CLS ตอนที่ 338: กริ้ว
ในที่สุดท่ามกลางการต่อสู้เอาชีวิต ขุนพลมังกรก็ถูกสังหารไปอย่างราบรื่น หลังจากการลอกคราบ อี้เทียนหยุนก็พลันทิ้งเพลิงนิรันดรเผาศพจนกลายเป็นขี้เถ้า การตายของขุนพลมังกรอย่างนี้ ถ้าเกิดข่าวแพร่ออกไป จะต้องทำให้เขตชายแดนพากันตื่นตะลึงอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม นี่ก็ถือเป็นการทำให้อาณาจักรใต้พิภพพิโรธอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น อีกฝ่ายจะต้องส่งศัตรูที่ทรงพลังกว่านี้มา แต่ไม่ว่าจะส่งมามากแค่ไหน อี้เทียนหยุนก็จะฆ่าทิ้งให้หมด! ยิ่งส่งมาเยอะ ก็เท่ากับมอบค่าประสบการณ์กับค่าความชั่วมาให้เขา เป็นอย่างนี้อี้เทียนหยุนก็ยิ่งมีความสุข โดยเฉพาะอยู่ภายใต้ค่ายกลสัมผัสพิศวงด้วยแล้ว การเก็บกวาดจะต้องยิ่งง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเก็บกวาดแล้วเสร็จ อี้เทียนหยุนก็เดินทางกลับหมู่บ้านพร้อมกับเย่ชิงเสวียน เมื่อรู้ว่าขุนพลมังกรตายไปแล้ว พวกเขาก็พากันโห่ร้อง ไม่มีใครคิดว่าพวกอี้เทียนหยุนจะทำเรื่องนี้สำเร็จ ไม่เพียงแต่เก็บกวาดทหารมังกรเท่านั้น แต่ยังสามารถสังหารขุนพลมังกรได้ด้วย
เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในทันที ทุกคนต่างก็คิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ผู้ที่จะกลายเป็นเทพผู้พิทักษ์เผ่าภูตของพวกเขา!
และเมื่อกลับไปถึงสถูปวิญญาณ บรรพชนเผ่าภูตก็ต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แต่เหมือนว่าสีหน้าจะซีดหน่อยๆ การควบคุมค่ายกลนี้เผาผลาญพลังวิญญาณอย่างมาก ยิ่งเขาเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บด้วยแล้ว ดังนั้นจึงเหมือนว่าจะดูอ่อนแอและซีดเซียวลง
ยังไงก็ตาม หลังจากรู้ว่าพวกเขาได้รับชัยชนะ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าสังหารขุนพลมังกรนี้ได้จริงๆ นี่ก็เท่ากับช่วยเหลือเผ่าภูตไว้ทั้งเผ่า!” บรรพชนเผ่าภูตพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ พูดได้เลยว่า คนที่เสิ้งหนี่พามา ก็คือผู้กอบกู้ของพวกเราเผ่าภูต!”
“ท่านบรรพชนชมเกินไปแล้ว” อี้เทียนหยุนยิ้ม สามารถช่วยเหลือได้ แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว
โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นอาณาจักรใต้พิภพด้วยแล้ว ทั้งยังมีภารกิจมอบให้อีก แล้วทำไมเขาจะไม่ช่วยล่ะ?
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจ “ช่วยเหลือเผ่าภูต” ภารกิจที่ 5 “ต้านทานการโจมตีจากกองกำลังหลังของขุนพลมังกร” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 60 ล้าน, ค่าความคลั่ง 250,000, ค่าความชั่ว 10,000, ค่าความชอบของเผ่าภูตเพิ่มขึ้น 100!”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจสุดท้าย “กลายเป็นราชาภูต” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 100 ล้าน, ค่าความคลั่ง 300,000, ค่าความชั่ว 10,000, ค่าความชำนาญในการสลักอาคม 10,000 และฉายา “ราชาภูต”!”
และในตอนนี้ ภารกิจก็สำเร็จ พร้อมกับได้รับค่าประสบการณ์และรางวัล จากนั้นก็เป็นภารกิจสุดท้าย ซึ่งภารกิจนี้ไม่จำเป็นต้องสู้รบกับอาณาจักรใต้พิภพอีก ถ้าเกิดว่าภารกิจสุดท้ายให้ทำลายอาณาจักรใต้พิภพถึงจะสำเร็จ อย่างนั้นคงจะน่ากลัวเกินไป
ในตอนนี้เขาไม่มีวิธีที่จะทำลายอาณาจักรใต้พิภพ เนื่องด้วยพลังของเขายังไม่เพียงพอ ต่อให้รวมเผ่าภูตและนิกายเทียนเฉวียนเข้าไปด้วยก็ไม่มีทางทำสำเร็จ เนื่องเพราะความต่างของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากเกินไป ถ้าอีกฝ่ายส่งผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้มาแค่สองคน แค่นั้นก็สามารถเหยียบพวกเขาจนจมดินได้แล้ว
ที่อี้เทียนหยุนสามารถเอาชนะได้ในครั้งนี้นั้น ส่วนใหญ่ล้วนแต่พึ่งพาค่ายกลสัมผัสพิศวงของเผ่าภูต ถึงสามารถเอาชนะศึกนี้ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าออกไปจากที่นี่ ก็เหมือนกับไร้ซึ่งกำแพงคอยป้องกัน พวกเขาจะต้องถูกศัตรูพิชิตได้ในพริบตา
“ไม่ได้เกินไปเลย ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดไว้แล้ว ว่าตราบใดที่เจ้าสามารถต้านทานขุนพลมังกรไว้ได้ เจ้าก็จะกลายเป็นราชาภูต” บรรพชนเผ่าภูตพูดอย่างจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี้ ข้าจะทำการประกาศเรื่องนี้ออกสู่ภายนอก เพื่อให้เข้าได้รับสิทธิ์เข้ารับการทดสอบเพื่อเป็นราชาภูต”
“อืม!” อี้เทียนหยุนในคราวนี้ไม่ได้แย้งอะไร หากปฏิเสธ นั่นก็คงเป็นเรื่องเสแสร้งแล้ว
พวกเขาพากันพยักหน้า นี่เป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องพูดคุยหาทางรับมืออย่างระวัง โดยเฉพาะเรื่องจิตใจของปวงชน การจะให้คนนอกเผ่าขึ้นรับตำแหน่งราชาภูต ถือเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมการให้ดี ถ้าเกิดว่าคนส่วนใหญ่คัดค้าน งั้นก็คงจะหมดหวังแล้ว
ถ้าคนส่วนใหญ่และผู้เยาว์พากันคัดค้าน นั่นก็ต้องมีการพูดปลอบที่ดี ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่เชื่อฟัง แบบนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เดิมเผ่าภูตก็มีประชากรน้อยมากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าผู้เยาว์ทำการคัดค้านอีก นั่นก็เท่ากับคนส่วนมากคัดค้านเช่นกัน
ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมการอยู่นั้น ข่าวก็ได้แพร่ออกไป สร้างความสนใจให้กับขุมอำนาจอื่นจำนวนมาก เมื่อผู้ว่าพวกขุนพลมังกรที่ส่งไปไม่กลับมา ก็รู้แล้วว่าพวกของขุนพลมังกรจะต้องตายอยู่ในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาไม่สามารถโจมตีและยึดครองเผ่าภูตได้สำเร็จ
ถ้าพวกเขาทำการโจมตีและยึดครองสำเร็จ ด้วยสถานการณ์ของอาณาจักรใต้พิภพในตอนนี้ พวกเขาจะต้องทำการประกาศออกไปทันทีอย่างแน่นอน เพื่อให้ทุกผู้คนพากันรับรู้เรื่องนี้
ทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่งต่างก็พากันระเบิดในทันที อาณาจักรใต้พิภพก็เช่นเดียวกัน ขุนพลมังกรลูกน้องภายใต้อำนาจของพวกเขาตาย? ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ากลัว เผ่าภูตแข็งแกร่งขนาดที่สามารถทำลายล้างขุนพลมังกรพร้อมทั้งทหารมังกรอีกจำนวนหนึ่งได้เชียวเหรอ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ต้องสามารถบดขยี้ขุมอำนาจชั้น 3 สำนักไหนก็ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน เผ่าภูตในตอนนี้ได้ตกต่ำลงแล้ว ปัจจุบันได้มีคนทรยศจำนวนมาก ทั้งยังถูกจับไปมากมาย แต่กลับกลายเป็นว่าสามารถทำลายกองกำลังทหารมังกรของอาณาจักรใต้พิภพได้ นี่ช่างเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ขุมอำนาจทั้งหลายต่างก็พากันคาดเดาว่าเผ่าภูตจะต้องมีผู้ช่วย หรือไม่ก็ผู้เชี่ยวชาญทรงพลังที่ตัดขาดจากโลกคอยช่วยอย่างแน่นอน แต่ว่าผู้ช่วยคนนี้โผล่มาจากไหนกัน? แน่นอนว่าการคาดเดาของพวกเขาก็ได้แพร่กระจายไปทุกที่เช่นกัน
และเมื่อข่าวนี้แพร่ไปถึงหูของอาณาจักรใต้พิภพ จักรพรรดิใต้พิภพก็พลันระดับความโกรธออกมาในทันที พร้อมกับมองลงไปยังเหล่าต้าเฉิน(ขุนนางบุ๋น)และเจี้ยงหลิ่ง(ขุนนางบู๋)ที่อยู่ข้างล่างอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่ว่ามีราชครูคอยช่วยอยู่หรอกเหรอ ทำไมยังได้ถูกจัดการได้อีก? แค่เผ่าภูตอันกระจ้อยร่อย นานขนาดนี้แล้วยังยึดครองไม่ได้อีก กระทั่งขุนพลมังกรที่ถูกส่งไปยังต้องตายอยู่ที่นั่นด้วย!”
“ฝ่าบาท เรื่องนี้แปลกอย่างมาก ร่างกายของบรรพชนเผ่าภูตต้องพิษร้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดใช้งานค่ายกลสัมผัสพิศวงได้เต็มกำลัง กระหม่อมคิดว่าจะต้องมีคนนอกเผ่าคอยช่วยอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นอาณาจักรเทียนหลง!” ราชครูมีสีหน้าเย็นชา เขาคิดว่าพิษของตนนั้นร้ายกาจ ไม่มีทางถูกแก้ออกได้ง่ายอย่างแน่นอน
การที่ขุนพลมังกรตกอยู่ในสภาพนั้น มีความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือศัตรูตลอดกาลของพวกเขา อาณาจักรเทียนหลง
ทั้งสองอาณาจักรต่างก็ห้ำหั่นกันมาทุกปี ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงสงบศึกกันอยู่ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น ในทางลับพวกเขาต่างก็ไม่มีใครยอมให้ใคร ต่างก็ต่อสู้กันจนตายไปข้างอยู่ดี เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ปรากฏต่อสายตาคนนอกเท่านั้นเอง
“กองกำลังของอาณาจักรเทียนหลงอย่างงั้นเหรอ? นี่เป็นไปได้อย่างมาก พวกเขาคงกลัวว่าข้าจะได้พลังของเผ่าภูตมาครอบครอง จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงสำคัญ ทั้งยังสามารถได้ใจของเผ่าภูตด้วย” จักรพรรดิใต้พิภพทุบโต๊ะเสียงดัง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะช่วยพวกเขาสร้างรอยร้าว ทำให้พวกเขาสอดแทรกเข้ามาได้!”
“แล้วฝ่าบาทคิดว่ายังไง พระองค์ยังจะส่งคนไปโจมตีเผ่าภูตต่อหรือไม่พะยะค่ะ?” ราชครูเอ่ยถามอยู่ด้านข้าง
“ตอนนี้สถานการณ์คับขัน ทั้งขุนพลมังกรยังถูกฆ่า และจะให้ข้ากล้ำกลืนความโกรธนี้คงไม่ได้ อาณาจักรใต้พิภพของเราจำเป็นต้องรักษาหน้า!” จักรพรรดิใต้พิภพพูดอย่างเย็นชา “เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็จะส่งขุนพลฟงไป!”
“ส่งขุนพลฟงไปอย่างงั้นเหรอพะยะค่ะ?” ราชครูตกใจ จากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าขุนพลฟงตอนนี้กำลังเตรียมตัวกวาดล้างพวกเศษเดนอาณาจักรเทียนหลงอยู่หรือพะยะค่ะ หากให้ทิ้งทางนู้นมา มันจะไม่ส่งผลเสียต่อฝั่งนั้นหรอกเหรอ พะยะค่ะฝ่าบาท?”
“ผลเสียย่อมต้องมีอยู่แล้ว แต่แค่เศษเดนของอาณาจักรเทียนหลงไม่จำเป็นต้องถึงมือเขาหรอก เผ่าภูตได้ทำลายล้างคนของเรา เรื่องนี้ขุมอำนาจอื่นล้วนพากันล่วงรู้!” จักรพรรดิใต้พิภพพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ส่งขุนพลฟงไป ข้าไม่เชื่อว่าจะจัดการพวกมันไม่ได้!”
เหล่าต้าเฉินทั้งหลายต่างก็พากันมองหน้ากัน ไม่พากันพูดอะไร ต่างก็เลือกที่จะเงียบ