CLS ตอนที่ 279: ปรากฏกาย
อี้เทียนหยุนทำการจ่ายค่าของเสร็จอย่างรวดเร็ว เม็ดยาปรับแต่งวิญญาณเขาก็ได้มาแล้วเช่นกัน ตอนนี้คงต้องรอให้ถึงที่พักเสียก่อนแล้วค่อยตรวจดูสูตรในการปรุงยาเม็ดนี้ เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะทำยาชนิดนี้ออกมาจำนวนมาก เพื่อเพิ่มจำนวนศิษย์ระดับหลอมรวมให้กับทั้งนิกายเทียนเฉวียนและวังเทียนจี๋
โดยเฉพาะนิกายเทียนเฉวียนนั้น ศิษย์ที่อยู่ในระดับปรับแต่งวิญญาณมีอยู่มากมาย ดังนั้น หากปรุงยาเม็ดนี้ออกมาได้ เขาก็จะมีผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมจำนวนมากในสำนัก หินวิญญาณหยกก็เช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยให้ค่ายกลทำการขับเคลื่อนออกไปได้
ตอนนี้หนทางข้างหน้ามีทางให้ไปแล้ว ทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกพอใจ
“คุณชาย สมบัติเทียนหลิงนั้น ท่านไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ?” หลี่หย่าถามอย่างอยากรู้
“กับสมบัติชิ้นนี้นั้น ข้าไม่สนใจจริงๆ” อี้เทียนหยุนยิ้มออกมา แค่สังหารสัตว์อสูรให้เร็วขึ้นก็เลื่อนระดับได้แล้ว ตราบเท่าที่มีสัตว์อสูรมากพอ ทั้งยังไม่ใช่พวกระดับต่ำ เพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถเลื่อนระดับได้แล้ว
“อืม จะยังไงก็ช่าง แต่การร่วมมือในคราวนี้ทำให้ข้ามีความสุขจริงๆ” หลี่หย่ายิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าว่านะคุณชาย ทำไมท่านไม่พักในตำหนักซิงเฉินสักระยะก่อนล่ะ?”
พร้อมกันนั้นก็แอบส่งเสียงผ่านลมปราณกับเขาว่า “คุณชาย ก่อนหน้านี้ที่ท่านซื้อหินวิญญาณหยกชุดนั้นไป ได้ไปตอแยอาณาจักรใต้พิภพเข้า คนๆ นี้เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก หลังจากท่านออกไป กลัวว่าคงจะต้องประสบกับความโชคร้ายมากกว่าดี….. ท่านพักอยู่ในห้องพิเศษในนี้ไปก่อนสักระยะ จะได้ไม่ต้องกลัวพวกเขาจะแอบมาทำร้ายลับหลัง”
อี้เทียนหยุนหรี่ตามองเธอ เขาไม่คิดว่าหลี่หย่าจะมาเตือนเขาด้วยใจจริง ในใจให้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายขึ้นหลายส่วน
“คุณหนูหลี่ ทำไมท่านถึงได้เตือนข้าล่ะ?” อี้เทียนหยุนส่งเสียงผ่านลมปราณถามออกไป
“อาณาจักรใต้พิภพชื่อเสียงเลวร้ายแค่ไหนใครก็รู้ ทั้งยังมีท่าทางอวดดีอย่างมาก คุณชายท่านซื้อของจากตำหนักซิงเฉินเรา เราก็ต้องปกป้องท่านเป็นธรรมดา แต่ถ้าท่านออกไปจากที่นี่แล้ว พวกเราคงจะช่วยอะไรท่านไม่ได้” หลี่หย่าตอบออกไป
อี้เทียนหยุนพยักหน้า นี่เป็นการใส่ใจลูกค้าอย่างหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญก็คือความชั่วร้ายที่น่าชิงชังของอาณาจักรใต้พิภพ
“ข้าต้องขอบคุณคุณหนูหลี่มาก แต่ว่าข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ คงจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรอก” คำพูดนี้ไม่ได้พูดผ่านลมปราณ แต่เป็นการพูดออกมาตรงๆ
หลี่ห้าวที่อยู่ใกล้ๆ ก็จับจ้องมาที่การกระทำและความเคลื่อนไหวทุกอย่างของที่นี่ด้วยความสนใจ เมื่อได้ยินว่าอี้เทียนหยุนปฏิเสธที่จะพักอยู่ที่นี่ เขาก็พลันแสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาบนใบหน้า นี่แหละคือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ถ้าเขาพักอยู่ที่นี่ เขาจะไม่สามารถลงมือได้ ทั้งยังต้องเสียเวลารอด้วย
“คุณชาย ทำไม….” หลี่หย่าเหมือนต้องการพูดอะไร แต่เขาก็ส่ายหัวให้ บอกว่าตนได้ตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องตื้ออีกต่อไป
หลังจากบอกลา อี้เทียนหยุนก็เดินออกมา ไม่หันไปมองหลี่ห้าวแม้แต่น้อย หลี่ห้าวก็มองตามหลังเขา จากนั้นก็เดินตามเขาออกมา
เมื่อหลี่หย่าเห็นภาพนี้ ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ เธออยากจะช่วยจริงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนชอบที่จะให้เป็นแบบนี้ เขาอยากจะจัดการกับพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อสามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นค่าประสบการณ์และสมบัติได้ ทำไมเขาต้องปฏิเสธล่ะ?
และเมื่อเขาเพิ่งจะเดินออกมา ก็ได้มีคนมาขวางหน้าเขาไว้ทันที คนๆ นี้อี้เทียนหยุนเคยเจอมาก่อน เธอก็คือหญิงสาวที่เข้าร่วมการแย่งชิงหินวิญญาณหยกนั่นเอง ตอนนี้เธอได้มาขวางทางเขาไว้
“มีอะไร?” อี้เทียนหยุนมองสำรวจเธอด้วยดวงตาประเมิน ทำให้ข้อมูลของเธอเด้งขึ้นมา
หญิงสาวลึกลับ : ระดับหลอมรวมขั้นที่ 3, ใบหน้าปลอม สวมใส่ชุดระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ, วิชาที่ใช้ ดัชนีเทียนหลิง, ท่าเท้าเทียนหลิง เมื่อสังหารมีโอกาสได้รบ ยันต์เทวะเทียนหลิง, ดัชนีเทียนหลิง, ท่าเท้าเทียนหลิง, ค่ายกลชั้น 5(สุ่มตก 1 ชนิด)
ระดับหลอมรวมขั้นที่ 3 ก็ไม่ได้แย่ ส่วนคนนั้นกลับธรรมดาอย่างมาก ถ้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนล่ะก็ คงยากที่จะหาตัวเจอ เห็นได้ชัดว่ามีการปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ ทำให้ในยามปกติไม่สามารถระบุระดับของเธอได้
เขาที่มีดวงตาประเมินอยู่ แน่นอนว่าต้องตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อสัมผัสไม่ได้ งั้นก็ตรวจสอบมันตรงๆ เลย
ทั้งข้อมูลของที่ตกยังเกี่ยวกับเทียนหลิงด้วย….. หรือว่าจะเป็นเผ่าภูต?
ดวงตาประเมินไม่มีวิธีที่จะหาว่าอีกฝ่ายมาจากเผ่าพันธุ์ไหน ยังมีข้อมูลอีกมากที่ระบุไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มั่นใจนัก แต่เชื่อได้ว่าหากเพิ่มระดับขึ้น จะต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ ยังไงก็ตาม ถ้าตัดสินตามที่เห็นตอนนี้ หญิงสาวตรงหน้านี้คงจะเป็นคนของเผ่าภูตจริงๆ
ถ้าไม่ใช่คนของเผ่าภูต แล้วทำไมถึงต้องปลอมตัวด้วย
“ไม่ทราบว่าคุณชายพอจะขายหินวิญญาณหยกให้ข้าสักสองก้อนได้หรือไม่? ข้าสามารถแลกด้วยสิ่งอื่นได้” หญิงสาวคนนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง ทำให้คนที่ได้ฟังต้องรู้สึกลุ่มหลงอยู่หลายส่วน
สีหน้าของเธอจริงใจมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล
“เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?” อี้เทียนหยุนสนใจอยู่หลายส่วน เหตุผลหลักเพราะอีกฝ่ายเป็นคนของเผ่าภูต ถ้าไม่ใช่เผ่าภูต เขาคงคร้านที่จะสนใจ
เมื่อคิดถึงเผ่าภูต ก็ทำให้เขานึกไปถึง เซียวชิงเสวียน ไม่รู้ว่าเซียวชิงเสวียนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
“ข้าสามารถสร้างค่ายกลชั้น 5 ให้กับท่านได้!” หญิงสาวคนนี้พูดด้วยท่าทางจริงจัง
“ค่ายกลชั้น 5?” อี้เทียนหยุนหรี่ตามองเธอ ฟังจากที่พูด เธอจะต้องเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 อย่างแน่นอน ไม่เสียทีที่เป็นถึงเผ่าภูต ยังเด็กแต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ได้
“ใช่ ข้าไม่ต้องการมากนัก ต้องการเพียงแค่ 2 ก้อนเท่านั้น ถ้าท่านตกลง ข้าก็จะสร้างค่ายกลชั้น 5 ให้กับท่าน ท่านคิดว่ายังไง?” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หรือจะให้ข้าเพิ่มศาสตราจิตวิญญาณด้วยก็ได้ ตอนนี้ข้าต้องการใช้มันจริงๆ!”
“ได้….” อี้เทียนหยุนมองไปที่เธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ข้าไม่ต้องการของรางวัลอะไรจากเจ้า ขอแค่เจ้าบอกเรื่องบางอย่างกับข้าก็พอ หลังจากนั้น ข้าก็จะมอบหินวิญญาณหยกสองก้อนให้กับเจ้า!”
“เรื่องอะไร?” หญิงสาวมองไปที่เขาด้วยท่าทางสงสัย เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถอะไรที่เขาต้องการรู้ได้
“สถานการณ์ของเผ่าภูตตอนนี้เป็นยังไง?” อี้เทียนหยุนถาม
คำพูดของเขาเพิ่งจบลง หญิงสาวก็พลันมีท่าทางตกใจ จากนั้นสายตาก็พลันมีความเย็นชาวาบผ่าน ทั้งยังมากไปด้วยความตกใจ แต่เธอก็รีบทำสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแสร้งทำเป็นไม่รู้ตอบออกมาว่า “ข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเผ่าภูตที่คุณชายอย่างรู้นั้นคืออะไร ข้าว่าเรามาเปลี่ยนเงื่อนไขดีกว่า ไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไร?”
สีหน้าของเธอในตอนนี้กลายเป็นเย็นชา ทั้งยังมีความระแวงในตัวอี้เทียนหยุนอย่างใหญ่หลวง แต่ก็เพราะต้องการหินวิญญาณหยกอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถจากไปได้ในทันที
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เต็มใจบอกงั้นสินะ” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มอย่างใจเย็นออกไป “ที่จริงแล้วข้ามีเพื่อนเป็นเผ่าภูตคนหนึ่ง ข้าก็แค่ต้องการทราบข่าวเท่านั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวขนาดนั้น แต่ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะไม่บังคับ ถ้างั้นก็ตามข้ามา”
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้อง อี้เทียนหยุนก็เผชิญหน้ากับเธอ
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมา พร้อมกับพูดว่า “เอาแหวนเก็บของมา ข้าจะใส่หินวิญญาณหยกให้”
หญิงสาวตาโต ท่าทางเหมือนไม่เชื่อ เธอยังไม่ตอบคำถามของเขา แต่เขากลับมอบหินวิญญาณหยกให้เธอแล้ว?
แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ พร้อมกับส่งแหวนเก็บของให้ทันที อี้เทียนหยุนทำการย้ายหินวิญญาณหยกเข้าไปในแหวน จากนั้นก็ส่งให้กับเธอ แล้วพูดว่า “เรียบร้อย เอาไป”
อี้เทียนหยุนคิดว่าหญิงสาวคนนี้เชื่อถือได้ แม้ว่าสถานการณ์ของเผ่าภูตตอนนี้จะค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทั้งยังมีพวกกบฏอีก แต่เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พวกกบฏ เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่บังคับให้เขาขายให้ ยิ่งกว่านั้น ราคาที่เธอเสนอมาก็ถือว่าเหมาะสม ทั้งยังให้เกียรติเขาด้วย ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงไม่คิดจะตระหนี่
“นี่……” เมื่อหญิงสาวเห็นหินวิญญาณหยกในแหวนก็พลันตกใจ เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมอบให้เธอจริงๆ ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ได้คิดจะรับมาเปล่าๆ ดังนั้นจึงส่งแหวนเก็บของอีกวงให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดว่า “นี่เป็นของตอบแทนของท่าน….. แม้ว่าของนี้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ข้าก็มีอยู่เท่านี้ หลังจากนี้ข้าจะตอบแทนท่านทีหลัง!”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่คิดจะอยู่ต่อแม้แต่น้อย
อี้เทียนหยุนตรวจแหวนที่ได้รับมา ข้างในเต็มไปด้วยศาสตราจิตวิญญาณมากมาย ทั้งยังมีค่ายกลอยู่เล็กน้อย มูลค่าทั้งหมดพอกับหินวิญญาณหยกสองก้อนพอดี!