CLS ตอนที่ 275: เริ่มประมูล
หลังจากหลี่หย่าจากไป อี้เทียนหยุนก็นั่งดื่มชาในห้องรับรองพิเศษ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรอบจากที่นี่ได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ลานประมูลกำลังเริ่มเตรียมการ ดังนั้น ข้างล่างจึงมีผู้คนนั่งอยู่มากมาย บ้างกระซิบกัน บางถกเถียงกัน ว่าจะมีของอะไรที่ถูกส่งเข้ามาประมูลบ้าง
ผู้ฝึกตนที่เข้าประมูลข้างล่าง แม้ไม่กล้าพูดว่าทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่ยากจนกันทั้งนั้น ถ้าจะมีคนที่รวยหน่อย ก็ล้วนแต่อยู่ในห้องรับรองพิเศษของลานประมูลแห่งนี้แล้ว แม้จะยังสามารถเห็นหน้าคนที่อยู่ในห้องได้ แต่ที่นั่งก็สบายกว่าข้างล่างมาก
แน่นอนว่าไม่อาจลบผู้ฝึกตนบางคนที่ว่างจัด ที่ชอบเข้ามาดูงานประมูล แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน อี้เทียนหยุนก็ไม่ใส่ใจทั้งนั้น!
ภายใต้เวลาที่ล่วงผ่าน ยิ่งมาผู้คนก็ยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น ข้างนอกตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว ได้เวลาเริ่มงานประมูลกันสักที งานประมูลนี้มีขึ้นทุกวันอยู่แล้ว ส่วนที่ว่าจะมีของล้ำค่าออกมาไหม นั่นต้องดูตามสถานการณ์กันอีกที
ส่วนที่ว่าจะมีของชิ้นไหนเข้าประมูลบ้าง จะถูกแสดงให้ผู้ฝึกตนได้ดูอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องเสียเวลา ของสิ่งไหนที่ต้องขายก็ขาย ไม่มีการมาล้อพวกท่านเล่น นอกจากสมบัติล้ำค่าบางส่วนในช่วงท้ายที่ไม่ถูกระบุไว้ แต่จะบอกว่าเป็นของชนิดไหนแทน
“ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว……”
อี้เทียนหยุนเพ่งลงไปด้านล่าง คนส่วนใหญ่เข้ามากันจนเกือบเต็มแล้ว อย่างรวดเร็ว หลี่หย่าก็เดินขึ้นไปบนเวที พร้อมกับเริ่มพูดขึ้นมา
“ยินดีที่ได้พบกับทุกท่านอย่างมาก ตอนนี้งานประมูลได้เตรียมการเสร็จแล้ว หวังว่าทุกท่านจะสมหวังกับสมบัติที่ท่านหมายตา” หลี่หย่าเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา พร้อมกับทำสัญลักษณ์ให้สหายที่อยู่ล่างเวทียกสมบัติชิ้นแรกขึ้นมา
หลังจากผู้ฝึกตนหลายคนเห็นหลี่หย่าก็พากันถกเถียงกัน ไม่สนดูกระทั่งสมบัติชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นประมูล
“เอ๋ นั่นไม่ใช่ลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าตำหนักหลี่อย่างงั้นเหรอ ทำไมเธอถึงถูกส่งมาช่วยงานที่นี่ล่ะ?”
“ได้ยินมาว่าเธอถูกส่งให้มาช่วยที่นี่ เพราะว่าผู้ประกาศในที่นี่มีรูปร่างหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นจึงได้แต่ส่งเธอมาช่วยแทน”
“อย่างงั้นหรอกเหรอ แต่ทำอย่างนี้ก็มีผลดีเหมือนกัน ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญบางคน เจ้าตำหนักหลี่ดูท่าจะเอ็นดูบุตรสาวคนเล็กนี้จริงๆ”
“ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงก็เป็นลูกสาวของตัวเอง แล้วจะไม่ส่งเสริมได้เหรอ?”
……
ผู้คนไม่ได้คุยกันถึงเรื่องสมบัติ แต่กลับคุยกันเรื่องหลี่หย่าแทน ดูท่าชื่อเสียงของหลี่หย่าจะโด่งดังมาก แต่ก็ทางด้านลบล่ะนะ
หลี่หย่าที่อยู่บนเวทีมีรอยยิ้มค้างบนใบหน้า นี่เป็นการเวทีเป็นผู้ประกาศวันแรกของเธอ ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยแทนซะงั้น ยังไงก็ตาม เธอก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ จากนั้นก็เริ่มแนะนำสมบัติชิ้นแรก
“สมบัติชิ้นแรกคือศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง กระบี่หยกเย็น บนตัวกระบี่สลักค่ายกลเยือกแข็งชั้น 4 เอาไว้ สามารถโจมตีเป็นธาตุน้ำแข็งออกไป ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังที่ส่งผลแต่การแช่แข็งศัตรู!” น้ำเสียงของหลี่หย่าสูงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อว่า “เสนอราคาด้วยหินวิญญาณหยก เริ่มต้นที่หินวิญญาณหยก 1,000 ชิ้น แต่ละครั้งเพิ่มขึ้นหินวิญญาณหยกไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้น!”
1,000 นี้นับหน่วยเป็นเหลียง คือไม่ได้ต้องการหินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์มากนัก เพียงแค่เศษชิ้นส่วนก็พอ แต่ไม่ใช่ว่าเศษเล็กเศษน้อยแค่ไหนก็ได้ อย่างน้อยต้องสัก 2-3 เหลียง หรือประมาณ 1 จิน ซึ่งจำนวนนี้ถือว่าดีต่อการฝึกฝนอย่างมาก เทียบกับการดูดซับพลังวิญญาณจากภายนอกแล้วดีกว่ากันมากนัก
และตอนนี้ คนจำนวนมากต่างก็เบนความสนใจไปยังอาวุธชิ้นนี้ในทันที ซึ่งส่วนใหญ่ที่สนใจอาวุธชิ้นนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนธาตุน้ำแข็ง
“ข้าจะเอา 1,500 หินวิญญาณหยก!”
“1,800 หินวิญญาณหยก
“1,900 หินวิญญาณหยก
ราคาประมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ละคนต่างก็พากันยื้อแย่งเสนอราคา ดูเหมือนศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางที่มีการสลักค่ายกลชั้น 4 เอาไว้จะราคาดีทีเดียว
อี้เทียนหยุนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษไม่ได้มีความสนใจอะไรกับอาวุธชิ้น แค่ศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง สำหรับเขาแล้วเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อย่างสบาย ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับใครในงานประมูล สิ่งที่จะทำให้เขาสนใจได้ คงมีแต่สมบัติล้ำค่าเท่านั้น
ตอนนี้ก็ได้ประมูลผ่านไปแล้วมากกว่า 20 ชิ้น หินวิญญาณหยกสมบูรณ์ที่เขาต้องการนั้นจัดอยู่ใน 3 ชิ้นสุดท้าย ซึ่งสองชิ้นสุดท้ายนั้นถูกซ่อนไว้ หนึ่งนั้นเป็นเม็ดยา ส่วนอีกหนึ่งเป็นสมบัติ
ซึ่งถือว่าเป็นการแจ้งได้ชัดเจนมากทีเดียว การที่จะให้เม็ดยาจัดอยู่ในช่วงสุดท้าย แน่นอนว่าต้องเป็นเม็ดยาชั้นยอด ส่วนอีกชิ้นที่ถูกระบุว่าสมบัติ แท้จริงแล้วถ้าไม่ใช่ชุดเกราะก็ต้องเป็นอาวุธ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีเอฟเฟ็กพิเศษอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ทำให้ผู้คนพากันรู้สึกคาดหวัง
ส่วนของอย่างอื่นนั้น อี้เทียนหยุนไม่รู้สึกสนใจ แม้จะมีอาวุธและเม็ดยาบางชิ้นถูกนำขึ้นมาประมูล แต่ก็ด้วยระดับที่ต่ำเกินไป ซึ่งเขาก็สามารถทำมันออกมาเองได้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจเขาแม้แต่น้อย
ในช่วงระหว่างรอแสนน่าเบื่อหน่ายนั้น เขาก็ได้หยิบวัตถุดิบออกมาพร้อมกับเริ่มหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ เขาในตอนนี้สามารถหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำชั้นสูงได้แล้ว ถ้ายังทำต่อไป อีกไม่นานเขาก็จะสามารถหลอมศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลางได้ กระทั่งศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงก็ไม่ใช่ปัญหา
จริงๆ แล้วถ้าเอาตามทฤษฎีล่ะก็ มันไม่ได้เร็วเท่ากับการสังหารสัตว์อสูร ทั้งการจะเกิดเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำหรือสูงนั้นก็มีอัตราสำเร็จที่ต่ำมาก
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังคิดที่จะเพิ่มระดับความชำนาญในอาชีพของเขาให้สูงขึ้น แม้ตอนนี้จะยังระดับต่ำอยู่ แต่สักวันก็ต้องเพิ่มขึ้น หลังจากนี้เขาจะสร้างอาวุธอะไรออกมาก็ได้ หรือถ้าสำนักต้องการศาสตราจิตวิญญาณจำนวนมาก เขาก็จะเล่นเป็นช่างหลอมศาสตราด้วยความเต็มใจ
ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้สร้างศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำได้สำเร็จโดยที่ไม่มีความยากอะไร ส่วนสมบัตินั้นก็ใกล้เวลาที่จะถูกนำขึ้นมาให้ประมูลแล้ว เขาจึงเก็บอาวุธเอาไว้ จากนั้นก็มองดูสถานการณ์ที่เป็นไป
“ของที่จะนำขึ้นมาให้ประมูลต่อจากนี้ เชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญในการสลักอาคมทุกท่านคงจะรู้จักกันดี เชิญทุกท่านพบกับ หินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์มากชิ้นนี้กันเลย!” หลี่หย่ายังคงเป็นผู้ประกาศตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมด้วยรอยยิ้มของเธอ “หินวิญญาณหยกเหล่านี้ แต่ละชิ้นต่างก็หนัก 200 จิน เชื่อว่าคงจะมีคุณค่าต่อผู้เชี่ยวชาญในการสลักอาคมอย่างที่หาอะไรมาแทนไม่ได้!”
พูดจบ ข้างล่างก็ได้มีคนยกหินวิญญาณหยกพวกนี้ขึ้นมาวางไว้บนเวที หินวิญญาณหยกแต่ละชิ้นดูแล้วคล้ายหัวขนาดใหญ่ หินวิญญาณหยกที่เล็กที่สุดยังมีน้ำหนักประมาณ 200 จิน! ต่อให้จะถูกทำไปทุบเป็นค่าเงิน เชื่อว่าคุณค่าของมันก็ต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน
ผู้ฝึกตนทั้งหลายในตอนนี้ต่างตาเป็นประกาย แต่คนที่สนใจจะซื้อจริงๆ กลับมีน้อย เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้ที่ฝึกฝนการสลักอาคม ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีความหมายอะไรต่อพวกเขาสักเท่าไหร่
“หินวิญญาณหยกพวกนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 ชิ้น แต่ละชิ้นต่างก็หนักมากกว่า 200 จิน ชิ้นที่หนักที่สุดหนักมากถึง 300 จิน!” หลี่หย่ายังคงพูดต่อไป แต่ว่าน่าเสียดายอย่างมากที่ผู้ที่นำมันเข้ามาประมูลนั้นได้บอกกับพวกเราว่า เขาต้องการขายทั้งหมดนี้ในครั้งเดียว และไม่ต้องการขายแยกเป็นชิ้นๆ ดังนั้น ทุกท่านจึงจำเป็นต้องซื้อหินวิญญาณหยกทั้งหมดนี้ในคราวเดียว ไม่มีการขายแยกเด็ดขาด และแน่นอนว่าราคาของมันก็ต้องสูงเป็นธรรมดา ซึ่งผู้ที่นำมันเข้ามาประมูลนั้นไม่ได้ต้องการเม็ดยา หรือว่าตำรายุทธ์ แต่สิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนก็คือศาสตราจิตวิญญาณ! ส่วนจะเป็นชนิดไหนนั้นไม่กำหนด แต่อย่างน้อยต้องเป็นระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำขึ้นไปถึงจะซื้อได้”
“ถ้าจะซื้อด้วยศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง ถ้าเปรียบตามการซื้อขายในปัจจุบัน ศาสตราจิตวิญญาณขั้นกลาง 1 ชิ้นจะเทียบเท่ากับ ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 30 ชิ้น และศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง 1 ชิ้น จะเท่ากับศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้น! เพื่อเป็นผลดีต่อการประมูล เราจะขอใช้จำนวนศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำเป็นตัววัด หลังจากประมูลเสร็จแล้วค่อยคำนวนกลับอีกที”
„Then starts to auction now, starting bid price is ten Lower Grade Soul Tool, raises the price lowly cannot be lower than ten Lower Grade Soul Tool, now starts the selling quotation!”
“งั้นมาเริ่มประมูลกันเลย เริ่มต้นราคาที่ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 10 ชิ้น เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่าศาสตราจิตวิญญาณ 10 ชิ้น
“ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 50 ชิ้น!”
“ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 50 ชิ้น แล้วอยากจะได้หินวิญญาณหยกนี้ไปอย่างงั้นเหรอ? คิดง่ายไปแล้ว! ข้าเสนอศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้น!”
“น่าขำ ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 100 ชิ้นก็ยังต่ำไปอยู่ดี ข้าเสนอ 200 ชิ้น!”
เพิ่งจะเริ่ม ราคาก็พุ่งขึ้นเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 200 ชิ้นแล้ว! เป็นอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ ผู้ที่จะเป็นนักสลักอาคมได้นั้น ย่อมไม่มีใครขาดเงินทอง ดังนั้น ผู้ที่นำหินวิญญาณหยกเข้าประมูลจึงได้ตัดสินใจทำอย่างนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น