CLS ตอนที่ 278: จ่ายค่าของ
อี้เทียนหยุนไม่เข้าร่วมการแย่งชิง เพียงมองพวกเขาทำการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง เขารู้ว่าความสามารถในการเพิ่มความเร็วให้กับการฝึกฝน 30% นั้นค่อนข้างน่าสะพรึง แต่เพียงเพราะว่าเขามีของที่ดีกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย
เมื่ออี้เทียนหยุนไม่เข้าร่วมการแย่งชิง ทำให้หลายคนพากันสนใจจนหยุนชะงัก ไม่คิดว่าคนที่ร่ำรวยที่สุดจะไม่เข้าร่วมทำการแย่งชิง เขาไม่มีเงิน หรือว่าไม่สนใจของสิ่งนี้กันแน่?
นี่ทำให้หลี่หย่ารู้สึกผิดหวังอย่างมาก เธออยากจะเห็นราคาที่พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะไม่ดึงดูดพอที่จะให้อี้เทียนหยุนร่วมแย่งชิง ยังไงก็ตาม แม้จะไม่มีอี้เทียนหยุนเข้าร่วม แต่ราคาก็ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง
“90,000 หินวิญญาณหยก!” (ไม่รู้ตกลงจะเป็นหยก(玉) หรือ ฟ้า(天) เพราะเวลาอิ๊งงงๆ ผมจะเอาจีนไปแปลทีละตัวอีกที ดังนั้นผมไม่ได้แปลผิดนะ เพราะตอนก่อนจีนก็ใช้ฟ้าจริงๆ)
เสียงนี้ราวกับตะโกนมาจากปอด 90,000 หินวิญญาณหยกถือเป็นราคาที่สูง เหมือนว่าผู้ประมูลรายนี้จะพร้อมทุ่มทุกอย่างจริงๆ การประมูลรอบนี้ทำให้ผู้คนพากันสูญเสียเหตุผลไป แต่ก็เพราะด้วยความเร็วในการฝึกฝนนี่แหละที่เป็นจุดสำคัญ
หลังจากเสียงตะโกน 90,000 หินวิญญาณหยกดังออกมา สุดท้ายแล้วก็ไม่มีขานราคาต่อ ทำให้ทั้งลานประมูลตกลงสู่ความเงียบ 90,000 หินวิญญาณหยกสูงเกินไปจริงๆ ทำให้หลายคนรับไม่ได้กับราคานี้
“90,000 หินวิญญาณหยก มีใครให้ราคาสูงกว่านี้ไหม?” หลี่หย่าตะโกนถามอย่างต่อเนื่อง
หลังจากตะโกนถามสองสามครั้ง และไม่มีใครให้ราคาสูงขึ้นอีก หลี่หย่าก็ทำการผายมือไปยังห้องรับรองพิเศษห้องหนึ่ง จากนั้นก็พูดแสดงความยินดีออกมา “ยินดีกับสหายท่านนี้ด้วยที่ได้รับสมบัติเทียนหลิงเป็นผลสำเร็จ!”
“ตอนนี้สมบัติทุกชิ้นก็ได้ถูกขายออกไปหมดแล้ว หวังว่าทุกท่านจะมาใช้บริการใหม่ในครั้งหน้า” หลี่หย่ามองมาที่ทุกคนพร้อมรอยิ้ม การประมูลในคราวนี้ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เป็นผู้ประกาศ จึงอดไม่ได้ที่จะกังวล แต่โชคดีที่การประมูลผ่านพ้นไปด้วยดีโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร
“สำหรับคนที่ประมูลสินค้าสำเร็จ เรียนเชิญที่หลังเวทีได้เลยค่ะ” หลี่หย่าพูดเสริมขึ้นมา
เมื่อการประมูลสิ้นสุด ขณะที่อี้เทียนหยุนเดินออกจากห้องมา ก็ได้มีบางคนร้องเรียกเขาเอาไว้ “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
อี้เทียนหยุนหันไปมอง เมื่อได้ยินเสียงนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นหลี่ห้าว หัวหน้านักสลักอาคมของอาณาจักรใต้พิภพอย่างแน่นอน
“มีอะไร?” อี้เทียนหยุนสำรวจหลี่ห้าว ระดับของเขาไม่ต่ำจริงๆ มีพลังมาถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 3
ส่วนจะเป็นหัวหน้าจริงๆ ไหมนั้น เขาไม่แน่ใจ แต่ระดับของเขานั้นแข็งแกร่งจริงๆ เทียบได้กับระดับประมุขวังเลยทีเดียว
“เจ้ามาจากขุมอำนาจไหน?” หลี่ห้าวมองมาที่เขาอย่างเย็นชา ข้างหลังเขายังมีศิษย์อีกหลายคน ระดับแต่ละคนก็ไม่อ่อนแอ ต่างก็อยู่ในระดับหลอมรวมด้วยกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นนักสลักอาคมด้วยหรือเปล่า
“ไม่ได้มาจากขุมอำนาจไหนทั้งนั้นแหละ แล้วมีเรื่องอะไร?” อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่สามารถบอกได้ว่าตนมาจากสำนักไหน สำหรับพวกเขา เขาไม่มีอะไรจะพูด
“ไม่ได้มาจากขุมอำนาจไหนอย่างงั้นเหรอ เจ้ารู้จักอาณาจักรใต้พิภพของเราหรือเปล่า!” หลี่ห้าวพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้า ส่งหินวิญญาณหยกมาซะ แล้วข้าจะให้เจ้าออกไป! หินวิญญาณหยกนี้เป็นสิ่งที่อาณาจักรใต้พิภพเราต้องการ ตราบเท่าที่เจ้าส่งมันมา ข้าจะไม่เอาเรื่องกับเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้!”
“อาณาจักรใต้พิภพของเจ้าต้องการ แล้วข้าไม่ต้องการหรือไง?” อี้เทียนหยุนไม่กลัวที่จะก่อเรื่อง ยิ่งกับอาณาจักรใต้พิภพด้วยแล้ว มาเท่าไหร่เขาก็จะฆ่าเท่านั้น
“ดีมาก ดูท่าเจ้าจะใจกล้ามากเลยหนิ!” หลี่ห้าวหัวเราะเยาะออกมา “เจ้าได้หินวิญญาณหยกไป แต่ดูสิว่าเจ้าจะรักษามันไว้ได้ไหม!”
พูดจบ หลี่ห้าวก็นำคนของเขาจากไป ไม่คิดสร้างปัญหาให้กับอี้เทียนหยุนในตอนนี้ เนื่องเพราะตอนนี้ยังอยู่ในตำหนักซิงเฉินอยู่ เขาไม่สามารถลงมือที่นี่ได้ ไม่อย่างนั้นหลี่เทียนหลงจะต้องมาเอาเรื่องอย่างแน่นอน!
ของที่เพิ่งจะได้มาไม่สามารถขโมยที่หน้าประตูได้ ไม่อย่างนั้นตำหนักซิงเฉินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ดังนั้น ภายใต้ตำหนักซิงเฉินนี้ย่อมมีการรับประกันว่าของจะไม่ถูกขโมยอย่างแน่นอน แต่ข้างนอกนั้นต่างออกไป เมื่อออกจากเมืองนี้ไปแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกับตำหนักซิงเฉินอีก ต่อให้อยากป้องกัน แต่ตำหนักซิงเฉินก็ไม่สามารถทำได้
ดังนั้น แม้ว่าหลี่ห้าวจะเป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพก็จำเป็นต้องรักษากฎ ไม่สามารถสร้างปัญหาได้ตามใจ
อี้เทียนหยุนมองตามหลังหลี่ห้าวที่จากไป ในสายตาพลันปรากฏจิตสังหารวาบผ่าน จากนั้นก็หายไป พร้อมกับเดินตรงไปยังหลังเวที หลังจากเข้ามาที่หลังเวที หลายคนก็กำลังพากันจ่ายเงินกันที่นี่ เพื่อรับสมบัติของตนไป หลี่ห้าวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนเข้ามา ในสายตาของเขาก็ปรากฏความเย็นชาขึ้น แต่ก็ไม่หาเรื่องทะเลาะกับเขาต่อ
“คุณชาย ท่านมาแล้ว” หลี่หย่าเดินเข้ามา ทั้งด้านข้างยังมีชายกลางคนคนหนึ่งด้วย พร้อมกับแนะนำว่า “นี่คือผู้นำหินวิญญาณหยกเข้าประมูล จากที่ท่านเสนอราคาเมื่อก่อนหน้า จำเป็นต้องจ่ายศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำจำนวน 850 ชิ้น ตอนนี้ท่านจะจ่ายแบบไหน?”
“ข้าขอจ่ายเป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงก็แล้ว ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรไหม?” อี้เทียนหยุนมองไปที่ชายกลางคนคนนี้
ชายกลางคนคนนี้ก็มีระดับที่ไม่ธรรมดา เขามีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 7 คิดว่าคงจะเป็นผู้อาวุโสจากสำนักใหญ่สักแห่ง ไม่ก็เป็นประมุขวังก็เป็นได้
“ไม่มีปัญหา ขอแค่เป็นอาวุธเป็นใช้ได้” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ดี งั้นเรามาคิดราคาด้วยศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงกัน” อี้เทียนหยุนหยิบเอาศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงชิ้นแรกออกมา จากนั้นก็ส่งให้กับเขาแล้วพูดว่า “นี่เป็นศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูง ท่านเชิญชม”
ชายวัยกลางคนคนนั้นรับมา หลังจากตรวจสอบอย่างระวัง เขาก็พลันแสดงสีหน้าตกใจออกมา “เป็นดาบที่ดี ดูแล้วเหมือนจะมีเอฟเฟ็กที่ดีด้วย เพียงแต่ไม่มีการสลักค่ายกลไว้ข้างบน……”
“ที่ข้าไม่สลักค่ายกลไว้ข้างบนก็เพื่อให้ท่านได้สลักค่ายกลที่ต้องการเอง อย่างนี้ไม่ใช่ว่าดีกว่างั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
นี่เป็นของที่เขาได้มาจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่าย่อมไม่มีการสลักค่ายกลไว้ข้างบนอยู่แล้ว แต่ถึงจะไม่มีค่ายกลสลักไว้ มันก็ถือว่าเป็นของที่ค่อนข้างดี
“ดีมาก ข้าชอบ” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบดาบเล่มนี้อย่างมาก ข้าให้ราค่าเท่ากับศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำ 160 ชิ้น เป็นยังไง?”
“ตกลง” อี้เทียนหยุนยอมรับข้อเสนอนี้ด้วยความยินดีอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้จงใจกดราคา
หลังจากนั้น เขาหยิบชิ้นอื่นๆ ออกมาให้ชายคนนั้นดูทีละชิ้น ทำให้เขาต้องแสดงสีหน้ามีความสุขออกมาไม่หยุด เพียงแค่หยิบศาสตราจิตวิญญาณขั้นสูงออกมาสี่ชิ้น ก็ทำให้ราคาของมันแตะไปถึงระดับ 850 ศาสตราจิตวิญญาณขั้นต่ำแล้ว
“ดี ดีมาก!” ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ทำการค้ากับท่านนี่ช่างมีความสุขจริงๆ ข้าเป็นผู้อาวุโสของวังฟ่านเทียน(นิพพาน,การหลุดพ้น) ชื่อว่าฟางจี๋ ถ้ามีโอกาส หวังว่าจะได้ร่วมมือกันอีก!”
“ที่แท้ก็ผู้อาวุโสฟางจากวังฟ่านเทียนนี่เอง ครั้งหน้าพวกเราจะต้องมีโอกาสร่วมมือกันอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนยิ้ม ที่แท้ก็ผู้อาวุโสจากวังฟ่านเทียน ไม่แปลกที่ระดับของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาไปหาหินวิญญาณหยกที่สมบูรณ์พวกนี้มาจากไหน แต่เรื่องนี้เขารู้ดีว่าไม่ควรถาม จึงไม่ได้ถามออกไป
หลังจากเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาจ่ายราคาของเม็ดยาปรับแต่งวิญญาณ ซึ่งรอบนี้จ่ายเป็นหินวิญญาณหยกโดยตรงเลย จึงไม่มีปัญหา ซึ่งคนที่เอาเม็ดยาวิญญาณหยกมาขายก็คือนักกลั่นโอสถ ซึ่งระดับของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ยังไงก็ตาม อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ได้มีเจตนาดี ทั้งยังไม่คิดจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งอื่น ดังนั้นอี้เทียนหยุนจึงคร้านที่จะสนใจ
ซึ่งฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของหลี่ห้าว ทำให้เขาเผยแววตาชั่วร้ายออกมาหลายส่วน “ดี ดีมาก…. ดูเหมือนว่าจะมาจากตระกูลร่ำรวย กระทั่งข้ายังไม่ร่ำรวยมากขนาดนี้”