CLS ตอนที่ 295: พวกเจ้าหลงทางอย่างงั้นเหรอ
สำหรับเผ่าภูตนั้นจะมั่นใจแค่ไหนอี้เทียนหยุนไม่แน่ใจนัก แต่สำหรับเขา การกำจัดขยะกลุ่มนี้นั้น เขามั่นใจอย่างมาก! เมื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ สำหรับเขาแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะมาหยุดเขาได้!
ภายใต้การนำของเย่ชิงเสวียน พวกเขาก็มาถึงโถงหลักของสถูปวิญญาณอย่างรวดเร็ว หลังจากผู้อาวุโสบางคนหารือเรื่องอะไรบางอย่างแล้วเสร็จ ทันใดนั้นก็เรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญของเผ่าภูต ซึ่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือคนที่มีระดับก่อแกนวิญญาณ ไม่มีละดับผันแปรวิญญาณแม้แต่คนเดียว นับได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าอนาถนัก
“เผ่าภูตมีทั้งหมดเท่านี้เหรอ?” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณของเผ่าภูต 6-7 คนนี้ นับดูแล้วไม่ถึงสิบคน แต่ระดับหลอมรวมนั้นมีอยู่มากจริงๆ
ในสงครามครั้งนี้ ระดับหลอมรวมถือได้ว่าใช้ประโยชน์ได้น้อยมาก ไม่ต่างไปจากอาหารสัตว์เท่าไหร่ ออกไปก็มีแต่ถูกกระทำ สำหรับขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่แล้วนั้น ระดับหลอมรวมอย่างพวกเขา นับเป็นเพียงคนที่แข็งแกร่งที่สุดของขุมอำนาจเล็กๆ เท่านั้น ไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา
แม้ว่าเผ่าภูตจะถูกเรียกว่าชนเผ่า แต่ความจริงๆ พวกเขาเทียบได้กับขุมอำนาจชั้น 3 ระดับสูง เกือบจะเทียบได้กับขุมอำนาจชั้น 4 เลยด้วยซ้ำ เพราะผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่มาก รวมถึงนักสลักอาคมที่เก่งกาจ ดังนั้น พวกเขาจึงเทียบได้กับขุมอำนาจชั้น 4 เลยทีเดียว
เพียงแต่คนที่ยอดเยี่ยมนั้นมีอยู่น้อยมาก ทั้งยังเกิดการทรยศขึ้นมาก ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่คนกลุ่มนี้เท่านั้น
ที่พวกนั้นทรยศ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไร เพราะสมองเต็มไปด้วยความใฝ่หาอำนาจ ต้องการความยิ่งใหญ่ จึงไม่ต้องการจะหลบซ่อนอยู่ในที่ที่กันดารอย่างนี้ สิ่งที่พวกมันต้องการคือเงินทองและชื่อเสียง ต้องการให้คนนับหมื่นเคารพ หลงมัวเมาในอำนาจ จึงต้องการแยกตัวออกปากป่าเขาแห่งนี้
“ใช่แล้ว คนส่วนใหญ่ถูกจับตัวไป ทั้งยังถูกขังอยู่ในคุกของอาณาจักรใต้พิภพ ทำให้ไม่สามารถหนีออกมาได้….” เย่ชิงเสวียนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “เราได้ส่งหลายคนเข้าไปช่วยเหลือแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ยิ่งกว่านั้น คุกนั้นยังคุมขังอย่างแน่นหนา ถ้าไม่มีกุญแจ ก็ยากที่จะหนีออกมาได้”
“กุญแจคุกอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าอี้เทียนหยุนกลายเป็นแปลกไป ก่อนหน้านี้เขาจำได้ ตอนที่สังหารเฉิงเฟิง เขาได้รับกุญแจคุกเผ่าภูตมา ดูเหมือนจะเพราะการนี้
“ใช่แล้ว ต่อให้ลอบเข้าไปได้ แต่สุดท้ายก็จำเป็นต้องใช้กุญแจอยู่ดี และคนที่มีกุญแจก็ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ทำให้ไม่สามารถโจมตีได้ตามใจ จำเป็นต้องมั่นใจเสียก่อน!” สีหน้าเย่ชิงเสวียนเต็มไปด้วยความโกรธ “เพราะคุกนั่นบรรพชนของพวกเราช่วยกันสร้าง ทำให้บนนั้นสลักไว้ด้วยค่ายกลที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นถึงค่ายกลระดับจงซือ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายมัน! ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้ว คุกที่สร้างจะกลายเป็นที่คุมขังตัวเอง!”
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไปช่วยสร้างคุกนี้ แต่อี้เทียนหยุนเชื่อว่าตอนแรกทั้งสองจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีกันแน่ๆ แต่ภายหลังอาณาจักรใต้พิภพกลับต้องการครอบครองเผ่าภูต ดังนั้นผลลัพธ์จึงเป็นอย่างที่เห็น
“แล้วบรรพชนคนนั้นล่ะ…..” อี้เทียนหยุนถามขึ้น
“ท่านบรรพชนตอนนี้แก่แล้ว ตอนนี้ถูกจับขังในคุก คาดว่าต้องประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน…..” เย่ชิงเสวียนหลับตาลงด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แม้จะไม่อยากพูด แต่ก็ยังบอกอี้เทียนหยุน
แม้จะเป็นสถานการณ์ที่กำหนดความตายไว้ล่วงหน้า แต่ต้องมาถูกทรมานจนตาย สำหรับบรรพชนที่เป็นตัวตนที่สูงส่ง และทรงเกียรติ การที่ต้องมาตายแบบนี้ นับเป็นความอับอายอย่างหนึ่ง
“หลังจากจัดการเรื่องอื่นๆ แล้วเสร็จ พวกเราจะไปจัดการอาณาจักรใต้พิภพแล้วช่วยคนออกมา!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “แต่ตอนนี้เราต้องมาจัดการกับหายนะนี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที!”
“ได้!” เย่ชิงเสวียนไม่คิดอะไรมาก การไปช่วยคนจากเงื้อมมือของอาณาจักรใต้พิภพนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
หลังจากรวมตัวกันเสร็จ พวกเขาก็เข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ภายใต้คำอธิบายของเย่ชิงเสวียน ทำให้เขารู้ว่าต้องเคลื่อนไหวยังไง ถ้าเกิดหลงกันอยู่ข้างในแล้วล่ะก็ นั่นคงจะเป็นปัญหาทีเดียว
ผู้จัดการเผ่าภูตเห็นนักบุญหญิงของตนทำตัวสนิทสนมกับคนนอกก็ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นนักบุญหญิงของพวกเราทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายมาก่อน ขนาดในเผ่าตัวเองยังไม่เคยเห็น อย่าว่าแต่กับคนนอกเผ่าเลย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอย่างแน่นอน!
“ข้าเข้าใจคร่าวๆ แล้ว ที่นี่ข้าจัดการเอง” ในสายตาของอี้เทียนหยุนพลันมีประกายเย็นเยียบพาดผ่าน “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องถามเจ้าก่อน ถ้าเจอกับพวกทรยศ เจ้าจะให้ข้าฆ่า? หรือว่าจับพวกเขามาให้เจ้า?”
“นอกจากเหลยหยุนแล้ว คนอื่นฆ่าทิ้งให้หมด!” สีหน้าเย่ชิงเสวียนเย็นชาถึงขีดสุด “แน่นอนว่าถ้าจับเป็นได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้ฆ่าซะ!”
สำหรับคนทรยศ พวกเขาไม่ถือว่าเป็นคนของเผ่าภูตอีก กระทั่งสังหารคนในเผ่าตนเอง แล้วอย่างนี้ยังจะนับว่าเป็นคนของเผ่าภูตอีกอย่างงั้นเหรอ?
“ได้ ไม่มีปัญหา” สายตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย เหลยหยุนจะต้องเป็นคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ถ้าจับมันได้ จะต้องได้ข้อมูลมากมายจากปากของมันอย่างแน่นอน
เมื่อทำข้อตกลงกันแล้วเสร็จ พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เย่ชิงเสวียนเป็นคนนำทัพด้วยตัวเอง ส่วนอี้เทียนหยุนนั้น เขาจะลงมือตามใจตนเอง
“ใกล้แล้ว!”
ในตอนนี้เอง ฝีเท้าของเย่ชิงเสวียนก็ช้าลงเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ซ่อนตัวเร็วเข้า แล้วอย่าลืมลบกลิ่นอายออกด้วย อย่าให้พวกมันเจอตัว”
ในตอนนี้เอง เธอก็ได้หันหัวไปมองรอบๆ แล้วก็พบว่าอี้เทียนหยุนได้หายไปแล้ว ทำให้เธอต้องถามขึ้นด้วยความตกใจ “คนล่ะ?”
จากนั้นก็มีมือตบลงที่ไหล่ของเธอ ทำให้เธอรีบหันหัวกลับไปโดยพลัน แล้วก็พบว่าอี้เทียนหยุนกำลังยิ้มให้กับเธออยู่ “อยู่นี่ มีอะไร?”
“กลิ่นอายของเจ้าหายไป ข้าก็คิดว่าเจ้าหลงทางแล้วน่ะสิ!” เย่ชิงเสวียนกลอกตาแล้วพูดขึ้น
“ไม่ใช่ว่าเจ้าให้ข้าซ่อนตัวอย่างงั้นเหรอ ข้าก็ทำตามแล้วไง…..” อี้เทียนหยุนยักไหล่ แต่ขณะที่กำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น สายตาของเขาก็พลันกลายเป็นเย็นชา “ลบกลิ่นอายเร็วเข้า มีคนกำลังตรงมาที่นี่”
เย่ชิงเสวียนพยักหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร พร้อมกับนำเขาตรงไปซ่อนยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ
“นายท่านอู๋ ค่ายกลที่นี่อยู่ๆ ก็ฟื้นฟู ดังนั้นจึงทำให้ยากที่จะทำลายเขาวงกตแห่งนี้ ผู้น้อยต้องขออภัยด้วย” ผู้ฝึกตนเผ่าภูตก้มหัวค้อมเอว สีหน้าเต็มไปด้วยความขออภัย
นายท่านอู๋คนนี้ก็คืออู๋เผิง ระดับของเขาไม่ต่ำเลย เขาเป็นถึงผู้บัญชาการระดับสูงของอาณาจักรใต้พิภพ มีพลังอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 3 เป็นผู้นำเผ่าภูตที่ทรยศกลุ่มนี้มาทำลายค่ายกล แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาถูกขังอยู่ที่นี่
“ฟื้นฟูแล้ว ทำลายไม่ได้!” อู๋เผิงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “แล้วพวกเราจะต้องถูกขังอยู่ในนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แล้วเมื่อไหร่ถึงจะทำภารกิจจับกุมสำเร็จ! ถ้าองค์จักรพรรดิสั่งบทลงโทษลงมา แม้แต่ข้าก็รับไม่ไหว!”
“เร็วๆ นี้แหละครับ หัวหน้าของพวกเรากำลังหาทางทำลายอยู่ ตราบเท่าที่ทำลายค่ายกลใหญ่ในสถูปวิญญาณได้ เมื่อนั้นเขาวงกตนี้ก็จะไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง!” ผู้ทรยศของเผ่าภูตรีบพูดขึ้น
“สวะ แล้วเจ้าทำลายค่ายกลไม่ได้หรือไง?!” อู๋เผิงมองไปที่พวกเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา
“เรื่องนี้….. ระดับของพวกเราไม่เพียงพอครับ” พวกเขารู้สึกอึดอัด ระดับของพวกเขาก็ไม่ได้ต่ำ แต่ก็ไม่ใช่นักสลักอาคมระดับต้าซือ แล้วพวกเขาจะไปทำลายค่ายกลนี้ได้ยังไง
“โชคร้ายจริงๆ! ถ้าเรื่องนี้ถูกเลี่ยวเฉิงแย่งไป แล้วอย่างนี้ข้าจะมีความดีความชอบได้ยังไง!” อู๋เผิงมองไปที่พวกเขาด้วยความเกลียดชัง ต่อให้เข้าร่วมกับอาณาจักรใต้พิภพ ความเป็นอยู่ของพวกเขาก็ยังคงน่าผิดหวังอยู่ดี กระทั่งดูราวกับสุนัขก็ไม่ปาน
ในที่ที่พวกอี้เทียนหยุนซ่อนตัวอยู่ เย่ชิงเสวียนได้ส่งเสียงผ่านลมปราณออกมาว่า “มีปัญหานิดหน่อย มีผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณอยู่ แต่พวกเราสามารถลอบโจมตีพวกระดับก่อแกนวิญญาณได้….. เกือบลืมไปเลย แล้วเจ้ามีพลังระดับไหน?”
ขณะที่เธอหันไปทางอี้เทียนหยุน เธอก็พบว่าอี้เทียนหยุนได้หายไปแล้ว! และตอนนี้เอง เธอก็ได้ยินเสียงของอี้เทียนหยุนดังมาจากด้านหน้าว่า
“นี่พวกเจ้าหลงทางอย่างงั้นเหรอ?” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อยู่ๆ อี้เทียนหยุนก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ขณะที่ริมฝีปากเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา