CLS ตอนที่ 283: เผ่าภูต
“อี้หยุนเทียน อี้หยุนเทียน…..” เย่หว่านเอ๋อพยักหน้า “งั้นเจ้าก็รอข้าที่นี่ ข้าจะเข้าไปบอกกับพวกผู้อาวุโสก่อน ดูว่าจะให้เจ้าเข้าเป็นแขกได้ไหม ตอนนี้สถานการณ์ในเผ่าภูตค่อนข้างพิเศษ ไม่สามารถให้คนภายนอกเข้าไปได้ตามใจ…..”
“ไม่มีปัญหา เจ้าไปเถอะ” อี้เทียนหยุนยิ้ม พร้อมกับบอกให้เธอรีบไป
เย่หว่านเอ๋อพยักหน้า พร้อมกับหมุนตัววิ่งเข้าไปในป่า พร้อมกับหายเข้าไปในนั้น
อี้เทียนหยุนมองตามหลังจนเธอหายไป จากนั้นก็หาที่นั่งรอ ตอนนี้แน่นอนว่าสถานการณ์ของเผ่าภูตย่อมต้องพิเศษ ตราบเท่าที่ไม่ใช่คนในเผ่า ก็ไม่สามารถเข้าออกได้ตามใจ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นศัตรูบ้าง ดังนั้นต่อให้จะเป็นคนในเผ่าพามา ก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบก่อน ไม่อย่างนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏได้!
“ไม่รู้ว่าเย่ชิงเสวียนตอนนี้จะอยู่ในเผ่าไหมนะ?” อี้เทียนหยุนไม่กล้าถามเรื่องเย่ชิงเสวียน เพราะว่าเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ถ้ามีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม แม้จะผ่านมาไม่นาน แต่ก็ใกล้จะครบขวบปีแล้ว เวลาหนึ่งปีนี้ แม้ไม่อาจพูดได้ว่านาน แต่ก็ไม่สั้นเช่นกัน
ในหนึ่งปีนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้น หลายสำนักถูกทำลาย หลายสำนักรุ่งโรจน์
ขณะที่เขากำลังจมจ่อมอยู่ในความคิดนั้น ด้านหลังของเขาก็พลันมีเสียงร้องของเย่หว่านเอ๋อดังออกมา “พี่ใหญ่อี้ ข้ามาแล้ว!”
เสียงร้องนี้พลันดึงดูดอี้เทียนหยุน ทำให้เขาหันไปมอง นอกจากเย่หว่านเอ๋อแล้ว ยังมีผู้อาวุโสของเผ่าภูตอยู่อีก พลังของเขาอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 ไม่คิดว่าคนที่ออกมาต้อนรับตนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เมื่อได้ยินถึงการกระทำของเขา แน่นอนว่าต้องส่งผู้อาวุโสระดับนี้ออกมาอยู่แล้ว
อี้เทียนหยุนลุกขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปทักทาย
“พี่ใหญ่อี้ นี่คือผู้อาวุโสสามของพวกเรา” เย่หว่านเอ๋อแนะนำผู้อาวุโสให้กับอี้เทียนหยุน
“ยินดีที่ได้พบผู้อาวุโสสาม” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“เจ้าเป็นคนช่วยหว่านเอ๋อจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? ยังหนุ่มแต่ก็มีพลังระดับนั้น ถึงกับสังหารหลี่ห้าวของอาณาจักรใต้พิภพได้ พลังนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” ผู้อาวุโสสามเจียงอี้มองสำรวจตัวเขาอย่างระวัง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าเจ้ามาจากสำนักไหนอย่างงั้นเหรอ?”
“ผู้เยาว์เป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจร ดังนั้นจึงไม่ได้สังกัดสำนัก” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“หืม ผู้ฝึกตนพเนจรอย่างงั้นเหรอ?” เจียงอี้หรี่ตาจ้องไปที่เขา ผู้ฝึกตนพเนจรสามารถมีพลังระดับนี้ได้เชียวเหรอ นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว “ฟังจากหว่านเอ๋อว่าเจ้ามีความแค้นกับอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว เป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!” ตาของอี้เทียนหยุนวาวโรจน์ขึ้น “ดังนั้นการช่วยหว่านเอ๋อเป็นผลพลอยได้เท่านั้น เมื่อเห็นคนของอาณาจักรใต้พิภพที่ท่าทางอวดดี ทำให้อดไม่ได้ต้องยื่นมือเข้าไป”
“อาณาจักรใต้พิภพก็อวดดีจริงๆ นั่นล่ะ! ไม่แปลกที่เป็นอย่างนี้ ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยหว่านเอ๋อเอาไว้ เจ้าคงจะได้ยินเรื่องของเผ่าภูตเรามาบ้าง อาณาจักรใต้พิภพต้องการบังคับให้พวกเราเข้าร่วม ดังนั้นจึงง่ายที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบผู้ฝึกตนทุกคนที่เข้ามาอย่างระวัง หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสากับการกระทำนี้” เจียงอี้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เรื่องนี้ข้าก็เคยได้ยินมา จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างระวังจริงๆ นั่นล่ะ กลัวก็แต่ว่าจะมีคนทรยศอยู่ภายในก็เท่านั้น” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
„We are always hospitable, now rejects outside, is discrete is the Lord. However since easy with Netherworld Empire, similarly has the absolutely irreconcilable enmity, even if our.” Jiang Yi hints that also please to request personally! ”
“ปกติพวกเรามักจะเป็นมิตร แต่ตอนนี้ต้องตัดขาดจากภายนอก เพราะเป็นช่วงวิกฤต แต่เมื่อเจ้าเกลียดชังอาณาจักรใต้พิภพเช่นกัน ก็ถือว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกเรา” เจียงยี่พูดด้วยท่าทางเป็นมิตร
อี้เทียนหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ที่ฝั่งตรงข้ามพูดก็จริง สังหารหลี่ห้าวซึ่งมีระดับเดียวกับต้าเฉิน ถ้าไม่ใช่ศัตรูกัน ใครจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้?
“แต่ก่อนจะเข้าไปคงต้องขอปิดตาเจ้าเอาไว้ นี่เป็นธรรมเนียมในการพาคนนอกเข้าไป หวังว่าเจ้าจะให้อภัย” เจียงอี้หยิบแผ่นผ้าสีดำออกมา พร้อมกับบอกให้อี้เทียนหยุนผูกตาเอาไว้
“ไม่มีปัญหา” อี้เทียนหยุนเข้าใจได้ พวกเขาคงกลัวว่าถ้ามีคนรู้ทางเข้า อย่างนั้นค่ายกลที่วางเอาไว้คงหมดความหมาย
ภายใต้ความช่วยเหลือของเย่หว่านเอ๋อ ผ้าสีดำผืนนี้ก็ปิดตาเขาเอาไว้ ขณะที่ผ้าผืนนี้ได้ปิดตาเขา สัมผัสวิญญาณที่ดวงตาก็พลันถูกผนึก ไม่สามารถมองเห็น เห็นแต่เพียงสีดำแถบหนึ่งเท่านั้น
ถ้าเป็นแค่ผ้าธรรมดาคงจะไร้ความหมาย เพราะสามารถใช้พลังวิญญาณสำรวจได้อยู่ดี แต่ผ้าสีดำผืนนี้คงจะมีการสลักค่ายกลเอาไว้ ทำให้ป้องกันสัมผัสทางพลังวิญญาณได้
หลังจากนั้น อี้เทียนหยุนก็เดินตามพวกเขาไป หลังจากผ่านมาชั่วธูปไหม้หมดดอก ผ้าปิดตาของเขาก็ได้ถูกแก้ออก แสงสลัวสาดเข้ามาที่ตา ทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อย และเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าตรงหน้าเป็นหมู่บ้านที่ดูโบราณอย่างมาก
นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้จากป่า ทั้งยังมีเถาวัลย์มากมายอยู่ข้างบน ดูแล้วโบราณอย่างมาก ยังไงก็ตาม มันก็ยังใช้งานได้ ทั้งพลังวิญญาณในที่แห่งนี้ยังค่อนข้างสูง การฝึกฝนในที่แห่งนี้ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา
ทั้งที่นี่ยังมีคนของเผ่าภูตเคลื่อนไหวอยู่เป็นจำนวนมาก เพียงแค่มองคร่าวๆ ก็นับได้หลายสิบคน ต่างก็กำลังยุ่งกันอยู่
เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า ก็พบกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม แต่ถ้าบินผ่านจากข้างนอก จะไม่มีทางเห็นสถานการณ์ของที่นี่ เนื่องเพราะที่แห่งนี้ถูกค่ายกลปกปิดไว้ ทั้งดูเหมือนจะสร้างมาจากมือของนักสลักอาคมระดับจงซือ(ประมาณศาสตราจารย์, ระดับต้าซือ=อาจารย์) ถ้ามองเห็นได้ง่ายๆ งั้นพวกเขาคงถูกจับไปนานแล้ว คงไม่สามารถต้านทานการรุกรานของอาณาจักรใต้พิภพได้
“หือ มีคนนอกเข้ามาด้วย!”
“ใช่แล้ว เหมือนว่าหว่านเอ๋อจะเป็นคนพามา?”
“ไม่ใช่ว่าเธอออกไปซื้อหินวิญญาณหยกหรอกเหรอ พาคนนอกเข้ามาอย่างนี้ จะไม่กลายเป็นกบฏหรือไง?”
พวกเขาพากันคุยกันขณะที่มองมาที่เขา บ้างสงสัย บ้างเป็นมิตร แต่เพราะเป็นคนนอก พวกเขาจึงมีความระมัดระวัง เพราะพวกเขาเคยติดกับดักมาก่อน ดังนั้นจึงพากันตื่นตัว พูดได้ว่าถูกงูกัดทีเดียว กลัวเชือกเปียกน้ำไปสิบปี
“เขาไม่ใช่คนทรยศพามา เขาไม่ใช่คนเลว! ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเขาเป็นพวกเดียวกับพวกเรา ซึ่งมีศัตรูเป็นอาณาจักรใต้พิภพเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยหว่านเอ๋อไว้ด้วยการสังหารกบฏที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าภูตเรา หลี่ห้าว!” เย่หว่านเอ๋ออธิบายเรื่องของอี้เทียนหยุนเสียงดัง
“สังหารกบฏ หลี่ห้าวอย่างงั้นเหรอ?”
“สังหารเจ้าสารเลวนั่นจริงๆ? ในที่สุดก็จัดการเจ้าลูกสำส่อนนั่นได้สักที เรียนค่ายกลกับพวกเราไปมากมาย แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสุนัขรับใช้ของอาณาจักรใต้พิภพ!”
“ดี ช่วยพวกเราสังหารหลี่ห้าวนั่น แม้ว่าข้าจะยังไม่สามารถเชื่อใจได้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่คนทรยศอย่างแน่นอน!”
ความระแวดระวังในใจของพวกเขา ภายใต้คำพูดนี้ก็พลันผ่อนคลายลงมาก แต่ก็มีบางคนที่ยังมีความระวังอยู่ เนื่องเพราะไม่ใช่คนในเผ่า จำเป็นต้องมีการระวังเอาไว้บ้าง แต่ถึงจะมีการระแวงอยู่ แต่อย่างน้อยท่าทางก็ดีขึ้นมาก
หลังจากอี้เทียนหยุนได้ฟัง เขาก็ประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดว่าหลี่ห้าวจะเรียนการสลักอาคมจากที่นี่ ไม่แปลกที่ระดับของเขาจะไม่ธรรมดา จากนั้นก็มองไปยังเย่หว่านเอ๋อที่ช่วยอธิบายให้กับเขาแล้วก็ยิ้มออกมา สาวน้อยนางนี้ช่างจิตใจดีจริงๆ