลาย ถ้าเกิดตอนเขาไม่รู้แล้ววังเทียนจี๋ถูกโจมตีล่ะก็ นั่นคงจะเป็นปัญหา
“ประมุข ท่านกลับมาแล้ว!” เมื่อผู้อาวุโสใหญ่กับพวกเห็นอี้เทียนหยุนกลับมาก็พากันแสดงสีหน้าดีใจออกมา
พวกเขาในตอนนี้พากันรุมล้อมอี้เทียนหยุน พวกเขาพากันคิดว่าอี้เทียนหยุนจากไปแล้ว ถ้าอี้เทียนหยุนไม่กลับมาล่ะก็ วังเทียนจี๋ของพวกเขาจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยู่แค่ไม่กี่วันหรอกเหรอ หรือว่าที่นี่มีอะไรเกิดขึ้น?” อี้เทียนหยุนถาม
“มี ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างจริงจัง “ข้างนอกพากันกระจายข่าวว่าตำหนักกลางเมืองของเมืองจู้หลงถูกทำลาย ทำให้ประมุขทั้งหลายถูกฆ่าตายอยู่ในนั้น แน่นอนว่ารวมถึงพวกเราด้วย! ทั้งยังมีข่าวว่าการที่วังเสินเหวินถูกทำลายนั้นเกี่ยวข้องกับอาณาจักรใต้พิภพแพร่ออกไป ทุกคนจึงต่างก็พากันกังวลว่าจะถูกอาณาจักรใต้พิภพเข้ามาทำลาย!”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องกระจายออกไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถแสดงใบหน้าในที่สาธารณะได้
“แต่อาณาจักรใต้พิภพก็ได้ออกมาแก้ต่างอย่างรวดเร็ว บอกว่าเรื่องที่วังเสินเหวินถูกทำลายนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเขา ทั้งยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างอีกด้วย!” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างเคร่งเครียด “ตอนนี้อาณาจักรใต้พิภพโถมกำลังเข้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เชื่อว่าคงไม่มีเวลาว่างมาจัดการพวกเราแล้ว ทั้งพวกเรายังมีข่าวว่า “ตาย” อยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเราออกมาแล้ว”
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์นี้แหละ ตราบเท่าที่สร้างข่าวการตายขึ้น จากนั้นพวกเขาก็สามารถผ่อนคลายได้แล้ว ทั้งยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวังเทียนจี๋ของพวกเขาอีก ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ที่อาณาจักรใต้พิภพจะเข้ามาตรวจสอบพวกเขา เนื่องเพราะอาณาจักรใต้พิภพยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก คงยากที่จะปลีกตัวมาจัดการพวกเขา
“ดูเหมือนสถานการณ์กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีนะ” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ถามต่อว่า “แล้วสถานการณ์ของวังเทียนจี๋ในตอนนี้ล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
“ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไร ด้วยทรัพยากรจำนวนมากที่พวกเราได้มา ทำให้ในตอนนี้ไม่เป็นอะไร ทั้งยังค่อยๆ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น คนที่เข้าร่วมกับวังเทียนจี๋เราก็ยังน้อยอยู่ดี…..”
ตอนนี้ ผู้อาวุโสใหญ่พลันเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ไม่มีศิษย์ใหม่เข้าร่วม นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ
จากนั้นอี้เทียนหยุนก็พลันบอกกล่าวเรื่องราวคร่าวๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรวมสำนัก เรื่องบรรพชนผู้ก่อตั้งนิกายเทียนเฉวียนก็พูดออกไป เรื่องนี้พวกเขาจำเป็นต้องคุยกันให้ดี ไม่อย่างนั้นมันง่ายที่จะก่อให้เกิดปัญหา
“1 วัง 2 สำนัก? น่าสนใจ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เอาตามที่ท่านประมุขตัดสินใจได้เลย” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าสามารถรวมสองสำนักเข้าด้วยกัน ถ้างั้นศิษย์ก็คงจะมีจำนวนมาก เมื่อฝึกฝนศิษย์เต็มกำลัง ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถยิ่งใหญ่ได้!”
รวมสองสำนักเข้าด้วยกัน จำนวนศิษย์ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ไม่น้อย สุดท้ายแล้วยังต้องพึ่งพาแกนหลักอยู่ดี!
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้ว ข้าวางแผนว่าจะไปซื้อของบางอย่างที่ตำหนักซิงเฉิน ไว้ข้าจะกลับมา” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไร เขาก็ออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
ของที่เขาจะไปซื้อที่ตำหนักซิงเฉิน แน่นอนว่าต้องเป็นหินวิญญาณหยก แม้ว่าจะไม่ได้รีบร้อนใช้มันในตอนนี้ แต่เตรียมไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย การไปครั้งนี้ เขาไม่ได้พาใครไปด้วย สถานการณ์ของวังเทียนจี๋ในตอนนี้กำลังอ่อนแออย่างมาก ถ้าถูกสังเกตเห็น หรือไปตอแยเรื่องราวอะไรบางอย่างเข้า มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่
ในตอนนี้เขาสวมหน้ากากอยู่ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับใครสักคน เขาก็ไม่กลัวว่าจะมีคนจำได้
อย่างรวดเร็ว เขาก็มาถึงสำนักงานหลักของตำหนักซิงเฉิน ที่นี่มีของมากที่สุด ทั้งยังเป็นที่ที่มีข้อมูลข่าวสารมากที่สุด แน่นอนว่าย่อมเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่ใหญ่มาก จึงไม่ได้ส่งผลต่อผู้ฝึกตนทั่วไป” อี้เทียนหยุนพยักหน้า การก่อกวนเรื่องราวที่อาณาจักรใต้พิภพสร้างขึ้นมีอยู่อย่างจำกัด
จากนั้นเขาก็มาถึงตำหนักซิงเฉิน ไม่มีใครจำเขาได้เมื่อเข้ามา เขาในตอนนี้ปลอมตัวเป็นชายที่ค่อนข้างมีอายุ ดูแล้วราวๆ 30 ปี
“ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการให้ช่วยอะไรคะ?” หญิงสาวที่งดงามเดินเข้ามา
“ข้าอยากจะซื้อหินวิญญาณหยก แต่เป็นขนาดใหญ่” อี้เทียนหยุนบอกออกไป
“หินวิญญาณหยกขนาดใหญ่หรือคะ?” หญิงสาวคนนั้นตาเป็นประกาย แล้วถามขึ้น “ใหญ่ประมาณไหนคะ?”
ยิ่งขายได้เยอะ เธอก็จะยิ่งได้ผลตอบแทนเยอะ
“ราวๆ 100 จิน ข้าต้องการหลายก้อนหน่อย” อี้เทียนหยุนคิดมาแล้ว ของสิ่งนี้ต้องซื้อเผื่อไว้หน่อย
“ขนาด 100 จิน หรือคะ….” หญิงสาวคนนั้นอุทานออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “หินวิญญาณหยกที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้นค่อนข้างหายากมาก อย่างมากก็หนักแค่ 30 จิน 100 จิน ไม่มีจริงๆ ค่ะ…..”
“30 จิน?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว นี่ไม่ได้ใกล้เคียงกับขนาดที่เขาต้องการเลย อย่างน้อยต้อง 50-60 จินขึ้น ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่สามารถใช้กับช่องได้ แล้วอย่างนี้ค่ายกลบินจะบินได้อย่างนั้นเหรอ?
“ใช่ค่ะ มีแค่ขนาด 30 จินเท่านั้น” หญิงสาวคนนั้นมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง หวังว่าตัวเองจะได้รับกำไรจากธุรกิจในคราวนี้
“เล็กเกินไป ข้าไม่ต้องการ” อี้เทียนหยุนโบกมือ จากนั้นก็หมุนตัวเตรียมจากไป นี่มันเล็กเกินไปจริงๆ
“คุณชายโปรดรอสักครู่ค่ะ” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีสาวงามเดินออกมาจากด้านข้างด้วยท่าทางเกียจคร้าน พร้อมกับมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม “ขอประทานโทษค่ะ พอดีเมื่อกี้นี้ได้ยินที่ท่านพูด ท่านบอกว่าต้องการหินวิญญาณหยกที่มีขนาด 100 จินอย่างนั้นใช่ไหมคะ?”
อี้เทียนหยุนปรายตามองเธอ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ ถ้าไม่มีขนาด 100 จิน อย่างน้อยเป็นระดับ 50-60 จิน”
“ท่านมาได้จังหวะพอดีเลย ตอนนี้เพิ่งจะมีคนเอาหินวิญญาณหยกชั้นยอดเข้าประมูล มันมีน้ำหนักประมาณ 200 จิน ไม่ทราบว่าคุณชายยินดีที่จะเข้าไปยังห้องพิเศษเพื่อรับฟังข้อมูลไหมคะ?” คำพูดของสาวงามนางนี้พลันดึงดูดอี้เทียนหยุนในทันที
นี่ทำให้อี้เทียนหยุนต้องมองเธอเต็มๆ ตา จากนั้นก็พบว่าเธอช่างมีหน้าตาที่คุ้นเสียจริงๆ!