CLS ตอนที่ 287: กลายเป็นราชาแห่งเผ่าภูต!
อี้เทียนหยุนในตอนนี้กำลังคิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณมา ส่วนเย่หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ กำลังรู้สึกผิด เธอเป็นคนเชิญเขามา แต่กลับไม่สามารถตอบแทนเขาได้ แล้วอย่างนี้จะไม่รู้สึกผิดได้ยังไง
“พี่ใหญ่อี้ ขอโทษที่ข้าไม่สามารถรับรองท่านดีๆ ได้…..” ใบหน้าเย่หว่านเอ๋อมีความรู้สึกหดหู่ เธอใส่ใจกับการรับรองครั้งนี้มาก เป็นประเภทที่มีบุญคุณต้องทดแทน
ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เพียงแค่เธอ ผู้ฝึกตนทั้งหลายต่างก็เป็นประเภทที่มีบุญคุณต้องทดแทนกันทั้งนั้น ซึ่งก็คิดว่าเข้ากันดีกับทฤษฎีกฎแห่งป่า ทุกคนต้องรู้จักบุญคุณ แม้จะมีการเนรคุณเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่อย่างน้อยเย่หว่านเอ๋อก็ไม่ใช่คนประเภทนั้น
“ยังคิดเรื่องนี้อยู่อีก? แค่เจ้าพาข้าเข้ามาเยี่ยมที่นี่ก็ดีมากแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงข้าคงไม่ได้เข้ามา” อี้เทียนหยุนยิ้ม เขาคิดว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้วจริงๆ
แม้ว่าจะน่าเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้ฝึกดีๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกสรรพคุณของหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ ไม่รู้ว่ายังจะมีสมุนไพรวิญญาณชนิดไหนอีกบ้างที่ช่วยเพิ่มผลลัพธ์แบบนี้อีก ถ้าเอาแต่พึ่งบัตรค่าประสบการณ์ เขาจำเป็นต้องเสียค่าความคลั่งเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อมา มันจะเป็นการผลาญค่าความคลั่งมากเกินไป
ส่วนเรื่องสมุนไพรวิญญาณนั้น แม้จะเป็นของหายาก แต่ตราบเท่าที่มันช่วยเพิ่มพลังให้กับเขามากพอ ต่อให้ยากแค่ไหนเขาก็ไปเอามาให้ได้ อาจจะต้องปลอมตัวเข้าสำนักอื่น ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาให้กับเขา
“อือ….” เย่หว่านเอ๋อส่ายหัว แล้วถอนหายใจ “ถ้าสามารถไปที่สถูปวิญญาณได้ล่ะก็ ต่อให้การดูดกลืนของพี่ใหญ่อี้จะร้ายกาจแค่ไหน ก็ต้องทำให้ท่านพอใจได้อย่างแน่นอน”
“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องใส่ใจ” อี้เทียนหยุนรีบพูดออกมา
“อ่า ใช่แล้ว!”
ในตอนนี้เอง การรวมตัวกันของกลุ่มคนข้างหน้าก็พลันดึงดูดความสนใจของเอ และเมื่ออี้เทียนหยุนมองไป เขาก็เห็นว่าที่ด้านข่างมีกลุ่มคนรวมตัวกันอยู่จริงๆ พร้อมกับทักทายคนด้านหน้าด้วยความเคารพ เขาได้ยินอย่างคลุมเครือว่า “ยินดีต้อนรับนักบุญหญิง”
ที่แท้ก็เป็นเย่ชิงเสวี่ย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ใบหน้าของเย่หว่านเอ๋อแสดงอาการดีใจออกมา
แล้วก็จริง อึดใจต่อมา กลุ่มคนด้านหน้าก็เปิดทางออกเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยของเย่ชิงเสวียนปรากฏขึ้นตรงหน้าอี้เทียนหยุน!
เย่ชิงเสวียนยังคงเหมือนก่อนหน้าไม่เปลี่ยน มีเพียงสีหน้าที่เหมือนซีดเล็กน้อย กับสภาพที่เหมือนจะแย่กว่าแต่ก่อน ตอนนี้เธอเหมือนกับคนนอนไม่พอ แต่พลังกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
สีหน้าที่ย่ำแย่นี้บอกได้ว่าเธอเพิ่งจะประสบกับเรื่องอะไรบางอย่างมา ทำให้ผลาญพลังไปมากเกินไป
“อ๊า!” เย่หว่านเอ๋อโบกมืออย่างตื่นเต้น พร้อมกับวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ไปถึงตรงหน้าเย่ชิงเสวียนแล้ว “คราวนี้ท่านมีเวลาว่างแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
เย่ชิงเสวียนยื่นมือออกมาตะปบหน้าน้องสาวของเธอแน่น ขณะที่นัยน์ตาคู่สวยลุกท่วมไปด้วยความโกรธ “ได้ยินว่าเจ้าออกไปข้างนอกจนเกือบถูกเจ้าคนทรยศหลี่ห้าวนั่นจับตัวไป แต่ว่าถูกคนช่วยเอาไว้ได้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ข้าบอกให้เจ้าตั้งใจฝึกอยู่ที่นี่อย่าออกไปไหนไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ยังแอบหนีไปคนเดียวจนเกือบถูกจับอีก นี่มันหมายความว่ายังไง?”
“เจ็บนะ…. ข้าก็แค่อยากจะช่วยเท่านั้น! ก็ตอนนี้หินวิญญาณหยกมันไม่พอนี่นา….. ข้าก็เลยออกไป ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้ายังสบายดีหรอกเหรอ?” เย่หว่านเอ๋อโบกมือ หวังจะปัดมือของเย่ชิงเสวียนที่ตะปบหน้าของเธอไว้อยู่ แต่ก็ไม่กล้าปัด
“อะไรที่เรียกว่ายังสบายดีอยู่?” เย่ชิงเสวียนแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็ปล่อยมือ ก่อนจะมองไปที่อี้เทียนหยุน พร้อมกับสายตาที่อ่อนลง “ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยหว่านเอ๋อเอาไว้ ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ ถ้าไม่มีท่าน หว่านเอ๋อคงจะถูกคนของอาณาจักรใต้พิภพจับไปแล้ว”
ขณะที่พูดเธอก็ทำการสำรวจอี้เทียนหยุนไปด้วย แต่ก็ไม่พบอะไร ตอนนี้รูปร่างของอี้เทียนหยุนเปลี่ยนไปไม่ใช่น้อย ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินจากรูปร่างก่อนหน้าของเขา
“แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องคิดมาก” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ทำให้เขานึกไปตอนที่เจอกับเย่ชิงเสวียนครั้งแรก ทั้งยังได้ของขวัญเป็นพรสวรรค์ที่ล้ำค่ามาอีก เพียงแค่ความทรงจำนี้ ก็มากพอที่เขาจะให้การช่วยเหลือแล้ว
พวกเธอทั้งคู่เหมือนกับหลุดมาจากพิมพ์เดียวกัน เป็นประเภทที่มีบุญคุณต้องทดแทน
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สำหรับข้าแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญมาก” เย่ชิงเสวียนมีสีหน้าจริงจัง แน่นอนว่าน้องสาวของเธอย่อมต้องสำคัญอยู่แล้ว “ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณมีชื่อว่าอะไร ข้าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าภูต ถ้ามีเรื่องอะไรให้มาหาข้าได้ ตราบเท่าที่ไม่ใช่เรื่องเกินตัว ข้าจะช่วยท่านอย่างเต็มที่แน่นอน”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ……”
ขณะที่อี้เทียนหยุนเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้น ทันใดนั้น เผ่าภูตที่อยู่ใกล้ๆ สองสามคนก็พากันพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมกับรีบพูดออกมา
“ท่านนักบุญหญิง ตัวตนของพวกเราถูกเปิดเผยแล้ว ร้านขายยาส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะขายยาให้กับพวกเรา….” เผ่าภูตคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ถ้าไม่สามารถซื้อยามาได้ ยามบาดเจ็บ เผ่าภูตของเราจะไม่มียามาใช้ให้เพียงพอกับการรักษา……”
พูดไปแล้วก็เหมือนกับเป็นเรื่องน่าหัวเราะ เผ่าภูตมีพรสวรรค์ด้านค่ายกลอย่างมาก แต่กับเรื่องกลั่นโอสถแล้วกลับธรรมดา ส่วนใหญ่ล้วนแต่พึ่งพาการซื้อขาย มีเพียงส่วนน้อยที่กลั่นออกมาเองแต่ก็ไม่สมบูรณ์ พรสวรรค์ในเรื่องนี้สำหรับพวกเขาแล้วถือเป็นเรื่องอนาถมาก ความสามารถในการกลั่นโอสถของพวกเขานั้น เห็นได้ชัดว่าได้รับไม่เท่าสูญเสีย
ตอนนี้เพราะแรงกดดันจากอาณาจักรใต้พิภพ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องซื้อมันอย่างรอบคอบ ด้วยกลัวว่าจะถูกจับตัวไป
“ไม่ขายยาให้กับพวกเราอย่างงั้นเหรอ….. โอ้ เรื่องนี้พอเข้าใจได้ พวกเขาคงจะถูกอาณาจักรใต้พิภพกดดัน ทำให้ไม่กล้าขายยาให้พวกเราต่องั้นสินะ?” เย่ชิงเสวียนถอนหายใจ “พวกเจ้าส่งคนออกไปหาซื้อต่อเถอะ ได้เท่าไหนเอาเท่านั้น”
“ติ๊ง ท่านยินดีจะรับภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” หรือไม่?”
อยู่ๆ ก็มีภารกิจเด้งขึ้นมา ทำให้อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่มีการประกาศรางวัล กระทั่งข้อมูลก็ไม่มีให้
“รับ!”
อี้เทียนหยุนรับภารกิจโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับสุดยอดรางวัล : กลายเป็นราชาภูต! ภารกิจที่ 1 “เอาชนะการขาดแคลนเม็ดยาของเผ่าภูต” เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 5 ล้าน, ค่าความคลั่ง 50,000, ความชำนาญในการกลั่นโอสถเพิ่มขึ้น 5,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 50!”
“เป็นราชาภูต?”
อี้เทียนหยุนตกใจ ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด หมายความว่าจะให้เขาเป็นผู้ปกครองเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ? เผ่ามนุษย์สามารถกลายเป็นราชาภูตได้ด้วยหรือไง? ยังไงก็ตาม ในเมื่อระบบบอกมาอย่างนี้ มันจะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
“น่าสนใจ ถ้าสามารถปกครองเผ่าภูตได้ นิกายเทียนเฉวียนของข้าก็คง……”
ในสมองของอี้เทียนหยุนปรากฏความคิดหลากหลายขึ้นมา และหนึ่งในนั้นก็คือการทำให้นิกายเทียนเฉวียนกลายเป็นขุมอำนาจชั้น 3 อย่างง่ายดาย กระทั่งการจะขึ้นเป็นขุมอำนาจชั้น 4 ยังไม่ใช่เรื่องยาก ของแค่เขารวมเผ่าภูตเข้าไป เรื่องนี้ยังต้องกังวลอีกเหรอ? นี่ไม่เท่ากับการเปิดประตูสู่ขุมอำนาจแห่งค่ายกลหรือไง!
ในแผ่นดินแห่งนี้ ความสำเร็จในด้านค่ายกลของเผ่าภูตถือเป็นที่สุด